โม่ถิงเซียวกำลังโกรธ และพูดด้วยน้ำเสียงอึมครึม : “ไปซะ!”
มู่นวลนวลที่อยู่ด้านนอกประตู อึ้งไปพักหนึ่ง ก็หันกลับออกไป
ผ่านไปพักหนึ่ง อารมณ์ของโม่ถิงเซียวก็กลับมาเป็นปกติ
ซือเย่เคาะประตูเข้ามา ในมือถือข้อมูลอยู่ปึกนึง
โม่ถิงเซียวกำลังคิดอะไรบางอย่าง และเงยหน้าถามเขา : “มู่นวลนวลกลับมาแล้วหรือยัง?”
ซือเย่นำเอกสารในมือไปวางบนโต๊ะอย่างเงียบๆ และกระแอมในลำคอแล้วพูดว่า : “นายหญิงกลับมาสักพักหนึ่งแล้ว เมื่อกี้เหมือนจะมา……หาคุณแล้ว……”
โม่ถิงเซียวเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนหน้านี้มีผู้หญิงคนหนึ่งมาเคาะประตูเรียกเขา
และผู้หญิงคนเดียวที่อาศัยอยู่ในบ้านพักนี้ ก็คือมู่นวลนวล
คาดไม่ถึงว่าจะมาหาเขาเอง?
เป็นเพราะข่าวบนอินเทอร์เน็ตไม่ยุติธรรม ดังนั้นต้องมาขอร้องเขาเหรอ?
ความสนใจปรากฏขึ้นในดวงตาสีเข้มของโม่ถิงเซียว เขาเอนหลังพิงเก้าอี้และสั่ง : “ไปเรียกเธอมา”
ซือเย่เดินออกไป ไม่นานก็พามู่นวลนวลกลับมา
มู่นวลนวลผลักประตูเข้ามา พบว่าโม่ถิงเซียวยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้เหลังโต๊ะทำงานเหมือนครั้งที่แล้ว หันหลังเก้าอี้ให้เธอ
เธอสามารถเห็นแขนของเขาบนที่วางแขนและศีรษะโผล่ออกมาจากด้านหลังบนเก้าอี้ อย่างอื่นมองไม่เห็นเลย
โม่ถิงเซียวถามเธออย่างตรงไปตรงมา : “มาหาฉันเรื่องอะไร”
คำถามนี้ควรเป็นเธอไม่ใช่เหรอที่ควรถามเขาหรอ?
ก่อนหน้านี้เธอมาหาเขา เขาให้เธอออกไป ตอนนี้กลับเรียกเธอกลับมาอีกครั้ง ก็เพื่อจะถามเธอว่ามีธุระอะไรเหรอ?
หมู่นวลนวลก็ไม่เขินอาย พูดออกมาตรงๆ : “ฉันอยากย้ายออกไป”
เธอพูดจบ ก็เห็นโม่ถิงเซียวไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ก็อธิบายต่อว่า : “ผ่านไปไม่นานก็ต้องไปทำงานแล้ว อยู่ที่นี่ไปทำงานไม่สะดวก”
คำอธิบายของเธอ ทำให้ชายหนุ่มตอบอย่างไม่เยิ่นเย้อ : “อ่อ”
อ่อ?
นี่คือตกลงหรือไม่ตกลง?
ในใจของโม่ถิงเซียวตอนนี้รู้สึกไม่สบายใจ
ผู้หญิงขี้เหร่คนนี้กล่าวด้วยความจริงใจ เมื่อวานนี้ว่าเธอไม่ได้รังเกียจเขาเลย “ไม่ได้” ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะอยากย้ายออกจากบ้านนี้!
ฝันไปเถอะ!
มู่นวลนวลเห็นเขาไม่พูดจา จึงถามอย่างไม่แน่ใจ : “คุณ……”
โม่ถิงเซียวขัดจังหวะเธออย่างเย็นชา : “เธอคิดว่าที่นี่คือตลาดสดหรอ? จะเข้ามาอย่างไรก็ได้ ออกไปอย่างไรก็ได้?”
มู่นวลนวลรับรู้ถึงน้ำเสียงโมโหของเขา
เธอไม่เข้าใจ ตัวเองกวนโมโหเขาตรงไหน
ช่างเถอะ ไม่ย้ายก็ไม่ย้าย
ย้อนคิดใหม่ เธอรู้สึกว่าตัวเองพูดถึงการขอย้ายออกไป อาจจะทำให้สะเทือนจิตใจโม่ถิงเซียว
ท้ายที่สุดแล้วคนที่มี “ความบกพร่องทางร่างกาย” อย่างโม่ถิงเซียว มีหัวใจที่อ่อนไหวง่าย จะถูกกระตุ้นได้ง่าย
เมื่อมู่นวลนวลคิดเช่นนั้น น้ำเสียงของเธอก็เบาลงโดยไม่รู้ตัว : “ฉันรู้แล้ว ไม่มีอะไรงั้นฉันออกไปก่อนแล้ว”
น้ำเสียงละมุนละไมเช่นนี้ของเธอ โม่ถิงเซียวก็เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
ลองคิดดูอีกที โม่ถิงเซียวก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าไม่ดี
“ออกไป!”
มู่นวลนวลถอดถอนใจ อารมณ์ของโม่ถิงเซียวนี่แย่จริงๆ
โม่ถิงเซียวหันกลับมา เขาโยนเอกสารในมือที่ยังไม่ได้วางไปบนโต๊ะทำงาน
ซือเย่เห็นท่าทางของเขา รู้สึกอธิบายไม่ถูกอยู่ในใจ ช่วงนี้เจ้านายมักจะโกรธอย่างอธิบายไม่ได้
ครู่หนึ่ง โม่ถิงเซียวก็คิดถึงอะไรบางอย่าง จึงถามซือเย่ : “ฉันจำได้ว่าในเอกสารของมู่นวลนวลเขียนว่าเธอเรียนจบสาขาภาพยนตร์?”
ซือเย่ : “ใช่ครับ นายหญิงเรียนสาขาบทประพันธ์การแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ครับ”
รอยยิ้มเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วบนใบหน้าของโม่ถิงเซียว เหมือนนำสัตว์ร้ายมาสู้เหยื่อตัวน้อย เขาพูดอย่างเบาๆว่า : “ก็หมายความว่างานของเธอคือการเขียนบท”
ซือเย่ตะลึงไปพักหนึ่ง แล้วพยักหน้าทันที
คนอื่นอาจจะคิดว่าโม่ถิงเซียวคือคนไร้ย้ำยาที่ไม่มีมนุษยธรรม แต่ไม่มีใครรู้ หลายปีที่ผ่านมาโม่ถิงเซียวเป็นเจ้าของ Shengding Entertainment Group ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
แต่เวลา 8ปีสั้นๆ Shengding Group กลายเป็นผู้นำภาพยนตร์และโทรทัศน์
Shengding Group เป็นบริษัทที่พนักงานภาพยนตร์และโทรทัศน์อยากเข้าร่วม ถ้ามู่นวลนวลอยากกลายเป็นผู้เขียนบทที่มีชื่อเสียง ก็ต้องส่งประวัติส่วนตัวให้ Shangding Group
ซือเย่รับรู้ถึงฃคำพูดลึกซึ้งของมู่ถิงเซียว พยักหน้า : “ผมจะไปทำเรื่องให้เดี๋ยวนี้ครับ”
……
มู่นวลนวลเกือบจะส่งประวัติส่วนตัวให้กับบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่เมือง Huyang แล้ว
แต่ว่า เธอจงใจมองข้าม Shangding Group
สำหรับเหตุผล?
