เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – บทที่ 213 ฉันยอมหย่า

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

หนานกงเฉินเดินก้าวขึ้นไปที่ชั้นสอง จูจูก็ยืนรออยู่หน้าประตูห้องแล้ว

หนานกงเฉินมองไปที่สีหน้าซีดขาวแล้วพูดกัดฟันแน่น “นี่เป็นเหตุผลที่เธอกล้าที่จะฆ่าคนงั้นหรอ? คิดว่าคุณย่าจะคุ้มหัวเธอแล้วฉันจะทำอะไรเธอไม่ได้”

เมื่อเทียบกับเมื่อกี้ที่ไม่ยอมรับแต่ท่าทางของจูจูตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นหน้ามือเป็นหลังมือเธอจ้องไปที่หนานกงเฉิน “ใช่ ฉันรู้ว่าเธอเป็นไป๋มู่ชิง เพราะฉะนั้นฉันต้องจัดการเธอแล้วทำไมฉันต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ? ก็เป็นเพราะว่ารักคุณไม่ใช่หรอ? ก็เป็นเพราะว่าคุณเอาแต่ไปหาเธอลับหลังฉันไม่ใช่หรอ? หนานกงเฉิน ฉันจะฆ่าเธอ ไม่อยากให้เธอมีชีวิตอยู่ ถ้าคุณมีปัญญาก็ส่งฉันไปให้ตำรวจสิ!”

“เธอพูดอีกรอบหนึ่งสิ!?” หนานกงเฉินโมโหจนกัดฟันแน่น

“ฉันบอกว่าฉันจะฆ่าเธอ ไม่มีทางให้เธอมีชีวิตอยู่รอดแน่นอน ถ้าวันนี้เธอไม่ตายก็ถือว่าเธอโชคดีไป แต่ครั้งหน้าอาจจะไม่ได้โชคดีแบบนี้……”

“หุบปากเดี๋ยวนี้!” หนานกงเฉินโมโหมากนำแส้ที่คุณหญิงให้เขาฟาดไปจูจู

นี่เป็นแส้ของคุณปู่ที่ชอบขี่ม้า เป็นหนังสัตว์ที่ดีที่สุด มีรอยแส้บนตัวเธอ เธอกรีดร้องโอดครวญเจ็บปวดแล้วล้มไปกับพื้น

“เธอล้มเลิกความคิดนี้เถอะ มู่ชิงไม่มีทางตาย เธอไม่มีทางตายแน่นอน……!” เมื่อคิดถึงไป๋มู่ชิงยังไม่พ้นอันตรายกับเสี่ยวหว่านชิงที่เกือบจะจมน้ำตาย หนานกงเฉินก็ลงแรงอย่างไม่ยั้งมือแล้วไม่สนจูจูที่โอดครวญขอร้องอยู่กับพื้น

ในใจจูจูคิดว่า ต้องกระตุ้นอารมณ์เขา จนทำให้เขายอมมอบตัวเธอให้ตำรวจ

ถ้าหลังจากสามเดือนคุณหญิงจะฆ่าเธอแล้วเอาหัวใจเธอไป เธอยอมติดคุกดีกว่า แล้วยอมหย่ากับหนานกงเฉิน ไม่เอาความหรูหราสะดวกสบายนี้แล้ว เธอไม่เอาอะไรแล้ว!

ทีแรกเธออยากจะบอกหนานกงเฉินว่าเธอไม่ใช่จูจู แต่ว่าเธอไม่กล้าพูด เธอกลัวว่าถ้าพูดออกมาแล้วหนานกงเฉินจะบีบคอเธอตายแล้วคุณหญิงก็จะยืนมองเธอโดนฆ่าด้วย

ด้วยฐานะคู่ครองที่ฟ้าลิขิตไว้ อย่างน้อยเธอก็ยังมีชีวิตรอด ยังสามารถหาโอกาสหนีไปจากตระกูลหนานกงได้

แส้เฆี่ยนลงมาบนตัวเจ็บปวดมากจนเธอขดไปกับพื้นแล้วร้องไห้ขอร้องอ้อนวอน “หนานกงเฉิน……อย่าเฆี่ยนอีกเลย ฉันจูจูเองนะ……ตอนนั้นที่คุณสัญญาแต่งงานกับจูจูไง ตอนนี้คุณจะเฆี่ยนตีเธอจนตายหรอ? ถ้าเฆี่ยนเธอจนตายแล้วคุณจะไม่เสียใจทีหลังหรอ? คุณจะไม่เสียใจหรอ?”

