ตอนวิ่งไปห้องน้ำ มองใบหน้าขี้เหร่ของตัวเองในกระจก คิดไม่ออกว่าทำไม “โม่เจียเฉิน” ถึงมาแกล้งเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
เธอก็เคยได้ยิน ในแวดวงคนชั้นสูง จะไม่ยุ่งกับใครเป็นพิเศษ
หรือว่าเป็นเพราะเธอเป็นพี่สะใภ้ของเขา ดังนั้นจึงมีอารมณ์เร้าใจต้องห้าม
เมื่อความคิดนี้ฉุดขึ้นมา เธอก็รู้สึกหนาวๆหลัง
ครั้งแรกที่เจอ “โม่เจียเฉิน” เธอแค่คิดว่าโม่เจียเฉินคือชายหนุ่มที่ร่ำรวยเท่านั้น
แต่ว่าหลังจากเขาถูกยิง เธอจึงได้เปลี่ยนความคิดของเธอที่มีต่อเขา
เขาโตมาอย่างหล่อเหลา ลำดับศักดิ์ในวงศ์ตระกูลยอดเยี่ยม มีความมานะเป็นพิเศษ แค่เพียงเรื่องเหล่านี้ เธอมั่นใจได้ว่า เขาไม่ธรรมดาแน่ๆ
และผู้ชายที่ไม่ธรรมดาคนนี้ มักจะมา…..แกล้งเธอ?
นี่สรุปเพราะอะไร?
……
เพราะในใจมีเรื่องให้คิด ดังนั้นเธอจึงใจลอยในตอนทำกับข้าว
หลังจากเสียเนื้อไปสองชิ้นแล้ว เธอถึงดึงสติกลับมา
เธอยังคิดว่าจะเชื่อ “โม่เจียเฉิน” อีกสักครั้ง โดยทำเมนูพวกนั้นที่ตามเขาบอก
เธอเพิ่งทำกับข้าวเสร็จ ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถมาจากหน้าประตูใหญ่
คือโม่ถิงเซียวกลับมาแล้วหรอ?
ตอนนี้เธอสามารถออกไปเจอเขาได้ไหม?
เมื่อคิดแบบนี้ ในใจเธอมีความตื่นเต้น
เมื่อเธอถอดผ้ากันเปื้อนและออกไปข้างนอก ก็เห็นแค่ซือเย่คนเดียว
เขาอุ้มลังหนึ่งใบเข้าไปในห้องโถง เมื่อเห็นมู่นวลนวล เขาหยุดชะงัก จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อยแสดงความเคารพ : “นายหญิง”
หมู่นวลนวลพยักหน้า และถามเขา : “โม่ถิงเซียวกลับมาหรือยัง?”
“คุณชายขึ้นไปข้างบนแล้วครับ” ผ่านไปหลายวัน ซือเย่ เธอสามารถช่วยโม่ถิงเซียวโกหกโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
มู่นวลนวลมีความแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก : “เขายังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม? ฉันเพิ่งทำกับข้าวเสร็จพอดี”
ซือเย่เป็นคนฉลาด ฟังเข้าใจความหมายของคำพูดมู่นวลนวลได้โดยธรรมชาติ
“ผมกำลังจะเอาเอกสารไปส่งให้คุณชาย ผมจะถามเขาให้ว่าจะลงมาทานหรือให้เอาขึ้นไปให้”
“ขอบคุณ”
……
ซือเย่อุ้มกล่องลังเอกสารขึ้นไปให้โม่ถิงเซียวที่ห้องหนังสือ
โม่ถิงเซียวกำลังคุยโทรศัพท์
ได้ยินเสียงผลักประตูด้านหลัง เขาไม่ต้องหันมาก็รู้ว่าคือซือเย่
เมื่อโม่ถิงเซียวคุยโทรศัพท์เสร็จ ซือเย่ก็เอาเอกสารในกล่องลังออกมาจัดวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
เห็นซือเย่ยังไม่ออกไป เขาก็ถาม : “ยังมีเรื่องอะไร?”