เพราะว่า Shangding Group และเซินเหลียงเป็นศัตรูเซ็นสัญญากับบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์
อีกทั้ง เธออาจจะไม่ได้ถูกเลือกรับเข้าทำงานแน่นอน
ก่อนหน้าที่รอรับข้อความสัมภาษณ์ เธอต้องจัดการกับข่าวที่มู่หวันฉีลงก่อน
เธอเตรียมการอยู่พักหนึ่ง แล้วถึงโทรหามู่หวันฉี
“มีเรื่องอะไร พูดมา” มู่หวันฉียังทำน้ำเสียงอย่างภาคภูมิใจ
มู่นวลนวลบีบจมูก ใช้น้ำเสียงให้เหมือนคนร้องไห้ : “พี่สาว ฉันขอโทษ พี่อย่าโกรธฉันเลย พวกเราออกมาเจอกันหน่อยดีไหม? พี่อย่าทำร้ายแม่ฉัน”
“เธอให้ฉันออกไป แล้วฉันก็ออกไป เธอคิดว่าเธอคือใคร”
มู่นวลนวลเข้าใจมู่หวันฉี เธอเสียงต่ำอ้ำๆอึ้งๆ : “ขอร้องล่ะ”
“พูดเสียงดังหน่อย ไม่ได้ยิน”
“ฉันขอร้องพี่ล่ะ”
“ก็ได้”
มู่นวลนวลวางโทรศัพท์ลง สายตาเย็นชา
มู่หวันฉี ตอนนี้เธอคงอิ่มอกอิ่มใจสินะ?
แต่อีกไม่นาน เธอคงอิ่มใจต่อไม่ได้
ก่อนหน้านี้นอกจากเซินเหลียงจะให้ช่องทางการติดต่อฝ่ายขายแล้ว ยังให้ช่องทางการติดต่อปาปารัสซีอีกด้วย
ข่าวที่เธอ “แย่ง” คู่หมั้นของมู่หวันฉีตอนนี้ยังร้อนแรงมาก ตอนนี้ยังมีคนที่เต็มใจจะถ่ายภาพที่ดี
เธอใช้ความรู้สึกเลือกติดต่อปาปารัสซีมาหนึ่งคน ส่งที่อยู่และเวลาให้ ก็ออกไปตามนัด
มู่นวลนวลก้าวเท้าออกไป ซือเย่ก็ไปบอกมู่ถิงเซียวที่ห้องหนังสือ : “นายหญิงออกไปแล้วครับ”
โม่ถิงเซียวเงยหน้ามาบอกเขา ในสายตาเย็นชาแสดงให้เห็นถึงความหมายก็คือ : “เกี่ยวอะไรกับฉัน?”
ถึงแม้จะชินกับสายตาความเย็นชาของโม่ถิงเซียวแล้ว แต่ซือเย่ยังคงมีความกลืนน้ำลายเล็กน้อย
“ผมเดาว่านายหญิงออกไปอาจจะเกี่ยวกับมู่หวันฉี” เขามีความแปลกใจนายหญิงจะรับมือกับมู่หวั่นฉียังไง เขาเชื่อว่าความรู้สึกของเจ้านายเหมือนเขา
ใครจะรู้ โม่ถิงเซียวตอบอย่างเย็นชา : “อ่อ”
ซือเย่คิดอย่างสับสน หรือว่าเดาผิด?
ในเวลาต่อมา โม่ถิงเซียวลุกขึ้นยืน หยิบเสื้อแจ็กเกตแล้วออกไป : “ไม่ได้เจอพี่ชายนานแล้ว ฉันออกไปกินข้าวกับเขาดีกว่า”
ซือเย่ : “…….”
ถ้าเขาจำไม่ผิด พี่ใหญ่อยู่ต่างประเทศยังไม่กลับมา
เจ้านายน่าจะหาข้ออ้าง……
ถึงแม้โม่ถิงเซียวจะอ้างยังไง ซือเย่ก็ไม่กล้าเปิดโปงเขา
……
โม่ถิงเซียวขับรถออกไปทางเดียวกับร้านที่มู่นวลนวลไป
เขานั่งอยู่ในรถ มองดูมู่นวลนวลเข้าไปหลักจาก 20นาที มู่หวันฉีถึงเดินตามมา
ต่อมา ชายอีกคนในชุดธรรมดามีพฤติกรรมน่าสงสัยก็เข้าไปในร้านอาหาร
ในฐานะบอสใหญ่ชองบริษัทเบื้องหลังแห่งความบันเทิง เขาสรุปได้เลยว่า ชายที่ตามเข้าไปคือปาปารัสซี
ไม่เสียดายที่เขานั่งรออยู่ในรถเป็นเวลานาน ดูแล้วน่าจะมีเกมสนุกๆให้ดู