“จูจูตายไปตั้งนานแล้ว! ผมไม่รู้จักคุณ! ไม่รู้จักผู้หญิงที่จิตใจเลวทรามอย่างนี้……!” สายตาทั้งสองข้างหนานกงเฉินแดงเดือด ไม่สามารถหยุดยั้งมือตัวเองได้เลย

เป็นเพราะว่าเธอคือจูจู เขาก็เลยตามใจเธอ อดทนกับเธอ แต่ผู้หญิงคนนี้ได้คืบจะเอาศอก ไม่สนใจคำเตือนของเขาเลย

สามเดือน? เขารอไม่ได้แล้ว เขาอยากจะเฆี่ยนตีเธอจนตายแล้วล้างแค้นให้มู่ชิง

“ถ้ามู่ชิงตาย ผมก็จะไม่มีวันให้คุณมีชีวิตอย่างรอด!” เขาพูดขู่กัดฟันแน่น

“เฉิน……อย่าตีอีกเลย!” จูจูจับแส้ของเขาไว้แล้วเงยหน้าทั้งน้ำตามองไปที่เขา “ฉันผิดแล้ว ฉันยอมแพ้ ฉันยอมหย่ากับคุณ ฉันยอมให้คุณอยู่กับมู่ชิง……ฉันรู้ผิดจริงๆแล้ว……”

“เธอรู้ผิดแล้วหรอ?” หนานกงเฉินพูด “เธอไม่รู้หรอก ตอนนั้นที่เธอขับรถจะชนสองแม่ลูกผมก็เตือนคุณแล้ว แต่คุณไม่สนใจคำเตือนของผมแล้วยังใช้อำนาจของคุณย่ามาบีบบังคับให้พวกเธอถึงทางตัน……!” หนานกงเฉินดึงแส้กลับมาจากในมือเธอแล้วเฆี่ยนตีเธออีกครั้ง ตอนนี้เขาสติหลุดไปแล้ว แส้ในมือยังไม่มีทีท่าจะหยุดเลย

บนตัวของจูจูมีแต่บาดแผล เธอกลิ้งอยู่กับพื้นแล้วตะโกนร้องไปด้วย เธอคิดว่าคุณหญิงจะขึ้นมาช่วยเธอ แต่ไม่เลย ไม่มีใครมาหยุดยั้งการกระทำที่บ้าระห่ำของหนานกงเฉินเลย

จนสุดท้ายเฆี่ยนตีเธอจนเธอขยับไม่ได้ หนานกงเฉินค่อยเก็บแส้

เขาจ้องไปที่เธอแล้วพูดอย่างเยือกเย็น “คุณภาวนาให้มู่ชิงรีบฟื้นขึ้นมาเถอะ ไม่งั้นผมจะเอาชีวิตที่เหลือของคุณแน่”

จูจูพยายามเงยหน้าขึ้นจากบนพื้นแล้วจ้องมองไปที่เขาอย่างเจ็บปวด “หนานกงเฉิน คุณทารุณผู้หญิงแบบนี้ คุณไม่ใช่ลูกผู้ชาย……”

“ใช่ ผมไม่ใช่ผู้ชาย ถ้าผมเป็นผู้ชาย……จะเอาแต่ตามใจคุณให้ทำร้ายมู่ชิงครั้งแล้วครั้งเล่าได้ยังไง?” สายตาทั้งสองข้างหนานกงเฉินจ้องอย่างโกรธเคือง “ตอนนี้มู่ชิงทุกข์ทรมานกว่า คุณอีก เธอจะฟื้นมาได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้……”

“ในเมื่อรักเธอขนาดนี้……งั้นก็หย่ากับฉัน……แล้วไล่ฉันออกจากตระกูลหนานกงแบบนี้คุณไม่สะใจมากกว่าหรอ……?” ในขณะที่เธอเจ็บปวดจะเป็นจะตายก็ยังไม่ลืมที่จะคว้าโอกาสเพื่อที่จะหนีออกจากบ้านหนานกง

เธอภาวนาให้หนานกงเฉินโกรธโมโหแล้วหย่ากับเธอ จากนั้นก็ไล่เธอออกจากตระกูลหนานกงไป แต่หนานกงเฉินไม่ได้ทำแบบนี้ เขาแค่โยนแส้ลงมาบนตัวเธอแล้วพูดขึ้น “คุณไว้ใจเถอะ เรื่องหย่ากับไล่คุณออกไปจากบ้านหนานกงคงอีกไม่นานแน่”

หลังจากพูดคำนี้จบ เขาก็หันหลังแล้วเดินกลับห้องไป

เมื่อหนานกงเฉินเห็นเดินจากไป เสี่ยวหยวนค่อยวิ่งขึ้นมาจากบันไดแล้วพยุงตัวเธอขึ้น “คุณหญิงน้อยคะ คุณเป็นยังไงบ้างคะ?”