“คุณนายบอกว่าทำกับข้าวให้คุณ”
โม่ถิงเซียวได้ยิน ก็ไม่ได้รีบตอบกลับ นั่งบิดนิ้วอย่างอธิบายไม่ถูก จากนั้นก็ตอบอย่างเย็นชาว่า : “อ่อ รู้แล้ว”
ซือเย่รู้สึกว่า ตั้งแต่หลังจากคุณนายแต่งงานเข้ามา คุณชายก็แปลกๆขึ้น
…….
มู่นวลนวลรอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นซือเย่ลงมา
เธอกำลังจะขึ้นไปข้างบน สุดท้ายเห็น “โม่เจียเฉิน” ค่อยๆเดินลงมาจากข้างบน
มู่นวลนวลมองเขาอย่างระแวดระวัง ถอยห่างออกไปสองก้าว แต่ก็ยังอดกลั้นไม่ได้และถาม : “นายบอกไม่ใช่เหรอว่าคืนนี้มีงานเลี้ยง?”
“อื้ม” โม่เจียเฉินตอบ เดินผ่านจากตรงหน้าเธอไปที่ห้องครัว
บนโต๊ะอาหารมีอาหารหน้าตาดีหลายอย่างวางอยู่ นอกจากสามเมนูที่เขาบอกก่อนหน้านี้ มู่นวลนวลยังทำไก่ผัดพริกอีกด้วย
มู่นวลนวลขมวดคิ้วเดินตามเขาลงไป : “แล้วทำไมนายยังไม่ไป?”
“ฉันพูดว่าจะไปหรอ?” โม่เจียเฉินนั่งลงที่โต๊ะอาหาร มองมู่นวลนวลด้วยสายตาสงบ
แต่ว่า มู่นวลนวลรู้สึกว่าเขากำลังอิ่มอกอิ่มใจ!
ตอนกลางที่อยู่ตระกูลมู่ โม่เจียเฉินก็ไม่ค่อยได้กิน หิวนานแล้ว ก็หยิบตะเกียบเริ่มกิน
มู่นวลนวลเดินไปดึงตะเกียบในมือของเขา : “นี่ไม่ได้ทำให้นาย……”
เดาไว้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องเดินไปดึงตะเกียบในมือของโม่จียเฉิน ด้วยแขนที่ยาวทำให้เธอตกลงไป เธอรับน้ำหนักไม่คงที่ ก็ตกลงไปข้างหน้า
เธอรู้สึกตัวก็เอามือมาบังหน้าและศรีษะ เมื่อเธอตกลงไปในอ้อมกอดที่มั่นคง เสียงที่ดังมาจากข้างบน “โม่เจียเฉิน” เสียงยั่วเย้า : “พี่ชายยังอยู่บ้าน ดึงฉันแบบนี้เข้าไปกอด นายอยากให้พวกนายพี่น้องโกรธกันหรอ?”
มู่นวลนวลปล่อยมือที่อยู่บนหน้าและหัวออก ลืมตาขึ้น ก็พบใบหน้าที่ยิ้มแย้มของ “โม่เจียเฉิน”
“โม่เจียเฉิน” ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร และมู่นวลนวลนั่งอยู่บนตักของเขา ทั้งตัวโดนเขากอดไว้!
อริยาบททั้งสองคนสนิทสนมกันเกินไป ถ้ามีคนเห็น……
ใบหน้าของมู่นวลนวลเปลี่ยนไปด้วยความตกใจ ดิ้นรนที่จะลุกขึ้น แต่ซือเย่ก็เข้ามาเวลานี้พอดี
“คุณชายบอกว่าเขา…..” เมื่อซือเย่เห็นสถานการณ์ในห้องอาหารความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่จริงจังของเขา
แต่ความสามารถในการปรับตัวที่ดีของเขาทำให้เขากลับสู่รูปท่าทางปกติได้อย่างรวดเร็ว : “คุณชายบอกว่าเขาไม่หิว”
หลังจากนั้น เขาก็หันเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาเห็นอะไร?
