เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – บทที่ 272 ตอนจบ15

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

มองเฉียวเฟิงเดินออกไป คุณยายเหยียนเดินไปนั่งข้างๆเหยียนเยว่พูดว่า“เด็กคนนี้ดูแล้วพึ่งพาได้นะ พวกเธอรู้จักกันได้ยังไงเหรอ?ใครจีบใครล่ะ?”

เหยียนเยว่กวาดสายตามองแม่ที่กำลังนินทาว่า“ยังไงก็ไม่ได้โรแมนติกอะไรขนาดนั้น อย่าพูดเลยดีกว่า”

“ไม่โรแมนติกแต่ทำไมความสัมพันธ์ยังพัฒนาอยู่ล่ะ?ไม่ได้เป็นเพราะเสียวเหยียนเหยียนใช่ไหม?”คุณยายเหยียนยังคงอยากรู้อยากเห็นต่อไป

“ไอ๋หยา แม่……อย่าถามแล้วได้ไหม”เหยียนเยว่หน้าแดงเพราะความเขินอายและพูดว่า“เดี๋ยวค่อยบอกท่านทีหลังแล้วกัน”

“ชิ มีความลับอะไรกันแน่”คุณยายเหยียนลุกขึ้นยืนด้วความยิ่งยโสและเดินจากไป

หนานกงเฉินมองไป๋มู่ชิงที่กำลังเปลี่ยนชุดอยู่หน้ากระจกไปๆมาๆ เปลี่ยนชุดราตรีไปตั้งหลายชุดก็ยังไม่พอใจ เลยอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า“ไม่ใช่ว่าเธอจะแต่งงานสักหน่อย เธอจะจริงจังอะไรขนาดนั้น?”

“งานแต่งงานของเลขาเหยียนกับเฉียวเฟิง น่าจะมีคนหนุ่มหล่อเยอะแยะสินะ?”ไป๋มู่ชิงหันไปยิ้มให้เขา

หนานกงเฉินเอนหลังไปพิงโซฟา กอดอกและมองเธอ“ใช่เหรอ?ถ้าอย่างนั้นเธอคิดว่าฉันเป็นสามีที่ไม่หล่อหรือวาอายุน้อยไม่พอเหรอ?”

“อืม…..มีประโยคหนึ่งที่พูดไว้ดีนะ ถ้ายังกินอาหารที่อร่อยเยอะเกินไปบางทีก็อาจจะเบื่อเอาได้”

“ใช่เหรอ?”ในที่สุดหนานกงเฉินก็ลุกขึ้นยืนจากโซฟา เดินไปข้างหน้าเธอ เอามือไปจับคางของเธอตามความเคยชิน“ฉันไม่เคยเบื่อเธอเลยนะ หรือว่านี่เธอเบื่อฉันแล้ว?”

“ฮ่าฮ่า……ฉันล้อเล่น”ไป๋มู่ชิงยกมือกุมใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ขณะที่เอามือคลึงๆหน้าเขาเธอก็ยิ้มและพูดประจบว่า“หล่อขนาดนี้ ฉันจะเบื่อได้ยังไงกัน อีกในห้าสิบปียังไงก็ไม่เบื่อหรอกค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นเธอใส่ชุดสวยขนาดนั้นกันทำไมล่ะ?”หนานกงเฉินยังคงจับคางของเธอไว้

“แต่งตัวสวยไปนั้นก็เพราะให้เกียรติเจ้าของงาน เรื่องมารายทางสังคมคุณน่าจะรู้ดีกว่าฉันนะคะ”

หนานกงเฉินก้มตัวลงไปจูบที่ริมฝีปากของเธอ“ให้อภัยเธอก็ได้ ไปกันเถอะ”

ครอบครัวทั้งสามคนก็ขับรถออกไปจากคฤหาสน์ขับตรงไปที่งานแต่งงาน

หนานกงเฉินกับไป๋มู่ชิงไปถึงเร็วกว่าคนอื่นอีก ตอนที่พวกเขาถึงที่งานแต่งงานแล้วนั้น นอกจากคนในครอบครัวและพนักงาน ก็ยังไม่มีแขกคนไหนมาถึงเลย

“วันนี้แม่สวยมากๆเลยค่ะ!”เสียวหว่านชิงยิ้มตาหยีมองเหยียนเยว่ที่อยู่ในชุดแต่งงาน

ในขณะนั้นเหยียนเยว่สวมชุดแต่งงานสีขาวที่สวยงาม สวยแบบไม่มีที่ติ บนใบหน้าก็แต่งหน้าอย่างสวยสง่า ถึงแม้ว่าหุ่นจะดูอวบเล็กน้อยแต่กลับไม่ได้ดูอ้วนเลย แต่ยังไงก็ดูเซ็กซี่มากๆ แม้แต่ขนาดไป๋มู่ชิงมองยังรู้สึกว่าสวยเลยและยังน่าอิจฉามากเลยด้วย

“จริงเหรอ?”เหยียนเยว่หัวเราะ

“ใช่ค่ะ เหมือนกับเจ้าหญิงเลย”

“ยังไงวันนี้แม่ก็เป็นเจ้าหญิงอยู่แล้ว”ไป๋มู่ชิงยิ้มพูดออกมา

“ขอบคุณนะ ถ้าเสียวหว่านชิงโตขึ้นก็จะสวยแบบนี้แหละ”

“จริงเหรอคะ?จะสวยเหมือนแม่ใช่ไหมคะ?”