“ฉันไม่ไหวแล้ว……ฉันไม่ไหวแล้ว……” จูจูพูดสะอึกสะอื้น “เสี่ยวหยวน……ฉันอยากหย่า……”

“คุณหญิงน้อยอย่าทำแบบนี้นะคะ คุณชายอาจจะแค่กำลังโกรธ ไม่หย่ากับคุณหรอกค่ะ” เสี่ยวหยวนพยุงตัวเธอขึ้นบนเตียงอย่างยากลำบาก จากนั้นก็หากล่องยาในลิ้นชักแล้วช่วยเธอทำแผล

จูจูกัดฟันแน่น ความรู้สึกในใจเจ็บปวดมากกว่าบนร่างกายอีก

กี่วันนี้มา ใจของเธอถูกหนานกงเฉินทำลายจนเละแล้ว โดนฟาดครั้งนี้ใจเธอก็แตกสลายไปเลย กับเขา เธอไม่หวังอะไรแล้ว แล้วไม่กล้าหวังอะไรด้วย

เธอไม่เคยรู้สึกเสียใจขนาดนี้มาก่อน เสียใจที่ตอนนั้นคิดวิถีทางที่จะแต่งงานเข้ามาในตระกูลหนานกง คิดว่าตัวเองสามารถแทนที่ไป๋มู่ชิงแล้วแย่งความรักมาจากหนานกงเฉิน คิดว่าตัวเองสามารถอยู่กับหนานกงเฉินไปได้ตลอดชีวิต ไม่คิดเลยว่าเบื้องหลังของคู่ครองที่ฟ้าลิขิตไว้ยังมีแผนการบางอย่างซ่อนอยู่

ตอนนี้เธอแค่อยากจะออกจากบ้านหนานกงเร็วๆ เร็วๆ……

หนานกงเฉินสงบสติอารมณ์ในห้องไปสักพัก ในใจก็ไม่ได้โมโหขนาดนั้นแล้ว เขายกมือขวาของตัวเองขึ้นแล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่เมื่อกี้ตัวเองใช้แส้เฆี่ยนตีจูจู ในสมองก็เบลอไปเลย ทั้งชีวิตนี้เขาไม่เคยตีผู้หญิงเลย

เขาหลับตาลงแล้วบอกกับตัวเองว่าเธอสมควรโดน เธอทำร้ายมู่ชิงก่อน ที่เขาเฆี่ยนตีเธอก็สมควรแล้ว

ถ้าปล่อยเธอไปครั้งนี้ อีกหน่อยเธอก็คงจะทำร้ายมู่ชิงต่อ เขาจะให้โอกาสเธอแบบนี้ไม่ได้!

การตีผู้หญิงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรก็จริง แต่เพื่อมู่ชิง เขาไม่แคร์

เมื่อนึกถึงไป๋มู่ชิง เขาก็หันหลังเดินออกจากห้องแล้วเดินลงไปข้างล่าง เขาพูดกับยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตู “พวกนายจับตาหว่านชิงไว้ให้ดีๆ อย่าทำให้เกิดอะไรกับเธออีกได้ยินไหม?”

“ได้ยินแล้วครับคุณชาย” ยามตอบรับแล้วยื่นมือมาบังทางของเขาไว้

“ทำอะไร?” หนานกงเฉินจ้องไปที่พวกเขาอย่างหงุดหงิด

“คุณหญิงรับสั่งมาว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปห้ามให้คุณชายออกจากคฤหาสน์ครับ” ยามพูดอย่างรู้หน้าที่

หนานกงเฉินไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทำจริง

“ผมมีเรื่องด่วนที่ต้องออกไป” เขาพูดเสียงเยือกเย็น

“ขอโทษครับ พวกผมปล่อยคุณไปไม่ได้แล้วอีกอย่าง……คุณชายออกไปไม่ได้หรอกครับเพราะว่าคุณหญิงล็อกประตูแล้ว”

“นายพูดอะไรนะ?”

“พวกเขาพูดถูก” คุณหญิงก้าวเดินออกมาจากห้องนอนแล้วตรงไปที่เขา “ฉันบอกแล้ว ถ้าแกยังจะส่งจูจูไปให้ตำรวจ ฉันก็จะไม่ยอมให้แกก้าวออกจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว ไม่ให้แกไปทำลายเรื่องดีของฉัน”

“คุณย่าคิดว่าจะปิดบังได้หรอครับ?” หนานกงเฉินพูดอย่างหงุดหงิด “จูจูทำให้คุณหนูอีเป็นถึงขนาดนี้ คิดว่าตระกูลเฉียวจะปล่อยเธอไว้หรอครับ?”