คุณชายและคุณนายอยู่ในห้องอาหารก็…..
ไม่ใช่ สถานะของคุณชายตอนนี้คือคุณชายเล็ก “โม่เจียเฉิน” เขาเป็นลูกน้องของคุณชาย ปฏิกิริยานั้นสงบเกินไปหรือไม่?
จะกลับไปดูดีไหม…..ชั่งเถอะ เขาไม่กล้ากลับไปรบกวนเรื่องดีๆของคุณชาย
แต่ว่า ปากคุณชายก็ป่าเถื่อนมาก…..
ในห้องอาหาร
มู่นวลนวลเฝ้าดูเมื่อซือเย่เข้ามาและออกไปเธอรู้สึกสับสนไปหมด
โม่เจียเฉินมองดูใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ความสนใจวูบวาบใต้ดวงตาก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขาพูดช้าๆ : “เธอเดาว่าซือเย่จะไปบอกพี่ชายเรื่องของเราไหม?”
มู่นวลนวลรีบโต้แย้งกลับ : “ไม่มีเรื่องของเรา!”
เธอดิ้นรนที่จะลุกขึ้น แต่โม่เจียเฉินไม่ปล่อยมือ ดูแล้วเขาไม่ได้ออกแรงอะไร แต่ทำไมเธอเอาไม่ออก
เธอทั้งโกรธทั้งรีบ หูแดง: “โม่เจียเฉิน! นายเกินไปแล้วนะ!”
โม่เจียเฉินมองเห็นหูของเธอแดง แต่สีหน้าดูไม่ออกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาลดศีรษะลงเล็กน้อยและเห็นว่าใบหน้าของเธอดูเหมือนจะถูกเคลือบด้วยอะไรบางอย่าง
เขาหรี่ตาและใช้นิ้วสัมผัสบนใบหน้าของเธอ
เขาสัมผัสโดนตรงจุดด่างดำบนใบหน้าของเธอพอดี เมื่อเขายกมือขึ้นเขาก็พบว่าจุดที่เขาสัมผัสบนใบหน้าของเธอ ไม่ใช่แค่เพียงจุดด่างดำหายไป แต่ผิวหน้าก็เปลี่ยนเป็นขาวขึ้นมาทันที
นี่มันอะไรกัน?
มู่นวลนวลฉวยโอกาสตอนที่เขาเผลอ กระแทกตัวออกจากอ้อมกอดของเขาและยืนอยู่ข้างๆด้วยใบหน้าที่กำกวม ตื่นตระหนกที่ไม่สามารถปกปิดได้
อ้อมกอดว่างเปล่า โม่เจียเฉินกลับมามีสติ
เขาก้มหน้ามองที่มือของตัวเอง หน้าท้องมีรอยแป้งสีเหลืองซีดติดอยู่
ดวงตาสีดำสนิทของเขาลึกขึ้นและดวงตาของเขาก็เฉียบคมมากเขาค่อยๆลุกขึ้นและเดินไปหามู่นวลนวล
เขาเดินไปอย่างช้าๆ และทุกย่างก้าวทำให้หัวใจของมู่นวลนวลสั่นไหวเมื่อก้าวไปได้หนึ่งก้าวเธอก็จะถอยห่างออกมานิดนึง
เธอถอยไปจนติดกำแพง จะถอยต่อก็ไม่ได้แล้ว ชายคนนั้นวางนิ้วของเขาไว้ตรงหน้าเธอ เสียงของเขาต่ำมาก : “นี่คืออะไร?”
เพราะความรู้สึกผิดทำให้มู่นวลนวลขึ้นเสียงโดยไม่ได้ตั้งใจ : “เครื่องสำอางที่ผู้หญิงใช้ นายไม่รู้หรอ?”
โม่เจียเฉินไม่ยอมวางมือ
สายตาที่เฉียบคมของเขามองที่เธอ และพูดยิ้มเยาะว่า ” พวกผู้หญิงชอบใช้สีเลอะเทอะแบบนี้แต่งหน้าเหรอ?”