“แน่นอนสิจ๊ะ”เหยียนเยว่จูงมือเสียวหว่านชิง มองไปที่หนานกงเฉิน หลังจากนั้นยืนเขย่งเท้ามองไปที่ด้านหลังของเขา ตั้งใจถามออกไปว่า“คุณชายเฉิน นี่คุณลืมลืมเอาอะไรมาให้ฉันหรือเปล่า?”

“อะไรกัน?”หนานกงเฉินแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“งั้นเงินดอลลาร์หนึ่งตู้รถไปของฉันล่ะ”เหยียนเยว่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง“ตอนแรกที่เธอรับปากว่าจะให้เงินดอลลาร์เป็นค่าสินสอดฉัน ไม่น่าจะลืมเร็วขนาดนั้นใช่ไหม?”

“อ้อ ฉันไม่ลืมหรอก”หนานกงเฉินพูดออกมาอย่างสุภาพว่า“กำลังวางแผนจะทำทางรถไฟไปที่บ้านเธอพอดี รอถ้าทำเสร็จแล้วจะส่งไปให้เธอนะ”

ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออกและกวาดสายตาไปที่เขา“คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเจ้าเล่ห์กับผู้หญิงขนาดนี้”

“แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความสุขชั่วขณะเองแหละ”เหยียนเยว่พูด

ทุกคนก็หัวเราะ เฉียวเฟิงที่อยู่ข้างๆก็พูดว่า“ทุกคนเข้าไปนั่งพักผ่อนก่อนเถอะ อีกตั้งพักหนึ่งงานถึงจะเริ่ม”

“ป่ะ เข้าไปนั่งกัน”เหยียนเยว่จูงมือเสียวหว่านชิงเดินเข้าไปในห้องรับรอง

ไป๋มู่ชิงกวาดสายตาไปรอบๆแล้วถามว่า“เสี่ยวเหยียนเหยียนล่ะ?ไม่ได้อุ้มออกมาเหรอ?”

“อุ้มมาสิ พ่อแม่ฉันอู้มไว้อยู่”เหยียนเยว่ใช้คางชี้ไปที่คนแก่ทั้งสองคนที่กำลังอุ้มเสี่ยวเหยียนเหยียนต้อนรับญาติและเพื่อนๆอยู่

“หนูอยากไปเล่นกับเสี่ยวเหยียนเหยียน”เสียวหว่าชิงพูด

ไป๋มู่ชิงก็มองไปที่ทุกคนและคุกเข่าที่ตรงหน้าเธอพูดอย่างอ่อนโยนว่า“หว่านชิง ฉันรู้ว่าหนูอยากไปเล่นกับเสี่ยวเหยียนเหยียน แต่ว่าวันนี้คงยังจะไม่เหมาะ พวกเราค่อยเล่นกันวันหลังดีไหม?”

“ถูกต้อง ค่อยพาเสี่ยวเหยียนเหยียนไปเล่นกันที่บ้านนะ”หนานกงเฉินพูด

“จริงนะคะ?”เสียวหว่านชิงดีใจ

เห็นหานกงเฉิงพยักหน้า เธอก็กระโดดดีใจขึ้นมาทันที“ยอดไปเลย!”

เหยียนเย่วมองหนานกงเฉิน พูดออกไปเบาๆว่า“ฉันยังไม่ได้ตอบรับเลยนะ……”

“แค่วันเดียวเอง อย่าขี้เหนียวเลยน่ะ”หนานกงเฉินก็ขยิบตาใส่เธอ

“นิสัยที่ชอบใช้อำนาจนี้ยังไงก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยสักนิด”เหยียนเยว่กระซิบข้างหูไป๋มู่ชิง พูดจบก็หันไปพูดกับทั้งสามว่า“พวกคุณนั่งก่อนเถอะ

“ได้เลย เธอไปเถอะ”ไป๋มู่ชิงพูด

หลังจากที่เหยียนเยว่ไปแล้ว แขกก็เริ่มทยอยมากันแล้ว ล้วนเป็นคนสังคมชั้นสูงกันทั้งนั้น หนานกงเฉินคุ้นเคยอยู่แล้ว

ใครก็ไม่กล้าถามเรื่องราวบาดหมางเมื่อก่อนของเขากับเฉียวซือเหิง เพียงแค่มาชนแก้วประจบประแจงเท่านั้น

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่หว่านชิงมาร่วมงานแต่งงานของคนอื่น เลยดีใจเป็นพิเศษ ไป๋มู่ชิงจูงมือพาเธอไปหาอาหารว่างทาน รอจนกว่าหว่านชิงทานอย่างพอใจ ตอนที่สองแม่ลูกเดินไปถึงหน้าประตูห้องพักของเจ้าสาวนั้น ก็เจอกับคุณนายเฉียวที่พึ่งจะเดินออกมาจากข้างใน

ตั้งแต่หลังจากที่เจอกับเธอที่ศาล ไป่มู่ชิงไม่ได้เจอเธออีกเลย และคิดไม่ถึงว่าวันนี้เธอจะมาเข้าร่วมงานแต่งงานของเฉียวเฟิง ดังนั้นในขณะนั้นเธอก็อึ้งไปเลย

คุณนายเฉียวมองเธอด้วยสีหน้าที่เคียดแค้นออกมาอย่างชัดเจน

ไม่รู้ว่าทำไมตอนที่เสียวหว่านชิงเห็นคุณนายเฉียวก็พูดออกไปอย่างสุภาพ“คุณย่า”

คุณนายเฉียวมองเสียวหว่านชิง ไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อยแต่กลับพูดเยาะเย้ยไป๋มู่ชิงว่า“ฉันว่าพวกคนหนุ่มสาวนี่มันสุดยอดจริงๆ เจ็บปวดไปด้วยกันแก้แค้นไปด้วยกัน ตอนนี้ยังเสแสร้งมาร่วมงานแต่งงานของเฉียวเฟิงอีก คุณนายน้อยหนานกงรู้สึกว่ามันสนุกมากเหรอ?”

“คุณนายเฉียวไม่เจอกันนานเลยนะคะ”ไป๋มู่ชิงทักทายเธออย่างสุภาพ เดิมทีก็อยากจะหลีกเลี่ยงอดีตแบบนี้ แต่ว่าคุณนายเฉียวกลับพูดต่อด้วยความเคียดแค้นอีกว่า“ตอนนั้นเธอทิ้งเฉียวเฟิงไปยังไงนะ ไหนจะที่เธอตอบแทนซือเหิงอีก เธอลืมไปหมดแล้วเหรอ?”

“ฉันไม่ได้ลืมค่ะ……”

“หรือเพียงแค่คิดถึงซือเหิงแล้วยังทรมานอยู่ในคุก ตระกูลหนานกงของพวกเธอก็คงรู้สึกดีมาก ฟินมากเลยสินะ?”

“คุณนายเฉียว……”ยังไงคุณนายเฉียวก็เป็นผู้อาวุโส ยิ่งกว่านั้นวันนี้ยังเป็นวันดีของเฉียวเฟิงกับเหยียนเยว่ ไป๋มู่ชิงไม่สามารถโต้เถียงไปโดยตรง ในเวลานั้นเธอไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปว่าอย่างไร

แต่ตอนที่เธออ้าปากจะพูดก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอะไร รู้สึกว่าแน่นเอวขึ้นมาเล็กน้อย ลมหายใจของหนานกงเฉินก็ปกคลุมมาแต่ไกล

“ไม่อย่างนั้นคุณนายเฉียวรู้สึกว่าตระกูลหนานกงของผมควรจะทำอย่างไรเหรอครับ?คิดว่าเฉียวซือเหิงยังจะทนทุกข์ทรมานอยู่ในคุกอีก?ดูแล้วบทเรียนเล็กน้อยนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้ถึงความผิดของตัวเองเลย ไม่รู้ว่าเฉียวซือเหิงเป็นเหมือนกับคุณนายเฉียวหรือเปล่าที่ไม่กลับไปพิจารณาตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว?”หนานกงเฉินพูดด้วยน้ำสียงที่ไม่รีบร้อนและไม่อ่อนโยน จนกระทำให้ยิ้มออกมา

สีหน้าของคุณนายเฉียวก็เปลี่ยนไป ถึงแม้จะพูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว

หนานกงเฉินเลยพูดมาอีกว่า“เฉียวซือเหิงกับเฉียวเฟิงทำเคยอะไรกับฉันและไป๋มู่ชิง ในใจของคุณนายเฉียวคงจะรู้ดีนะ วันนี้เป็นวันดีของเหยียนเยว่ ผมคงไม่ต่อล้อต่อเถียงกับคุณนายเฉียวแล้ว เชิญคุณนายเฉียวตามสบายเลยครับ”

หนานกงเฉินดึงไป๋มู่ชิงไปอยู่ข้างเขา

คุณนายเฉียวมองทั้งสองคนและเดินออกไปอย่างโกรธแค้น

หลังจากที่คุณนายเฉียวเดินออกไปแล้ว หนานกงเฉินยกมือขึ้นไปตบไหล่ปลอบใจไป๋มู่ชิง“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องไปสนใจเธอ”

ไป๋มู่ชิงพยักหน้าพูดว่า“เธอไปคุยกับแขกเถอะ ฉันจะไปดูเหยียนเยว่”

หนานกงเฉิน หลังจากที่มองเธอเดินเข้าไปในห้องพักของเจ้าสาวก็เดินไปที่ห้องโถงใหญ่

เหยียนเยว่กำลังเติมหน้าอยู่ เห็นไป๋มู่ชิงกับหว่านชิงเดินมา จับมือหว่านชิงและพูดว่า“หว่านชิง เห็นเสี่ยวเหยียนเหียนไหม?”

เสียวหว่านชิงส่ายหัว“ไม่เห็นนะคะ แม่พาหนูไปทานของว่าง มีอาหารว่างที่ทั้งสวยทั้งอร่อยเยอะแยะเลยค่ะ ดูสิคะ หนูทานมาอิ่มมากเลย”ตอนที่เธอพูดก็เอามือไปลูบท้องน้อยๆของเธอ

“หว่านชิงชอบก็ดีแล้ว”เหยียนเยว่ยิ้มพูด พูดจบก็เงยหน้าขึ้นไปมองไป๋มู่ชิง“ใช่สิ เมื่อครู่เธอเจอคุณนายเฉียวที่หน้าประตูเหรอ?เหมือนฉันได้ยินเสียงของพวกเธออยู่”

ไป๋มู่ชิงพยักหน้าเบาๆ มองไปที่เธอและพูดว่า“คิดไม่ถึงว่าคุณนายเฉียวจะยอมมาร่วมงานแต่งงานของเฉียวเฟิง มันค่อนข้างน่าตกใจอยู่นะ”

“น่าตกใจเหรอ?แต่งานวันนี้เธอเป็นคนจัดการทั้งหมดเลยนะ”

“ใช่เหรอ?”

“ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเฉียวซือเหิงให้เธอจัดการ”เหยียนเยว่พูด“แต่ฉันฟังเฉียวเฟิงว่าท่าทางของคุณนายเฉียวดีกับเขามากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย อย่างน้อยก็มองเห็นเขาเป็นคนในคระกูลเฉียวแล้ว”

“แล้วคุณนายเฉียวดีกีบเธอไหม? ”

“ก็ดีอยู่นะ”เหยียนเยว่ยิ้มพูด“ฉันรู้สึกว่าเธอก็เป็นคนดีอยู่นะ อย่างน้อยก็ไม่โอหังและไม่หยาบคาบเหมือนกับคุณนายคนอื่นๆ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ตอนแรกที่ฟังซูซี่พูดถึงคุณผู้หญิงเฉียวนั้น ก็พูดว่าเธอเป็นคนดีอยู่นะ”ไป๋มู่ชิงก็คิดดู“ยิ่งกว่านั้นเธอไม่น่าจะอยู่กันกับเธอสินะ?”

“น่าจะไม่หรอก ยังไงก็ถือว่าเคยเคยโกรธแค้นกันอยู่ เฉียวเฟิงก็ไม่ได้สบายใจกับเธอขนาดนั้น”เหยียนเยว่พูด

เมื่อก่อนคุณนายเฉียวก็ไม่กล้ายั่วโมโหเฉียวเฟิง ตอนนี้เฉียวเฟิงดูแลเฉียวกรุ๊ปอยู่ คุณนายเฉียวยิ่งไม่กล้าจะไปขัดใจเขาตามใจชอบ เพราะยังไงเฉียวซือเหิงก็ยังต้องอยู่ในคุกอีกสองปีกว่า รอหลังจากเขาออกมาก็คงไม่รู้ว่าบริษัทเปลี่ยนไปแบบไหนก็คงจะไม่รู้

ถึงเวลาเข้าพิธีแล้ว เหยียนเยว่เดินไปที่บนพรมแดงจับมือพ่อเหยียน เดินไปที่เวทีแต่งงาน

ชุดสีขาวสวยงามลากผ่านไปบนพรมสีแดงที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแชมเปญ และยังเล่นเพลงงานแต่งงาน ในงานแต่งงานปลกคุมไปด้วยบรรยากาศแห่งความโรแมนติก

นอกจากผู้คนแล้วไป๋มู่ชิงทั้งดีใจและอิจฉาจนต้องปรบมือ“โรแมนติกมากเลย มีความสุขจังเลย……เจ้าสาวสวยมาก ไหนจะ……เจ้าบ่าวก็หล่อมาก……”

หนานกงเฉินหันกลับไปจ้องเธอ“เจ้าบ่าวหล่อเหรอ?”

“หล่อสิ หล่อมากจริงๆนะ”ไป๋มู่ชิงไม่ได้รู้สึกถึงความหึงหวงของเขา มือทั้งสองจับไปที่แขนของเขาด้วยสีหน้าที่มีความหวัง“เฉิน ฉันก็อยากสวมชุดแต่งงาน ฉันอยากแต่งงามแบบโรแมนติกแบบนี้สักครั้ง”

“เธออยากจะแต่งกับใคร?”

“แน่นอนว่าต้องเป็นคุณสิ”เธอยังคงมองไปทั้งสองคนบนเวทีแต่งงานที่กำลังทำพิธีอยู่

หนานกงเฉินกลับหัวเราะออกมา ยิ้มและดึงแขนเธอเข้ามา“ได้สิ งั้นวันหลังฉันจะให้เธอแต่งงานโรแมนติกแบบนี้นะ”

“จริงนะ?”ไป๋มู่ชิงดีใจ

ครั้งที่แล้วก็เป็นเพราะจูจู เขาเลยพังงานแต่งไป คิดไปแล้วตอนนี้ก็ยังรู้สึกผิดกับเธออยู่เลย

ไป๋มู่ชิงคิดแล้วคิดอีกและพูดว่า“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ พวกเราเป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้วจะแต่งซ้ำอีกทำไมกับเดี๋ยวก็โดนเยาะเย้ยหรอก”

“ใครมันจะกล้าเยาะเย้ยพวกเรา?”หนานกงเฉินก้มหัวมาจูบที่ข้างหูของเธอ“เดี๋ยวฉันจะจัดการมันเอง”

ไป๋มู่ชิงหัวเราะออกมาเบาๆ

ถึงเวลาโยนช่อดอกไม้นั้น ไป๋มู่ชิงก็ปล่อยมือหนานกงเฉินลงไปจากบนเวที หนานกงเฉินดึงเธอกลับมาพูดว่า“เธอจะไปทำไม?ให้โอกาสผู้หญิงคนที่ยังไม่แต่งงานเถอะ”

“ฉันก็ไม่ได้แต่งงานนะ คุณเคยรับปากจะแต่งงานกับฉันเหรอ?”ไป๋มู่ชิงหัวเราะคิกคักและวิ่งไปในกลุ่มผู้คนพวกนั้น

“คุณพ่อคะ คุณแม่วิ่งไปที่คนเยอะขนาดนั้นกันทำไมคะ?”หว่านชิงถามด้วยความไม่เข้าใจ

หนานกงเฉินอุ้มเธอขึ้นมา ให้เธอได้เห็นได้อย่าทั่วถึง“อืม……คุณแม่พูดว่าเธออยากจะแต่งงานกับพ่ออย่างโรแมนติกแบบนี้ ดังนั้นเลยจะไปแย่งช่อดอกไม้ในมือของแม่บุญธรรม”

“งั้นวันหลังคุณพ่อก็จะชวนคนมางานแต่งงานของพวกท่านเหรอ?”

“แน่นอนสิลูก”

“ขอบคุณค่ะพ่อ!”หว่านชิงหัวเราะออกมาอย่างดีใจ

ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าดของแขก ช่อดอกไม้ในมือของเหยียนเยว่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างสวยงาม ตรงเข้าไปในกลุ่มผู้คนแต่สุดท้านแล้วก็ตกไปอยู่ในมือของไป่มู่ชิง

ไป๋มู่ชิงคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ เธอทั้งตกใจและดีใจที่เธอได้รับดอกไม้ เธอร้องกรีดและกระโดดโลดเต้นอย่างตื่นเต้นขณะที่ได้ช่อรับดอกไม้“ฉันรับได้แล้ว ฉันรับช่อดอกไม้ได้แล้ว……!”

เธอตะโกนเสร็จก็เขย่งเท่ารีบเดินโบกมือเข้าไปหาหนานกงเฉิน“หนานกงเฉินคุณเห็นแล้วหรือยัง?เดี๋ยวฉันก็จะได้แต่งงานกับคุณแล้ว……!”

หนานกงเฉินรีบโบกมือแล้วยิ้มให้เธอ

เหยียนเยว่ที่อยู่บนเวทีก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและพูดว่า“มู่ชิงเธอเกลียดการแต่งงานขนาดนี้เลยเหรอ”

เฉียวเฟิงโอบไหล่ของเธอด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนกัน“หนานกงเฉินยังคิดค้างงานแต่งงานให้เธอ”

“ดูแล้วก็ควรจัดให้เธอนะ”

“อืม”เฉียวเฟิงพยักหน้า โอบเธอแน่น“พวกเราไปกันเถอะไม่ต้องไปสนใจพวกเขา”

ทั้งสองคนก็ถูกพนักงานพาไปเปลี่ยนชุดทีห้องเปลี่ยนชุด

หลังจากที่งานแต่งงานจบลงแล้ว ไป๋มู่ชิงกลับขึ้นไปที่รถพร้อมกับช่อดอกไม้

หนานกงเฉินเห็นรอยยิ้มของเธอ มองช่อดอกไม้ในมือของเธอที่เหี่ยวเฉา หัวเราะและพูดว่า“นี่เธอคิดจะเอามันกลับไปเลี้ยงไว้ที่บ้านเหรอ? ”

“ไม่ได้เหรอ?”นี่มันเป็นช่อดอกไม่แรกเลยนะที่ได้มาจากเจ้าสาว”ไป๋มู่ชิงเอาดอกไม้ในมือขึ้นมาดมดู“ว้าว……นี่มันหอมมากเลย เป็นกลิ่นอายแห่งความสุขสินะ”

ตอนที่เสี่ยวหลินกำลังขับรถออกจากที่จอดรถของโรงแรมนั้น เพราะความไม่ระวังก็เกือบชนกับยามเข้าแล้ว ไป๋มู่ชิงที่กำลังเคลิ้มกับกลิ่นของดอกไม้หน้าของเธอโถมเข้าไปหาดอกไม้

“เธอยังโอเคใช่ไหม?”หนานกงเฉินเข้าไปปลอบเธอโดยอัตโนมัติ ในขณะเดียวกันก็มองไปดูเสียวหว่านชิงที่นั่งอยู่บนคาร์ซีท

หว่านชิงยังคงถือกล่องลูกอมในมือไว้แน่น ไม่มีร่องรอยการได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับกันไป๋มู่ชิงตกใจจนหน้าซีดเลยทีเดียว

“ขอโทษนะขอโทษนะ……เมื่อกี้เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย”เสี่ยวหลินหวาดผวาและพูดขอโทษไม่หยุดเลย

“ฉันไม่เป็นไร”ไป่มู่ชิงส่ายศีรษะ

สตาร์รถอีกครั้ง ท่าทางของเธอกลับไม่เหมือนกับคนที่ไม่เป็นอะไร ยิ่งกว่านั้นก็รู้สึกว่าปวดท้องขึ้นมา และเอามือมาปิดพวกเพราะเหมือนกับคลื่นไส้

หนานกงเฉินเห็นเธออาเจียน เลยไปลูบหลังเธอ กวาดสายตาไปดูช่อดอกไม้และยิ้มพูดว่า“ไม่ใช่กลิ่นอายของความสุขเหรอ?ทำไมถึงอาเจียนออกมาล่ะ?”

ไป๋มู่ชิงทรมานจนต้องตบอกตัวเอง หอบหายใจพูดว่า“ฉันไม่ได้เมารถนะ ในงานแต่งงานก้ไม่ได้ทานอะไรเข้าไปนะ แต่ว่าทรมานท้องมาก”

เสี่ยวหลินแอบมองเธอในกระจกหลังแวบหนึ่ง พูดออกมาอย่างเอาใจใส่ว่า“คุณชายเฉิน ให้พานายหญิงน้อยไปโรงพยาบาลไหม?”

“คุณแม่เป็นอะไรคะ?”หว่านชิงก็ถามด้วยความเอาใจใส่

“ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก”หนานกงเฉินรีบพูดกับเสี่ยวหลิน และหันไปลูบที่หัวของหว่านชิง“คุณแม่น่าจะกำลังมีน้องชายให้ลูกนะ”

“จริงเหรอคะ?”เสียวหว่านชิงดีใจจนทิ้งกล่องลูกอมในมือ

ได้ยินคำพูดของหนานกงเฉิน ไป๋มู่ชิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา มองไปที่ตาของเขาด้วยความประหลาดใจ“จะเป็นไปได้ยังไง……?”

“มีเรื่องอะไรที่จะเป็นไปไม่ได้?ฉันพูดแล้วว่าเดือนนี้ยังไงก็ต้องตั้งครรภ์”หนานกงเฉินหัวเราะและเอนตัวไปกัดข้างหูของเธอ“เธอก็ลองคิดดูสิว่าประจำเดือนของเธอยังไม่มาใช่ไหม?”

ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นมานับดูแล้วก็เลยมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว แต่ว่าพึ่งจะหนึ่งสัปดาห์ก็ถือว่าปกติอยู่นะ พูดแล้วตอนที่พึ่งพูดว่าตั้งครรภ์ก็ไม่มีการตอบสนองเลย

“ฉันไม่เชื่อหรอก”เธอพูดออกมาเบาๆ

“อืม ตอนนี้เธอจะยังไม่เชื่อก็ได้ ลองให้ผ่านไปอีกครึ่งเดือนไปตรวจให้แน่ใจ”

“คุณพ่อ งั้นน้องชายจะคลอดออกมาเมื่อไหร่คะ?”หว่านชิงถามอย่างมีความหวัง

“ยังไม่เร็วขนาดนั้นหรอก อืม……ต้องรอให้น้องค่อยๆเติบโตในท้องของคุณแม่ รอจนน้องโตจนออกมาเจอกับพวกเราได้ก็คลอดออกมาแล้ว”

“อืม งั้นแม่ต้องทานอาหารให้เยอะๆนะคะ กินเยอะๆน้องจะได้โตไวๆ”เสียวหว่านชิงเห็นสีหน้าของไป๋มู่ชิงไม่ค่อยดีเลย เลยถามอย่างเป็นห่วงว่า“คุณแม่ เป็นอะไรไปคะ?แม่ไม่ดีใจเหรอ?”

หนานกงเฉินมองไป๋มู่ชิง ยิ้มเล็กน้อยพูดว่า“ไม่ แม่แค่ดีใจมากเกินไป ดีใจจนพูดอะไรไม่ออกเลย”

สองพ่อลูกมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะขึ้นมา

ไป๋มู่ชิงได้สติกลับมาหลังจากตกใจมาก กวาดสายตาไปที่หนานกงเฉิน“ที่คุณพูดเมื่อครู่นั้นมันหมายความว่าอย่างไร?ทำไมคุณถึงชีขาดว่ายังไงเดือนนี้ฉันก็ต้องตั้งครรภ์?หรือว่าความยายามนั้นของคุณล้วนเป็น……เสแสร้งออกมา?”

หนานกงเฉินไอเบาๆก็หันหน้าไปคุยกับเสียวหว่านชิง

“หนานกงเฉินคุณพูดกับฉันให้ชัดเจน!”ไป๋มู่ชิงโมโหมากจนใช้มือไปหันหน้าของเขามา จ้องเขา“นี่คุณแกล้งฉันเหรอ?”

“ที่รักอย่าโกรธสิ”หนานกงเฉินใช้มือไปลูบๆท้องที่แบนราบของเธอ“อย่าโกรธสิมันไม่ดีกับลูก ไม่ง่ายเลยนะกว่าที่พวกเราจะมีลูกได้ใช่ไหม”

“หนานกงเฉินคุณ……!”ไป๋มู่ชิงหมดคำพูด

หนานกงเฉินกลับกลับเอนตัวเข้าไปจูบเธอ“กลับไปฉันจะลงโทษเธอ”

“คุณ……น่าเกลียด!”

“ผมก็ขอโทษนี่ไง”หนานกงเฉินเอาใจเธอพูดว่า“ผมแค่หวังว่าไม่อยากให้คุณต้องทุกข์ทรมาน ดังนั้นเลยไม่อยากให้คุณคลอดเด็กออกมา แต่ว่าเวลาผ่านไปเห็นว่าตระกูงของคุณล้วนอยากได้กันหมด ก็เลยได้แต่ให้คุณตั้งท้องอีกครั้งหนึ่ง”

หนานกงเฉินหันไปขยิบตาให้เสียวหว่านชิง เสียวหว่านชิงก็รีบพูดว่า“คุณแม่คะ ให้อภัยคุณพ่อเถอะนะคะ คุณพ่อรักคุณแม่มากนะคะ”

“แต่ว่าเขาทำให้แม่กลายเป็นตัวตลกนะ”

“คุณพ่อทำไมถึงทำให้คุณแม่กลายเป็นตัวตลกล่ะคะ?”หว่านชิงหันไปหาหนานกงเฉิน

หนานกงเฉินพูดข่มว่า“ความสามัคคีจะเจริญงอกงามได้ก็ต้องใส่ใจ”

“อ้อ คุณแม่ คุณพ่อเขารู้ว่าเขาผิดแล้ว แม่ให้โอกาสพ่ออีกสักครั้งเถอะนะคะ”

“เชอะ!”ไป๋มู่ชิงถอนหายใจออกมา

เธอไตร่ตรองดู ก็หันไปจ้องเขาทันที หลังจากนั้นกล้มลงไปเก็บช่อดอกไม้ขึ้นมา“ถ้าอย่างนั้นช่อดอกนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วสินะ?ฉันก็แต่งงานไม่ได้แล้วสิ?ไหนจะใส่ชุดแต่งงานก็ไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม?”เธอยิ่งพูดก็ยิ่งหวั่นไหวยิ่งรู้สึกทรมาน

หนานกงเฉินรีบเข้าไปกอดเธอและพูดอย่างปลอกโยน“อย่างกังวลไปเลย ถึงจะตั้งครรภ์แล้วก็ใส่ชุดแต่งงานได้”

“นั่นมันไม่เหมือนกัน ตั้งครรภ์แล้วใส่ชุดแต่งงานไม่สวยหรอกนะ”

“ไม่ใช่หรอก รอหลังจากนี้สามเดือนลูกก็จะคงที่แล้ว ท้องของเธอก็จะยังไม่ใหญ่ขึ้นมาหรอก สวมชุดเจ้าสาวยังไงก็ต้องสวยอยู่แล้ว”

“แต่ว่าถ้าอยู่ในงานแต่งงานฉันก็จะวิ่งหรือกระโดดโลดเต้นได้นะสิ ไม่สนุกเลย”

“ถ้าอย่างนั้น……”หนานกงเฉินคิดแล้วคิดอีก“งั้นก็รอคลอดลูกออกมาก่อนค่อยจัดงานแต่งงานกัน แบบนั้นเธอจะได้จะวิ่งจะได้กระโดดโลดเต้นกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นได้”

ไป๋มู่ชิงยังคงส่ายศีรษะ“ถ้ารอคลอดลูกออกมาก่อนมันอีกอีกตั้งเป็นปี หนึ่งปีหลังจากนี้พวกเราก็เป็นจะยิ่งอายุขึ้น คนอื่นต้องหัวเราเยาะแน่เลย”

“อย่างนั้นก็……”หนานกงเฉินคิดต่อว่า“งั้นเอาลูกออก?”

“คุณบ้าเหรอ !”

หนานกงเฉินหัวเราะ เพราะเขารู้ว่าเธอต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้

“งั้นเอาคุณว่าแล้วกัน เธออยากจะแบบไหน ผมแล้วแต่คุณ”เขาทำสีหน้าอย่างเบิกบานใจ

ไป๋มู่ชิงมัวแต่ยุ่งคิดไปตั้งนาน ตัวเองก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

สุดท้ายแล้วก็ได้แต่จำใจพูดออกมาอย่างน้อยใจ“งั้นช่างมันเถอะ รอลูกคลอดออกมาค่อยว่ากัน”

“มองหน้าที่น้อยใจของเธอ”หนานกงเฉินมองว่าเธอน่าขันมาก

ผ่านงานแต่งงานมาหนึ่งวัน เฉียวเฟิงกับเหยียนเยว่ก็เหนื่อยล้ากันมาก

แต่ว่าตอนที่ทั้งสองคนกลับไปที่ห้องนั้น ความเหนื่อยล้าบนหน้ากับร่างกายก็หายไปทันที แต่กลับรู้สึกไม่เป็นตัวเอง

หลังจากคืนที่พวกเขาดื่มกัน แม้แต่มือก็ไม่เคยจับกันดีๆเลย ทันทีที่เข้าไปในห้องใหม่ที่อบอุ่นมาก ถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกว่าทำตัวไม่ถูกก็ตาม

คุณยายเหยียนอุ้มเสี่ยวเหยียนเหยียนพูดกับทั้งสองคนว่า“คืนนี้ให้เสี่ยวอยู่กับฉันแล้วกัน พวกเธอสองคนมีความสุขกับคืนวันแต่งงานเถอะ”

“แม่ ตอนกลางคืนเหยียนเหยียนต้องกินนมอยู่นะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอก รอกลางดึกถ้าเธอร้องไห้อยากกินมาเดี๋ยวแม่จะอุ้มมาหาเอง”

“มันจะยุ่งยากเกินไปหรือเปล่าคะ”

“ไม่ยุ่งยากหรอก ไม่ได้รบกวนอะไรเลย”คุณยายเหยียนพูดอย่างรวบรัดว่า“งั้นเอาอย่างนี้ วันนี้พวกเธอเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว รีบอาบน้ำแล้วนอนพักผ่อนเถอะ”

คุณยายเหยียนพูดจบก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง

ในห้องใหม่นั้นก็เหลือแต่เฉียวเฟิงกับเหยียนเยว่สองคนเงียบขึ้นมาเลยในชั่วพริบตาเดียวยิ่งทำให้ทั้งสองอึดอัด

ครูหนึ่ง เฉียวเฟิงพูดกับเหยียนเยว่ว่า“เยว่เยว่ เธอไปอาบน้ำก่อนเถอะ”พูดจบ เขาพาเธอไปที่หน้ากระจก“มา ฉันช่วยเธอเอาเครื่องประดับบนหัวออกเอง”

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวเฟิงช่วยผู้หญิงเอาเครื่องประดับออก ท่าทางค่อนข้างเงอะงะแต่กลับรู้สึกอบอุ่น หลังจากที่เอาเครื่องประดับออกหมดแล้ว เขายังช่วยเธอรูดซิบชุดราตรีอีกและพูดว่า“ได้แล้ว”

หลังจากที่เหยียนเยว่อาบน้ำเสร็จแล้วเรียบร้อย เพื่ออยากจะบรรเทาอาการตื่นเต้น เธอเลยหยิบกล้องมาดูรูปในวันงานวันนี้ ดูมาจนถึงรู้สุดท้ายนัน เฉีนวเฟิงก็ออกมาจากห้องน้ำ เขาเปลือยท่อนบน เผยให้รู้สึกถึงความเซ็กซี่ของเขาออกมา

เหยียนเยว่รีบยกกล้องขึ้นและพูดว่า“มีหลายรูปในนี้ถ่ายได้ดีมากเลยนะ คุณอยากดูไหม?”

เฉียวเฟิงเดินมาหยิบกล้องในมือของเธอเดินจากไป แต่เขากลับไม่ได้สนใจรูปข้างในนั้นเลย แต่เอากล้องไปวางไว้ที่บนหัวเตียงและพูดอย่างอ่อนโยนว่า“ดึกมากแล้ว ค่อยดูพรุ่งนี้แล้วกัน”

“อืม งั้นก็รีบนอนเถะค่ะ”เหยียนเยว่หันหนีเขาไปอยู่อีกด้านหนึ่งของเตียง

เฉียวเฟิงยกมือขึ้นมาขับแขนของเธอ ใชแรงเล็กน้อย เธอกลับขึ้นมานอนบนเตียงอีกครั้ง

เฉียวเฟิงใช้มือข้างหนึ่งจับคางของเธอ ก้มหัวไปจูบที่ริมฝีปากของเธอ ตอนที่จะจูบครั้งที่สองนั้น เหยียนเยว่หันหน้าไปด้านข้าง เธอทนไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“รู้สึกแปลกจังเลย……”

เฉียวเฟิงยิ้มเล็กน้อย“เสียดายตอนนี้เธอดื่มเหล้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็จะได้ฉลองกัน”

“ใช่ เสียดายจริงๆเลย……”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ค่อยๆชินเอง”เฉียวเฟิงพูด

“ดูแล้วเหมือนคุณมีประสบการณ์?”

“ไม่……”เฉียวเฟิงส่ายศีรษะ หลังจากนั้นก็จูบริมฝีปากเธออีกครั้ง

ครั้งนี้ไม่ใช่จูบแบบฟิดเผิน แต่เป็นจูบที่ดูดดื่ม ในหัวของเหยียนเยว่ก็ค่อยๆว่างเปล่า เธอจ้องไปที่หน้าอันหล่อเหล่ที่คุ้นเคย รู้สึกดีและรู้สึกอายจนหน้าแดง……

เฉียวเฟิงหมุนตัวไปทับเธอไว้ พูดกับเธอเบาๆว่า“หลับตาลงสิ”

เหยียนเยว่หลับตาทั้งสองข้างลงอย่างเชื่อฟัง มือทั้งสองโอบที่คอของเขา ในใจค่อยๆปล่อยวาง

เขาเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นพ่อของเสี่ยวเหยียนเหยียน แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกไม่เป็นตัวเองที่จูบกับเขากันนะ?

“เยว่เยว่ ขอบคุณนะที่แต่งงานกับผม ยอมคลอดเสี่ยวเหยียนเหยียน”ข้างหูเป็นเสียงที่อบอุ่นของเขา“ไหนจะ……ยอมที่ให้ผมกอดคุณจูบคุณแบบนี้”

เหยียนเยว่ค่อยๆลืมตาทั้งสองข้าง มองไปที่เขาแล้วพูดว่า“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ มันเป็นสิ่งที่ควรอยู่แล้ว”

เฉียวเฟิงตลกกับคำตอบโง่ๆของเธอ จ้องไปที่เธอ“ถ้าอย่างนั้น……พวกเราเริ่มกันได้แล้วใช่ไหม?”

เหยียนเยว่พยักหน้าและยังคงเอ๋อๆต่อไป

จนกระทั่งรู้สึกว่าร่างกายเย็นลง หลังจากที่ถอดเสื้อผ้าบนร่างกายโดนถอดออก เธอถึงจะหลับตาลงอีกครั้ง รู้สึกเขินเขาจนหน้าแดง

ความรู้สึกนี้มันแปลกมาก แต่กว่าก็รู้สึกว่ามีความสุข เคลิ้มไปอย่างสุขใจ……

ทันทีเธอก็จมลงไปกับความรู้สึกนั้น…..

หลังจากกลับมาจากข้างนอก ไป๋มู่ชิงก็หยิบกระดาษทดสอบไปทดสอบดู คิดไม่ถึงว่าการทดสอบครั้งนี้จะแม่นยำ

ดูสองขีดสีแดงที่บนที่ตรวจ เธอดีใจจนต้องรีบออกมาจากในห้องน้ำ

พอหนานกงเฉินเห็นท่าทางของเธอก็รู้ว่าตัวเองนั้นพูดถูกแล้ว เขารีบอ้าแขนพยุงเธอและพูดว่า“ค่อยๆหน่อย……อย่าลืมว่าตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์นะ”

“อ้อ ใช่สิ”ไป๋มู่ชิงพยักหน้า มือทั้งสองโอบอยู่ที่คอของเขา“คุณมายถูกแล้วจริงๆ…..ฉันตั้งครรภ์แล้ว หว่านชิงจะมีน้องแล้ว”

“ใช่ ฉันก็จะได้เป็นพ่อคนอีกแล้ว”หนานกงเฉินโอบเธอไว้ จูบเธออย่างดูดดื่มและพูดกับเธอว่า“ขอบคุณมากๆเลยนะ”

“ไม่หรอก ควรเป็นฉันสิที่ต้องขอบคุณ ถึงแม้ว่าจะเกลียดคุณอยู่นิดหน่อย แต่ว่าฉันก็ยังดีใจอยู่นะ”ไป๋มู่ชิงก็อดไม่ได้ที่จะดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของเขา

“ขอแค่เธอดีใจ”

“นี่……ที่รักฉันรักคุณนะคะ”ไป๋มู่ชิงจูโจมจูบเขาด้วยตัวเอง

“ผมก็รักคุณนะ”หนานกงเฉินก็พูดความรู้สึกในใจของตัวเองออกมา

ทั้งสองคนก็หัวเราะกันไปแบบนั้น กอดจูบกันเป็นเวลานานโดยไม่แยกจากกัน……

ผ่านอุปสรรค เจอเรื่องราวกันมามากมาย ในที่สุดพวกเขาก็ยังคงอยู่ด้วยกัน เหมือนกับคนรักกันทุกคนที่ในที่สุดแล้วก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข……

(จบบริบูรณ์)

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

Status: Ongoing
ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท