มู่นวลนวลไม่เคยละเมอ
เธอหน้าแดงและหันไปมองเขา : “นาย…..?”
“ฉันได้รับบาดเจ็บ” โม่ถิงเซียวหันไปมองเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
มู่นวลนวลไม่เคยนอนร่วมเตียงเดียวกับผู้ชายที่ไหนมาก่อน ออร่าที่ขมขื่นบนร่างกายของเขาแข็งแกร่งเกินไป และออร่าที่ทรงพลังทำให้เธอหยิ่งผยอง
เธอเม้มริมฝีปากอย่างตื่นเต้น เธอดึงผ้าห่มออกแล้วลุกออกจากเตียง แต่นึกไม่ถึงว่าผู้ชายข้างๆจะดึงมือเธอไว้
โม่ถิงเซียวจ้องมองไปที่บนหน้าของเธอ แววตามีร่องรอยของการอยากถาม : “ทำไมมือของเธอขาว ใบหน้าของเธอเหลืองขนาดนี้?”
มู่นวลนวลดึงมือกลับด้วยความตกใจ พูดอย่างเบาๆ : “เป็นมาแต่เกิด”
หลังจากนั้น เธอก็กระโดดลงจากเตียงเหมือนกระต่าย แล้วไปที่ห้องน้ำ
ด้านหลัง ดวงตาของโม่ถิงเซียวเต็มไปด้วยความชอบ
……
ในห้องน้ำ
มู่นวลนวลมองที่ในกระจก ใบหน้าที่เหลืองเหมือนเทียนของตัวเอง แววตาเป็นประกาย
เธอหยิบน้ำยาเช็ดเครื่องสำอางจากตู้ใต้อ่างล้างหน้า เช็ดเครื่องสำอางออก
หลังจากนั้นไม่กี่นาที หญิงสาวสวยที่มีใบหน้าขาว ตาใส ฟันขาวปรากฎในกระจก
ถ้าไม่ใช่หลังจากเรียนจบ เธอเช่าบ้านเองอยู่ข้างนอก สามารถเช็ดเครื่องสำอางทุกวัน เธอคงลืมตัวเองในรูปลักษณ์เดิมไปแล้ว
ลูกสาวที่โตมาสวยงาม แม่จะรู้สึกมีความสุขถึงจะถูก
แต่ตั้งแต่เล็ก เสี่ยวชูเหอมักจะต่อว่าเธอที่เธอแย่งความโดดเด่นจากมู่หวันฉี ไม่ซื้อชุดสวยๆให้เธอ
เธอในตอนนั้น เพื่อที่จะทำให้เสี่ยวชูเหอมีความสุข แต่เรียกได้ว่าเธอพยายามเต็มที่แล้ว
แต่ตั้งชั้นประถมปีที่1 จนถึงชั้นสุดท้าย จากดาวโรงเรียนกลายเป็นเด็กขี้เหร่ที่ไม่มีเพื่อน……
แต่ผลสุดท้าย เสี่ยวชูเหอไม่เคยมองเธออย่างมีความสุข
เธอมักจะไม่อยากเชื่อว่าเสี่ยวชูเหอจะไม่รักเธอเลยสักนิด
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอปลอมตัวเองใหม่อีกครั้ง แล้วออกมาจากห้องน้ำ
โม่ถิงเซียวพิงที่หัวเตียง ถือโทรศัพท์เอียงหัวไม่รู้กำลังดูอะไรอยู่ สีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ มองแล้วต้องหักห้ามอารมณ์มาก
เธอคิดๆ และพูดออกมาว่า : “ฉันจะออกไปแล้ว นายโทรเรียกให้คนมารับนายกลับบ้านตระกูลโม่นะ”
โม่ถิงเซียวไม่ตอบ
มู่นวลนวลก็ไม่สนใจ หยิบกระเป๋าแล้วออกไป
เรื่องงานที่ทำ เพราะเสี่ยวชูเหอสั่งให้เธอกลับบ้านเพื่อแต่งงาน ดังนั้นจึงต้องออกจากงาน
เธอต้องเลี้ยงตัวเอง และยังต้องหางานใหม่
……
เช้าวันหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เธอยืนรอรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์
ทันใดนั้น รถสีดำคันหนึ่งก็จอดอยู่ตรงหน้าเธอ
กระจกรถลดลง เห็นใบหน้ารอยยิ้มที่อ่อนโยนของผู้ชายวัยรุ่น : “นวลนวล จะไปไหน?”
แสงแวบเข้ามาในดวงตาของมู่นวลนวล น้ำเสียงมีความตื่นเต้น : “เซินชูฮัน ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่?”
“ขึ้นรถก่อนเถอะ ที่นี่จอดไม่ได้นาน” เซินชูฮันกล่าว และเปิดประตูรถให้เธอ
มู่นวลนวลมุ่งตรงไปขึ้นรถ เพิ่งจะปิดประตูรถ ก็ได้ยินเซินชูฮันพูดว่า : “พอดีฉันนัดพี่สาวเธอไปทานข้าว ไปทานด้วยกันสิ”
เขานัดมู่หวันฉีเหรอ?
เธอน่าจะคิดได้แต่แรก
แต่ก่อนก็มีคนพูดว่ามู่หวันฉีและเซินชูฮันเป็นเป็นเหมือนกิ่งทองใบหยก
แต่เขาสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน ดังนั้นเธอได้แต่เก็บความรู้สึกตัวเองไว้ เป็นเพื่อนกับเซินชูฮันต่อไป
เธอปากแข็งพูดไปว่า : “ฉันมีธุระ ไปกับพวกนายไม่ได้…..”
“ไม่ได้กินข้าวด้วยกันนานแล้ว เชื่อฉันเถอะ” เซินชูฮันแข็งกร้าว ไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธ
ไม่นานก็มาถึงร้านอาหาร
มู่หวันฉีถึงแล้ว เธอเห็นมู่นวลนวลแลเซินชูฮันมาด้วยกัน สีหน้าก็ชาไปพักนึง
เซินชูฮันไม่รู้ตัว : “หวันฉี ฉันเจอนวลนวลกลางทาง เลยพาเธอมาทานข้าวด้วยกัน เธอไม่ถือสาใช่ไหม?”
มู่หวันฉีใบหน้ายิ้มแย้ม พูดอย่างอ่อนโยน : “ไม่ถือสาแน่นอน”
“ฉันไปห้องน้ำแปปนึงนะ พวกเธอคุยกันไปก่อน” เซินชูฮันยิ้มพร้อมทิ้งท้ายคำพูดนี้ แล้วก็เดินออกไป
เมื่อเขาเดินออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หวันฉีก็หายไป : “ยังไง คนไม่ดีคนนั้นของตระกูลโม่ยังไม่พอใจเธอหรอ เลยต้องมาสมคบกับชูฮัน?”