“แกไว้ใจเถอะ ขอแค่แกไม่ออกไปเรื่องนี้ก็ต้องเงียบ” คุณหญิงเอ่ย

หนานกงเฉินร้อนรนที่จะออกไปข้างนอกแล้วเอ่ยอย่างหงุดหงิด “ขอให้คุณย่าเปิดประตูด้วยครับ ผมมีเรื่องด่วนต้องออกไป”

“ดึกขนาดนี้แล้วมีเรื่องด่วนอะไร? ห้ามไป!”

“คุณย่าครับ……! คุณย่าจะบีบบังคับให้ผมต่อต้านคุณย่าหรอครับ?”

“แกกล้าหรอ?”

“คืนนี้ผมต้องออกไปครับ!” หนานกงเฉินพูดทีละคำ

“เมื่อคุณหญิงเห็นเขาดื้อดึงแบบนี้ก็เลยเอ่ยว่า “ปล่อยแกออกไปได้ แต่แกต้องสัญญากับฉันว่าอย่ายุ่งเรื่องจูจูอีก”

“ผมสัญญา” หนานกงเฉินพูดอย่างหงุดหงิด

คุณหญิงก็ส่งสายตาไปให้ยามทั้งสองคน “พวกแกสองคนก็ไปกับคุณชายด้วย อย่าให้เขาทำเรื่องอะไรที่ไม่ควรทำ”

ยามทั้งสองคนมองไปทางหนานกงเฉินก็รู้สึกว่ากดดันมาก แต่ก็จำใจพยักหน้า “ได้ครับคุณหญิง”

“ไม่ต้อง พวกนายสองคนอยู่ดูแลหว่านชิงที่นี่” หนานกงเฉินพูด

“ฉันจะดูแลหว่านชิงเอง” คุณหญิงพูด

สุดท้ายหนานกงเฉินก็ทำอะไรคุณหญิงไม่ได้แล้วออกไปจากคฤหาสน์พร้อมกับยามสองคนนี้

เมื่อเขามาถึงโรงพยาบาล ไป๋มู่ชิงก็ถูกย้ายไปที่ห้องพักพิเศษแล้ว เขาสอบถามกับคุณหมอเกี่ยวกับอาการไป๋มู่ชิงแล้วค่อยเดินไปทางห้องพักพิเศษ

เขาเห็นเฉียวเฟิงนั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องพิเศษไม่ขยับเลย

ฝีเท้าก็ก้าวช้าลง แต่สุดท้ายก็ก้าวเดินไปแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ที่ไกลเขามากที่สุดแล้วยามทั้งสองคนก็ยืนอยู่ข้างกายเขา

หนานกงเฉินพูดกับทั้งสอง “ผมอยู่ที่นี่ไม่ไปที่ไหน พวกนายกลับไปได้แล้ว”

“คุณชายครับ เราจะอยู่กับคุณที่นี่ครับ” ยามทั้งสองคนพูด

หนานกงเฉินไม่ได้สนใจพวกเขาอีก

เฉียวเฟิงหันไปทางเขาแล้วถาม “หว่านชิงล่ะ?”

“เธอหลับสบายมาก ผมไม่อยากรบกวนเธอ” หนานกงเฉินพูด

“นายไม่ต้องมาที่นี่ก็ได้” เฉียวเฟิงพูด

หนานกงเฉินมองไปที่เขาแล้วพูด “นายก็ไม่ต้องก็ได้”

“ถึงแม้มู่ชิงจะฟื้นมาแล้วเธอก็ไม่อยากเห็นนาย”

“นายรู้ได้ไงว่าเธอไม่อยาก?” หนานกงเฉินพูดจบก็ยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่ว่าเธออยากหรือไม่อยาก ผมก็จะรอเธอฟื้นที่นี่ ผมยังอยากจะพูดขอโทษกับเธอ”

เมื่อกี้เขาสอบถามอาการของไป๋มู่ชิงคุณหมอแล้ว คุณหมอบอกว่าไป๋มู่ชิงได้รับบาดเจ็บส่วนศีรษะอย่างรุนแรง ถึงแม้จะออกจากห้องฉุกเฉินแล้วแต่ก็ยังไม่พ้นระยะอันตราย เขาเป็นคนทำให้เธอเป็นแบบนี้ เขาแค่อยากจะอยู่กับเธอที่นี่แล้วผ่านระยะอันตรายนี้ไปกับเธอ

“ผมคิดว่ามู่ชิงไม่ต้องการหรอก?” เฉียวเฟิงพูด

“ผมรู้ว่าเธอไม่ต้องการ” คำขอโทษมีประโยชน์กับเธอหรอ? ไม่มีเลย……

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

Status: Ongoing
ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท