เสี่ยวชูเหอได้ยินว่า “พี่สะใภ้” สีหน้าท่าทางก็รุนแรงขึ้น ทำให้มู่นวลนวลชำเลืองมองอย่างเย็นชา
มู่นวลนวลกัดที่ริมฝีปาก “โม่เจียเฉิน” จะพยายามฆ่าเธอหรอ?
เสี่ยวชูเหอดึงมู่นวลนวลเข้าไปห้องโถงใหญ่ในบ้าน ค่อยๆปัดมือเธอออกอย่างใจเย็น
เธอมองไปที่มู่นวลนวลด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ ผู้ชายคนนั้นเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของโม่ถิงเซียวเหรอ?”
มู่นวลนวลพยักหน้า “อื้ม”
“เพี้ย!”
เสี่ยวชูเหอตบไปที่หน้าของเธออย่างรุนแรง ตบจนมู่นวลนวลหูอื้อ
“เธอยังมีหน้าอยู่ไหม วันแต่งงานวันแรกก็อยู่ด้วยกับน้องชายของสามี เธออยากจะฆ่าใคร ถ้าเธออยากตายก็อย่าดึงคนในตระกูลมู่ไปตายด้วย!”
มู่นวลนวลลดเปลือกตาลงเอามือไปสัมผัสใบหน้าที่เจ็บปวดของเธอและเงยหน้าขึ้นมองเสี่ยวชูเหออย่างเย็นชา “ทำไมคุณถึงไม่ถามฉัน ว่าฉันเต็มใจไหม?”
เป็นแบบนี้ทุกครั้ง มีเรื่องอะไรก็ต่อว่าเธอ อบรมสั่งสอนเธอก่อนเสมอ และแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยถามเหตุผลก่อน
“คนหนึ่งเป็นคนที่เสียโฉมและไร้มนุษยธรรม อีกคนหนึ่งเป็นผู้ชายสุขภาพแข็งแรง คนปกติก็รู้ว่าจะต้องเลือกใคร เมื่อวานตอนเย็น ก็คงไม่ใช่อยู่กับ ‘ลูกพี่ลูกน้อง’ล่ะ?”
เสียงผู้หญิงที่ดังลงมาจากบันได อย่างนุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท
เสี่ยวชูเหอเห็นมู่หวันฉีเดินลงมา จึงรีบทักทายเธอและถามอย่างห่วงใย “หวันฉี ร่างกายลูกดีขึ้นหรือยัง?”
“แม่ ฉันดีขึ้นเยอะแล้ว” มู่หวันฉียิ้มอ่อนๆให้เสี่ยวชูเหอ แล้วเดินมาข้างๆมู่นวลนวล “นวลนวล ถึงแม้ฉันจะเข้าใจความรู้สึกของเธอ แต่เธอก็ต้องนึกถึงตระกูลมู่ด้วย ต้องเก็บอาการหน่อย”
เมื่อกี้ที่อยู่ข้างบน เธอเห็นมู่นวลนวลและผู้ชายอีกคนตรงหน้าต่างกำลังจูบกันในรถเธอไม่คิดเลยว่ามู่นวลนวลที่มักจะดูโง่และขี้เหร่จะมีความสามารถในการคบผู้ชาย
พอเธอพูดจบ ก็หันกลับไปทางเสี่ยวชูเหอ พูดอย่างออดอ้อนว่า “แม่ ฉันพูดถูกไหม?”
เสี่ยวชูเหอแสดงสีหน้ายิ้มแย้ม “หวันฉีพูดถูกอย่างแน่นอน”
มู่นวลนวลกำมือแน่น และเม้มริมฝีปากโดยไม่พูดอะไร
คนที่ไม่รู้เรื่อง กลัวจะคิดว่ามู่หวันฉีและเสี่ยวชูเหอจะเป็นแม่ลูกผู้ให้กำเนิด
แต่หลายปีมานี้ เสี่ยวชูเหออยากจะยืนหยัดอยู่ในบ้านตระกูลมู่ เอาใจคนในตระกูลมู่ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกล แต่ดูเหมือนลูกสาวที่เธอเป็นผู้ให้กำเนิดจะถูกเลือกขึ้นมาแทน
เสี่ยวชูเหอลดรอยยิ้มและมองไปที่มู่นวลนวลด้วยใบหน้าที่จริงจัง “นวลนวล ถึงแม้เธอจะแต่งเข้าไปในบ้านตระกูลโม่แล้ว เธอก็ต้องรักษาหน้าที่ของเธอให้ดี อย่าทำให้คนในตระกูลมู่ของเราขายหน้า”
มู่นวลนวลลดสายตาลงปกปิดสิ่งที่เยาะเย้ยในตาของเธอ ใบหน้าของเธอห่อเหี่ยว เธอพูดอย่างใจเย็น “พวกคุณคอยเตือนฉัน ถ้าวันไหนฉันไม่มีความสุข แล้วเกิดทำอะไรไม่คาดคิด ไม่รู้ว่าคนตระกูลโม่จะโกรธแล้วจัดการกับคนตระกูลมู่ด้วยเลยหรือเปล่า”
มู่หวันฉีคิดไม่ถึงว่ามู่นวลนวลที่โง่และอ่อนน้อม จะสามารถพูดอะไรแบบนี้ เธอขมวดคิ้ว และพูดว่า “เธอหมายความว่ายังไง?”
“ก็ความหมายเหมือนที่พี่ได้ยิน” มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นและปิดเปลือกตาลง ดวงตาไร้ความรู้สึก
คิดว่าเธอเหมือนคนรับใช้ที่ถูกพวกเขาเรียกไปรับใช้หรอ?
เมื่อก่อนเพราะเธอยังมีความหวังต่อเสี่ยวชูเหอแม่ของเธอ หลังจากเธอบังคับให้ตัวเองแต่งงานเข้าไปในบ้านตระกูลโม่แทนพี่สาว และสุดท้ายความหวังสักนิดก็ไม่เหลือ
“เธอ!”
มู่หวันฉีชินกับคำพูดยอมๆของมู่นวลนวลแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มู่นวลนวลต่อต้าน
เธอจ้องมองไปที่มู่นวลนวลด้วยความโกรธ และหันไปที่เสี่ยวชูเหอ “แม่ ฉันอยากให้กำลังใจนวลนวล ทำไมเป็นแบบนี้!”
เสี่ยวชูเหอได้ยินคำขู่ในคำพูดของมู่นวลนวล แต่เมื่อคิดถึงเมื่อก่อนมู่นวลนวลจะประนีประนอมกับเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หรือเธอจะทิ้งแม่เธอไว้บนหิ้ง แม่กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า“ นวลนวลขอโทษพี่สาว!”