คำพูดของเธอทำให้หลินอันหนานรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง เขาดึงไป๋มู่ชิงกลับมาด้วยความโกรธพลางผลักเธอไปที่กำแพงและก้มหัวลงจูบเธอที่ริมฝีปาก
ไป๋มู่ชิงตกใจ ยกมือขึ้นทุบตีเขา
หลินอันหนานรีบจับข้อมือของเธอกดไว้เหนือศีรษะและจ้องไปที่เธออย่างดุดัน “ไป๋มู่ชิง คุณควรส่องกระจกดูตัวเองให้ดีๆ ดูซะว่าตัวเองยังมีคุณธรรมอะไรเหลืออยู่บ้าง ผู้หญิงที่โดนหนานกงเฉินย่ำยีจนไม่เหลือดีอย่างเธอ มีผู้ชายเอาก็ถือว่ามีบุญเก่าเกื้อหนุนแล้ว ยังมีหน้ามารังเกียจคนอื่นแบบนี้อีกงั้นเหรอ?”
“ใช่ ฉันเป็นผู้หญิงที่ถูกหนานกงเฉินย่ำยีจนไม่มีดีที่รังเกียจคุณ อย่ามาแตะตัวฉัน อย่ามาจูบฉัน” ไป๋มู่ชิงยกมืออีกข้างขึ้นมาเช็ดริมฝีปากของเธอด้วยสีหน้าขยะแขยง
หลินอันหนานรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นจากการแสดงออกที่น่ารังเกียจของเธอ แต่นี่เป็นสถานที่สาธารณะและเขาไม่สามารถพาเธอไปทำอะไรได้
“คุณชายหลิน คุณปล่อยผู้หญิงเลวอย่างฉันไปได้ไหมคะ?” ไป๋มู่ชิงจงใจกระตุ้นเขา
หลินอันหนานบีบคางของเธอด้วยมือข้างเดียว “ทางที่ดีอย่าเสียใจภายหลังละกัน! ”
“ไม่ต้องกังวล แต่ให้ฉันจะต้องอยู่โดดเดี่ยวลำพังไปตลอดชีวิต ก็ไม่คิดเสียใจที่ทิ้งคุณ” ไป๋มู่ชิงพูดจบก็ผลักเขาออก จากนั้นรีบหมุนตัวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเดินมาถึงระเบียงของโรงพยาบาลแล้ว ไป๋มู่ชิงหันกลับไปมองพบว่าเขาไม่ได้ตามมาจึงหยุดฝีเท้าลง ถอนหายใจพลางเดินเข้าไปในห้องน้ำ
แม้ว่าเธอจะตอบโต้หลินอันหนานอย่างเย็นชา แต่จริงๆ แล้วเธอก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย ในใจเธอรู้สึกว่าหลินอันหนานเปลี่ยนไปจนน่ากลัว กลายเป็นคนไม่มีเหตุผล น่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่หนานกงเฉินโกรธเสียอีก
ไม่ว่าหนานกงเฉินจะโกรธแค่ไหน เขาก็จะไม่มองเธอด้วยสายตาที่ดุร้ายเช่นนั้น แต่ตอนนี้เธอเห็นความเลวร้ายและความสิ้นหวังในดวงตาของหลินอันหนาน
เธอเดินไปที่อ่างล้างหน้าเปิดก๊อกน้ำและเอามือเย็น ๆ วางบนใบหน้าของเธอ สัมผัสที่เย็นทำให้เธอมีสติมากขึ้นในทันที และเริ่มรู้สึกเสียใจในการกระทำของตนเองเมื่อครู่
หลินอันหนาน ตอนนี้เขาคงจะหงุดหงิดตัวเองอยู่แล้วฉันหวังว่าเขาจะไม่ทำอะไรสุดโต่งอีกนะ!
เธอใช้ทิชชู่เช็ดหยดน้ำบนหน้าและเมื่อเธอกำลังจะหันกลับออกจากห้องน้จู่ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากห้องน้ำ “ฮัลโหล จูจู … เธอพูดว่าอะไรนะ? ไป๋มู่ชิงตกลงหย่าร้าง … จริงหรือเปล่าเนี่ย … รอก่อนนะเดี๋ยวฉันไป ตอนนี้เข้าห้องน้ำอยู่ ”
จากนั้นก็มีเสียงกดชักโครกดังขึ้น ไป๋มู่ชิงรีบซ่อนตัวที่ห้องน้ำข้างๆ อย่างรวดเร็ว
เสียงกลอนประตูจากห้องข้างๆ ดังขึ้น มีคนเดินออกไป
ไป๋มู่ชิงมองลอดผ่านระหว่างช่องของประตู เมื่อเธอเห็นร่างของคนคุ้นเคยเดินผ่าน เธอถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
คุณป้า? จะเป็นเขาได้อย่างไร?
เธอรู้สึกคุ้นเคยเมื่อได้ยินเสียงครั้งแรก หากเธอไม่ได้ยินชื่อจูจูและชื่อของเธอเองจากปากของเขา เธออาจยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้าและรอให้เขาออกมา
จูจูที่คุณป้าเอ่ยออกมาใช่คุณหนูจูหรือไม่? ทั้งสองคนรู้จักกันได้อย่างไร? แล้วยังเอ่ยถึงชื่อเธอ! แถมยังเป็นห่วงเป็นใยเรื่องหย่าของเธออีก?
จูจู …
ทันใดนั้นหัวใจของไป๋มู่ชิงก็แน่นขึ้น ครั้งหนึ่งเธอเคยได้ยินแม่ของเธอเอ่ยชื่อลูกสาวของคุณป้าแม้ว่าเธอจะไม่รู้จักชื่อของเขา แต่เธอก็จำได้ว่าแม่ของเธอเรียกเธอว่าเสี่ยวจู
หรือว่าเสี่ยวจูก็คือจูจู จูจูก็คือลูกสาวของคุณป้า?
ไป๋มู่ชิงยืนอยู่หน้าอ่างล้างมือสักพัก เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าและโทรไปหาแม่ ก่อนที่แม่ของเธอจะพูดอะไร เธอแทบรอไม่ไหวที่จะถาม “แม่ หนูอยากถามแม่เรื่องหนึ่ง ลูกสาวของคุณลุงชื่ออะไรเหรอคะ ?
จูฮุ่ยรู้สึกงงงวยกับคำถามที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของลูกสาวและถามว่า “มีอะไรงั้นเหรอ? ”
“เอ่อ … ” ไป๋มู่ชิงตอบอย่างลวกๆ “แบบนี้ค่ะ หนูได้รับบัตรเชิญมาใบหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นของใคร”
“อ้อ จูจูเหรอ?เชื่อจริงของเสี่ยวจูก็คือจูจูไง”
ขาของไป่มู่ชิงอ่อนลงและเกือบล้มลงกับพื้น
จูจู เป็นเธอจริงๆ!
จูจูเป็นลูกสาวของลุงของเธอ พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“ใช่เขาส่งให้ไป” จูฮุ่ยถาม
“อ๋อ ไม่ใช่เขาค่ะ” ไป๋มู่ชิงได้สติกลับมา”แม่ หนูขอตัวไปทำงานก่อนนะ แค่นี้ก่อนนะคะ”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ไป๋มู่ชิงยืนนิ่งอยู่หน้าอ่างล้างมือสักพัก จากนั้นก็รีบเดินออกจากห้องน้ำไปที่ลิฟต์
เธอเดินไปยังชั้นที่จูจูอยู่และเดินไปที่ประตูห้องผู้ป่วยของจูจูอย่างระมัดระวัง เธอมองลอดผ่านหน้าต่างบานเล็กที่ประตู จึงเห็นป้าของเธอและจูจูอยู่ด้วยกัน ได้ยินจูจูถามด้วยน้ำเสียงงงงวย “แม่ แม่คิดว่าไป๋มู่ชิงจะตัดสินใจหย่าง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ ไม่น่าจะยอมถอยง่ายขนาดนั้นหรอกมั้ง? ”
“ยัยเด็กมู่ชิงคนนั้น นิสัยขี้ขลาดเหมือนกับแม่ของเขา คุณหญิงบีบบังคับแบบนี้ เขายังจะกล้าอยู่ที่ตระกูลหนานกงอีกงั้นเหรอ? ไม่กลัวโดนคุณหญิงบีบจนตายหรือไง? “คุณนายจูไม่มีข้อสงสัยแม้แต่น้อย
“แล้วเขาตั้งใจจะเลิกจริงเหรอ?”
“ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง”
“เยี่ยมมาก ในที่สุดเธอก็จะเลิกสักที”จูจูยิ้มอย่างมีชัย จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ฉันไม่รู้ว่าเขาจะไปที่ไหนหลังจากการหย่าร้าง จู่ๆ ถ้าเขานึกถึงเรื่องที่เคยช่วยหนานกงเฉินขึ้นมาได้ แล้วกลับไปหาหนานกงเฉิน”
“ไม่ต้องกังวล ตอนที่เขาช่วยหนานกงเฉินไว้อายุแค่เพียงเจ็ดขวบ ตอนอายุเจ็ดขวบเธอจำอะไรได้บ้างล่ะ”
“ฉันดูเหมือนจะจำอะไรไม่ได้เลย” จูจูหัวเราะ
“แน่นอนสิ เขาเองก็จำไม่ได้ ยายเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ก็จากโลกนี้ไปแล้ว ดังนั้น …เธอจะต้องได้เป็นผู้มีพระคุณและคู่ครองแน่นอน มั่นใจได้เลย” คุณนายจูปลอบ
เมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างสองแม่ลูก ไป๋มู่ชิงตกใจมากขึ้น เธอสงสัยว่าเธอได้ยินผิดหรือเปล่าเพราะการสนทนาระหว่างสองแม่ลูกนั้นแปลกมากขนาดตัวเธอเองยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาพูดถึงอะไร
อะไรคือเธอเคยช่วยชีวิตหนานกงเฉิน อะไรคือเจ็ดขวบ ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
เพื่อให้ตัวเองฟังได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น เธอจึงเอาหูแนบประตูพลางพยุงตัวเองไว้ไม่ให้ล้ม เธอได้ยินจูจูกล่าวว่า “เมื่อก่อนฉันแอบถามไป๋มู่ชิง ดูเหมือนว่าเธอจะจำไม่ได้ว่าเคยช่วยชีวิตหนานกงเฉินไว้ ”
“อืม ฉันก็คิดว่าเขาคงจะจำไม่ได้” คุณนายจูตบหลังมือจูจูเบาๆ และพูดว่า “จู ตอนนี้เธอคงจะได้แต่งงานกับหนานกงเฉินแน่ๆ แม่ทำทุกอย่างให้คนที่รู้จริงเพียงคนเดียวอย่างคุณย่าจนตาย หลายปีมานี้จึงเอาแต่ฝันว่าท่านจะกลับมาแก้แค้นฉัน ”
“แม่ แม่พูดอะไรน่ะ คุณย่าท่าน … ” จูจูตะลึง
คุณนายจูพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่อย่างนั้นฉันจะทำยังไง ท่านรักมู่ชิงมาก ถ้าท่านรู้ว่าหนานกงเฉินกลับไปหาผู้มีพระคุณ ท่านจะบอกความจริงอย่างแน่นอน”
“พระเจ้า แม่คะ นั่นคือย่าแท้ๆ ของฉัน”
“ท่านรักมู่ชิงมากกว่าเธอ ย่าแท้ๆ อะไรกัน” คุณนายจูปฏิเสธและกล่าวว่า “นอกจากนี้ฉันยังถูกท่านทิ้งอย่างน่าสังเวชมาหลายปี ยังดีที่มีการตอบแทน”
“ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ฉันก็ยังรู้สึกมันโหดร้ายเกินไป”
คุณนายจูพูดไม่ออก “ถ้าหากฉันไม่เด็ดขาด แม้แต่หน้าของหนานกงเฉินเธอก็จะไม่มีวันได้เจอ ยังอยากคิดจะเป็นคู่ครองแทนไป๋มู่ชิงอีกเหรอ ฝันไปเถอะ”
จูจูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดกับคุณนายจูว่า”แม่ กลับไปเดี๋ยวนี้ อย่าให้คนของตระกูลหนานกงเห็นแม่เด็ดขาดนะ”
“คุณคะ มาหาใครเหรอคะ? ” จู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นที่ประตู
แม่และลูกสาวในห้องพักผู้ป่วยถึงกับผงะ คุณนายจูรีบออกไปเปิดประตู
เมื่อได้พบกับดวงตาของไป๋มู่ชิง เธอก็ตื่นตระหนกและนิ่งไป …
ไป๋มู่ชิงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ร่างกายของเธอคงที่ หายใจเข้าลึก ๆ ในที่สุดเธอก็พูดว่า”คุณป้า เป็นอย่างไรบ้างคะ”
“มู่ … มู่ชิง … เธอมาที่นี่ทำไม? ” คุณนายจูอ้าปากและตะลึง
“ฉันเห็นคุณอยู่ชั้นล่าง ฉันก็เลยตามมา” ไป๋มู่ชิงยิ้มหัวเราะอย่างน่าเกลียดมากกว่าร้องไห้”ขอโทษนะ ฉันได้ยินหมดแล้ว และฉันก็อัดเสียงไว้แล้วด้วย”
เธอยกโทรศัพท์ขึ้น คุณนายจูกรีดร้องเมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้ จูจูที่อยู่ข้างหลังเธอก็หน้าซีดด้วยความตกใจ
“มู่ชิง … ฉัน … สิ่งที่ฉันพูดไปนั้นเป็นเรื่องโกหก ฉันก็แค่ปลอบใจจูจูเท่านั้นนะ … ” คุณนายจูเหงื่อแตกออกมาพร้อมกับพยายามอธิบาย
“แต่เป็นเรื่องจริงที่คุณยายเสียชีวิตในโรงพยาบาลอย่างลึกลับ” ไป๋มู่ชิงโกรธจนน้ำตาไหลออกมาจากตา จ้องมองเธอและพูดอย่างสั่น ๆ ว่า “เพื่อให้ลูกสาวของคุณแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวย คุณกล้าที่จะฆ่าคน คุณมันโหดร้ายเกินไป!”
“ฉันไม่ได้ทำ ฉันแค่พูดเรื่องไร้สาระ! ” คุณนายจูยื่นมือออกไปดึงมือเล็ก ๆ ของไป๋มู่ชิง “มู่ชิง … ฟังฉัน ฉัน … ”
“อย่าแตะต้องตัวฉัน! ” ไป๋มู่ชิงสะบัดมือออกก้าวถอยหลังและมองไปที่สองแม่ลูกแล้วหัวเราะ “คุณรู้ไหมตอนที่คุณชายเฉินเล่าเรื่องราวในวัยเด็กให้ฉันฟัง ฉันรู้สึกคุ้นๆ ราวกับว่าฉันเคยมีประสบการณ์มาก่อน ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนั้น ขอบคุณที่เตือนฉันถึงอดีตนั้น ขอบคุณที่แจ้งให้ฉันทราบความจริง ขอบคุณที่แจ้งให้ฉันรู้ … ที่แท้ฉันกับเขาก็มีวาสนาต่อกัน ”
“มู่ชิง เธอเข้าใจผิด …”
“ฉันจะเข้าใจผิดหรือไม่ รอให้คุณชายเฉินฟื้นขึ้นมาแล้วก็จะรู้! ” ไป๋มู่ชิงขัดจังหวะเธอกัดฟันและพูดว่า “สารเลวสองแม่ลูก ฉันไม่สามารถมองดูพวกเธอมาแทนที่ฉันได้ แต่คุณฆ่าฉันย่าที่ฉันรักมากที่สุด ฉันจะไม่มีวันอภัยให้คุณ ”
ไป๋มู่ชิงก้าวถอยหลังทีละน้อย “คุณรู้ผลของการหลอกลวงคุณหญิงไหม แล้วก็สิ่งที่หนานกงเฉินเกลียดมากที่สุดคือการโกหก ฉันจะไปบอกคุณหญิงเดี๋ยวนี้ พวกคุณคอยดูเถอะว่าชะตากรรมของพวกคุณมันจะต้องไม่ต่างอะไรกับตระกูลไป๋อย่างแน่นอน”
ไป๋มู่ชิงแทบจะคำรามด้วยน้ำตาในตอนท้าย หลังจากที่เธอคำรามเสร็จแล้วเธอก็หันกลับมาและวิ่งไปที่ลิฟต์
ด้านหลัง สองแม่ลูกรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง คุณนายจูรีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
จูจูคว้าข้อมือแม่ไว้และพูดอย่างกังวลว่า “แม่ รีบโทรบอกเขาเลย บอกว่าไป๋มู่ชิงรู้ความจริงแล้ว กำลังจะไปบอกความจริงกับคุณหญิงที่คฤหาสน์! ”
“อ่า … อ้อ … ใช่! ” คุณนายจูหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างสั่นสะท้านและโทรออก
จูจูหันหลังกลับและวิ่งกลับไปที่ห้องหยิบกระเป๋าถือของเธอออกมาจากตู้ แล้วหยิบกุญแจรถออกมาพลางวิ่งลงบันไดหนีไฟ
เมื่อเธอไล่ตามลงไปถึงชั้นล่าง ก็ไม่พบเงาของไป๋มู่ชิงแล้ว เธอมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วพลางวิ่งไปที่รถของเธอ และขับรถไปยังคฤหาสน์หนานกงด้วยความเร็วสูงสุด