มู่นวลนวลออกจากคฤหาสน์ วิ่งไปไกลก่อนจะหยุด
เธอจะต้องห่างจาก “โม่เจียเฉิน” ให้ไกลกว่านี้หน่อย เขาค่อนข้างอันตราย
ความคิดนี้เพิ่งจะผุดออกมา ก็มีรถคันหนึ่งมาจอดข้างๆเธอ เธอหันไปดูโดยอัตโนมัติ โม่เจียเฉินลดกระจกลงมามองเธอพอดี
ดวงตาของทั้งสองสบกันในอากาศ มู่นวลนวลถึงกับผงะไปชั่วขณะและถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว เท้าของเธอก็ก้าวเร็วขึ้น
โม่เจียเฉินขับรถตามไปใกล้ ข้างๆมู่นวลนวล ให้รถขนานกับเธอ ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ขึ้นรถ”
“ไม่” มู่นวลนวลหันไปบอก แล้วก็เดินต่อไป
โม่เจียเฉินเข้าใจขึ้นมาว่ามู่นวลนวลต้องการขีดเส้นขอบเขตจากเขา
มู่นวลนวลเดินไป รู้สึกว่ารถของเขาไม่ได้ขับตามมา เธอหยุดเล็กน้อย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง
เธอเห็นโม่เจียเฉินลงจากรถและเดินมาหาเธอ สีหน้าเย็นชา ท่าทางโอ่อ่าของเขาจึงดูพิการเล็กน้อย
เขาขายาวและสูง เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงตรงหน้าเธอ เขาไม่พูดอะไร เขาอุ้มเธอขึ้นแล้วยัดใส่รถ
มู่นวลนวลตกใจ ผู้ชายคนนี้นี่มันจริงๆเลย……
เธอโกรธแต่ยิ้ม : “โม่เจียเฉิน! นายอย่ามาวุ่นวายแล้วได้ไหม? ”
“ใครวุ่นวาย? ” โม่เจียเฉินเหลือบมองเธออย่างเย็นชาจากนั้นก็ขับรถต่อไปอย่างจริงจัง
มู่นวลนวล : “แน่นอนว่านายกำลังวุ่นวาย! ”
โม่เจียเฉินไม่ได้ยิน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจมากนัก เพียงแค่ถาม : “จะไปไหน”
มู่นวลนวลไม่พูด โม่เจียเฉินยื่นแขนยาวๆของเขาออกมา และหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตของเธอโดยตรง และเปิดไปที่ข้อความที่เสี่ยวชูเหอส่งให้เธอ
“นายแอบฟังฉันคุยโทรศัพท์เหรอ? ” ไม่งั้นเขาจะรู้ได้ยังไงว่าเธอจะไปเจอเสี่ยวชูเหอ
…….
ไม่นาน ก็ถึงร้านอาหารที่เสี่ยวชูเหอบอก
มู่นวลนวลยังไม่ลงจากรถ เมื่อมองผ่านหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานของร้านอาหาร เธอก็เห็นเสี่ยวชูเหอที่รออยู่แล้ว
เสี่ยวชูเหอนั่งอยู่ข้างๆหน้าต่าง เธอเหลือบมองเป็นระยะๆ แล้วมองไปข้างนอกก็ไม่มีใครอยู่ข้างๆ
โม่เจียเฉินเห็นมู่นวลนวลเอาแต่มองเสี่ยวชูเหอ แต่ไม่ได้ตั้งใจจะลงไปหาเธอ เขาถามว่า : “เธอวางแผนที่จะนั่งในรถและเฝ้าดูเธอไปตลอดเวลาหรอ?”
มู่นวลนวลมองเขา แต่ไม่พูดขา
ให้เสี่ยวชูเหอลองชิมรสชาติการรอบ้าง
โม่เจียเฉินมองออกไปนอกหน้าต่างและพบว่าฝั่งตรงข้ามยังเป็นร้านอาหาร เขาจึงขับรถตรงไปที่ลานจอดรถของร้านอาหารตรงข้าม และดึงมู่นวลนวลลงจากรถเข้าไปในร้านอาหาร
เขาพามู่นวลนวลตรงไปที่ชั้นสองและเลือกโต๊ะริมหน้าต่าง มองจากที่นี่ เธอสามารถมองเห็นเสี่ยวชูเหอได้พอดี
พนักงานหยิบเมนูให้พวกเขาสั่งอาหาร โม่เจียเฉินก็ส่งเมนูไปตรงหน้ามู่นวลนวล
มู่นวลนวลเงยหน้ามองโม่เจียเฉิน ถึงแม้เธอจะไม่พูดอะไร แต่เขาเหมือนจะเข้าใจความคิดของเธอดี
“มองอะไร? สั่งอาหาร”
เสียงของโม่เจียเฉินดังขึ้น มู่นวลนวลก็ฟื้นคืนสติ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังมองลงไปที่โทรศัพท์ รู้ว่าเธอกำลังมองเขาอยู่
มาก็มาแล้ว มู่นวลนวลไม่เคอะเขินอีกต่อไป จึงสั่งอาหารทันที
หลังจากนั้นโม่เจียเฉินก็สั่งตามสองอย่าง
อาหารยังไม่มา มู่นวลนวลหันหน้าไปมองเสี่ยวชูเหอในร้านอาหารตรงข้ามอย่างอิสระ สีหน้าท่าทางเธอดูซับซ้อนเล็กน้อย
“โม่เจียเฉิน” นอกจากตอนที่เขาหัวเราะและขู่เธอ เวลาที่เหลือเขาก็พูดน้อยมาก
“นี่เป็นครั้งแรกที่เขานัดฉันมากินข้าว” เธอพูดจบ ก็เห็นรถคันหนึ่งจอดที่หน้าร้านอาหาร ด้านหลังคนที่เดินออกมานั้นคือมู่หวันฉี
เธอหัวเราะเยาะและพูดต่อไป : “ฉันรู้ว่าเธอไม่มีทางนัดฉันแค่คนเดียวเพื่อมากินข้าว”
มู่หวันฉีเดินเข้าไปที่โต๊ะที่เสี่ยวชูเหอนั่ง เนื่องจากระยะทางไกล ทำให้เธอไม่ได้ยินว่าทั้งสองพูดถึงอะไร แต่จากการกระทำของพวกเขา เธอสามารถบอกได้ว่ามู่หวันฉีกำลังโกรธ และเสี่ยวชูเหอกำลังปลอบเธอ
ทั้งสองเถียงกันสักพัก เสี่ยวชูเหอก็ก้มหน้าลงและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นาน โทรศัพท์ของมู่นวลนวลก็ดังขึ้น
เธอรับสาย : “ฮัลโหล?”
“นวลนวล ทำไมเธอยังไม่มา ไม่ใช่คุยกันไว้ว่ามากินข้าวกลางวันด้วยกันหรอ? น้ำเสียงของเสี่ยวชูเหอเต็มไปด้วยความโกรธ ดูเหมือนจะค่อนข้างใจร้อน
มู่นวลนวลพูดอย่างเย็นชา : “ฉันยังอยู่บนรถเมล์ รถค่อนข้างติด”
น้ำเสียงของเสี่ยวชูเหอผ่อนคลายลง : “นั้นเธอรีบมา”
มู่นวลนวลวางสาย และมองเห็นเสี่ยวชูเหอกำลังคุยกับมู่หวันฉี หลังจากนั้นมู่หวันฉีหันหน้าหนีออกจากโต๊ะ แต่ไม่ได้ออกจากร้านอาหาร
เพราะเรื่องเมื่อคืน มู่หวันฉีก็รีบร้อนให้เสี่ยวชูเหอนัดเธอมา มู่หวันฉีคงคิดว่าเธอถูกคนพวกนั้นย่ำยีแล้ว ดังนั้นเลยอยากดูสภาพเธอ?
ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอควรหรือไม่ควรจะออกไปให้เห็นนิดนึงนะ เพื่อโจมตีมู่หวันฉีสักหน่อย
เวลานี้พนักงานก็เอาอาหารมาเสริฟ์ เสียงของโม่เจียเฉินดึงสติของเธอกลับมา : “กินข้าว”
มู่นวลนวลได้สติ ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าครั้งก่อนที่เขาไม่สบายเขายังคงเรียก “แม่” เธอจึงถามอย่างสงสัย : “โม่เจียเฉินนายอยู่แต่บ้านโม่ถิงเซียว พ่อแม่นายล่ะ? ”
พูดจบ เธอมองการคีบผักของ “โม่เจียเฉิน” อย่างชัดเจน กับใบหน้าของเขาที่เดาไม่ค่อยถูก
มู่นวลนวลรู้สึกว่าตัวเองถามสิ่งที่ไม่ควรถาม ก็รีบตักอาหารให้เขา ค่อยๆคุยดีๆ : “นายกินเยอะๆ”
ทั้งสองทานอาหารเสร็จด้วยความเงียบ
ตอนจ่ายเงิน มู่นวลนวลอยากแย่งเขาจ่ายก่อน แต่สุดท้ายมืออีกข้างของโม่เจียเฉินดึงเธอไปไว้ข้างหลังเขา จ่ายเงินเสร็จก็หันไปพูดอะไรบางอย่าง : “กินข้าวกับผู้หญิง ผู้ชายก็ต้องจ่ายเงินเป็นสัจธรรม”
มู่นวลนวลสีหน้าตั้งใจ : “พี่สะใภ้คนโตก็เหมือนแม่ พี่สะใภ้จ่ายเงินเป็นสัจธรรม
“ฉันจ่ายเรียบร้อยแล้ว ถ้าเธอรู้สึกแย่กับมันจริงๆ……”โม่เจียเฉินโน้มตัวเข้าไปใกล้เธอและกระซิบเบาๆว่า : “หอมฉันก็พอ”
“……” ก็เหมือนให้เธอไปตาย
มู่นวลนวลปัดมือเขาแล้วก็ออกจากร้านอาหาร
โม่เจียเฉินมองด้านหลังเธอ ก็ยิ้มอย่างลึกซึ้ง
…….
ในที่สุดมู่นวลนวลก็ไม่ไปเจอเสี่ยวชูเหอที่ร้านอาหารตรงข้าม เธอและ “โม่เจียเฉิน” ตรงกลับบ้าน
เสี่ยวชูเหอโทรหาเธอตลอด เธอก็ไม่รับ
เธอคิดว่าเรื่องนี้ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว สรุปตอนเช้าวันที่สอง เธอก็ได้รับสายเข้าจามู่ลี่หยาน
“นวลนวล ตอนนี้กำลังหางานอยู่ใช่ไหม? เธอมาที่บริษัทของเราเองเสียเลย ไม่จำเป็นต้องทำที่อื่น ดีไหม! ” มู่ลี่หยานกล่าวด้วยความจริงใจ มู่นวลนวลเกือบจะเชื่อแล้ว
มู่นวลนวลตอบอย่างลวก ๆ : “แต่ว่าฉันหางานได้แล้ว”
มู่กรุ๊ปและ Shengding เธอเลือก Shengding โดยไม่ลังเลใดๆ และไม่ต้องพิจารณา
มู่ลี่หยานเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนว่าเขาได้ตัดสินใจ : “ถ้าเธอเข้ามาทำงานในบริษัท ฉันจะให้หุ้นเธอ ดีไหม”
หุ้นเหรอ?
มู่นวลนวลนั่งไม่ติด มีความสงสัยว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า
มู่หวันฉีและพี่ชายของเธอ ทั้งสองถือหุ้นในมู่กรุ๊ป และได้รับเงินปันผลทุกปี แม้แต่เสี่ยวชูเหอก็มีหุ้นอยู่บ้างแม้ว่ามันจะน้อยจนน่าสงสาร แต่ก็มี