มู่นวลนวลเดินเข้าประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ ก็ได้ถามบอดี้การ์ดว่า:”โม่เจียเฉินอยู่ไหม?”
“อยู่ชั้นบนครับ”
มู่นวลนวลถือน้ำชายามบ่ายมา เดินขึ้นตึกอย่างอารมณ์ดีเพื่อไปหา“โม่เจียเฉิน”
ห้องของเขาคือห้องไหนนะ?
เธอคิดเเล้วคิดอีก เมื่อตอนเช้าเธอออกมาจากห้องเขา.
เธอหาห้องของ “โม่เจียเฉิน”เจอเเล้ว เธอมองซ้ายมองขวาเเปปนึง ที่ตั้งของห้องนี้ ไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนห้องนอนใหญ่อยู่ดี
ความสัมพันธ์ของเขากับโม่ถิงเซียวดีถึงขั้นที่ ยกห้องนอนใหญ่ให้เขาอยู่เลยเหรอ?
มู่นวลนวลเอื้อมมือไปเคาะประตู ไม่ช้าก็มีเสียงของ “โม่เจียเฉิน” ดังมาจากข้างใน: “มีอะไรเหรอ?”
น้ำเสียงที่โทนต่ำกว่าปกติเเละเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เย็นชากว่าปกติที่เธอคุยกับเขา
มู่นวลนวลตอบกลับว่า:”ฉันเอง ฉันเอาน้ำชายามบ่ายมาให้”
ในห้องนอนนั้น โม่ถิงเซียวกำลังถอดเสื้อผ้าและมองดูแผลเป็นของตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน
หลังจากครั้งนั้นที่ให้มู่นวลนวลช่วยเอากระสุนออกจากร่างกายของเขาเเล้ว เขาก็กลับที่โรงพยาบาลเอกชนเพื่อไปตรวจเช็ค คุณแม่ใช้ชีวิตตัวเองมาเเลกกับชีวิตของเขา เขาจึงรักชีวิตตัวเองอย่างดีมาก
กรณีเเบบนั้นมันจำเป็นที่ต้องให้มู่นวลนวลเอากระสุนออกให้
ถึงแผลจะหายดีเเล้ว เเต่ก็ทิ้งเเผลเป็นเอาเป็นไว้
เขาใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย พอไปเปิดประตูก็เห็นมู่นวลนวลยืนถือกล่องที่หน้าประตู
มู่นวลนวลก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยใบหน้าที่ขาวสะอาด เธอก็ยื่นน้ำชายามบ่ายให้กับเขา: “อะ ฉันเอามาให้”
เเค่มองถุงใส่ของ เขาก็รู้เลยว่าของอันนี้เธอเอากลับมาจากจินติ่ง เขารับของมาพร้อมกับถามว่า:”ทุกอย่างราบรื่นดีใช่ไหม”
“ราบรื่นดีค่ะ ขอบคุณนะ” มู่นวลๆยิ้มด้วยความสดใส เเววตาสวยดั่งตาเเมว มองดูเเล้วช่างอ่อนโยนเป็นพิเศษ
โม่ถิงเซียวค่อยๆกลื่นน้ำลายเล็กน้อย ตอบกลับด้วยน้ำเสียที่เฉยเมย:”อืม”
จากนั้นเขาก็ปิดประตู เสียงดัง “ปัง”
มู่นวลนวล:”………” ทำไหมรู้สึกว่าพฤติกรรมเมื่อกี้ของเขาเหมือนจะกลัวเธอยังไงไม่รู้?
เธอหันหลังกลับเข้าห้องนอน ไม่ช้าก้ได้รับข้อความจาก”โม่เจียเฉิน” เนื้อหาของข้อความคือชื่ออาหาร
หลังจากนั้นเธอก็ได้รับข้อความหลายอันติดต่อกัน
หนึ่งข้อความคือหนึ่งชื่ออาหาร
อยากจะกินอาหารอะไรทำไมเมื่อกี้ไม่พูดให้จบในทีเดียว มันจำเป็นต้องส่งข้อความ มาเป็นชื่ออาหารทีละอันไหม คนมีเงินนี่แปลกจริงๆ
ตอนที่เธอยากจน เเม้เเต่ค่าโทรศัพท์ยังแทบไม่มีเงินซื้อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องของการส่งข้อความเยอะๆแบบนี้เลย..
แต่เมื่อที่เธอลงไปชั้นล่าง เธอก็ได้รู้ว่ายังมีอะไรที่ฟุ้มเฟือยกว่านั้นอีก……มู่นวลนวลคิดไว้ว่าจะลงไปชั้นล่าง เพื่อไปดูว่าในตู้เย็นมีผักอะไรบ้าง
พอเธอไปถึงห้องครัว ก็ได้เห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังหยิบผักออกจากตู้เย็น
เธอเดินเข้าไปใกล้ ถามด้วยความสงสัยว่า:”พวกเธอเอาผักออกมาทำอะไร?”
“อันนี้คือผักที่ถูกส่งมาเมื่อตอนเที่ยงของเมื่อวานนี้ วันนี้ต้องเปลี่บนเป็นของใหม่”
“ทำไมต้องเปลี่ยนใหม่ ผักพวกนี้ไม่ได้เสียเลย ยังกินได้อยู่เลย!” มู่นวลนวลได้ก้มลงไปดู ผักที่ยังคงสดใหม่มาก
เหล่าบอดี้การ์ดมองหน้ากัน:”เป็นเเบบนี้มาตลอดเลยครับ…..ผักต้องเปลี่ยนใหม่ทุกวัน”
มู่นวลนวล:”……….ก็ได้”
ทุกทีที่เธอทำอาหาร ของในตู้เย็นจะเต็มตลอด เธอคิดว่ามีคนคอยเติมผักในตู้เย็นตลอดเวลา เเต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงคือ เเท้จริงผักในตู้เย็นเปลี่ยนใหม่ตลอด
เมื่อถึงเวลาทำอาหารเย็น มู่นวลนวลจะทำปริมาณของอาหารเเต่ละจานให้ได้มากที่สุด
เพราะเธอรู้ว่า ถ้าผักพวกนี้กินไม่หมด ก็จะถูกทิ้งไป
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าการเปลี่ยนอาหารทุกวันมันฟุ่มเฟือยเกินไป แต่นั่นคือวิธีการจัดการของเศรษฐีเหล่านี้
ทำกับข้าวไปถึงครึ่ง เธอก็ได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวัยจากข้างนอก เธอทำอาหารเสร็จอีกหนึ่งจานพอดี เธอยกไปไว้ที่โต๊ะอาหาร แล้วออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ในห้องรับแขก นอกจาก”โม่เจียเฉิน”แล้ว ยังมีผู้ชายสองคน
กูจื่อหยานและฟู่ถิงซี
“โม่เจียนเฉิน”รู้จักฟู่ถิงซี ก็ไม่แปลก แต่กูจื่อหยานจะรู้จักเขาเหมือนกัน
กูจื่อหยานตาไวมาก เเว๊บเดียวก็เห็นมู่นวลนวลเลย
อาจจะเป็นเพราะการป่วยครั้งนั้นของโม่ถิงเซียว เขาก็ได้เปิดเผยท่าเเท้ของตัวเองออกมา เพราะเเบบนั้นเขาถึงได้ไม่ใส่เเว่นเเสร้งเป็นคนสุภาพอ่อนโยน ยังทำเหมือนสนิทกันเเถมยิ้มระริกระรี่กวักมือเรียกเธออีก
เขาดูสุภาพอ่อนโยนน้อยลง เพิ่มความร้ายกาจมากขึ้น เหมือนกับเด็กเกเรสมัยที่ยังเรียนหนังสืออยู่
สะดุดตาที่สุด ร้ายกาจที่สุด เเต่ก็น่าดึงดุดที่สุด
มู่นวลนวลรู้สึกว่าเขายังเหมือนกับเด็กน้อย
“นายหญิง…….มู่” กูจื่อหยานรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนของ มู่นวลนวล เขากลายเป็นคนพูดติดอ่างไปลย
เขาหันหน้าไปมองฟู่ถิงซี ฟู่ถิงซีก็ยกมือเเล้วผายมือยิ้มยังไร้เดียวสา
กูจื่อหยานรู้สึกรอยยิ้มของฟู่ถิงจือจอมปลอมมาก
ช่วงบ่ายเขาและฟู่ถิงซีกำลังโต้เถียงเกี่ยวกับหน้าตาของมู่นวลนวลในบริษัท จากนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะไปบ้านของโม่ถิงเซียวเพื่อได้เจอกับมู่นวลนวลโดยตรงก็พอเเล้ว
เเท้จริงเเล้ว ไม่ใช่พวกเขาตาบอด เเต่เป็นที่มู่นวลรวลได้พัฒนาให้ตัวเองให้ดูดีขึ้นเเละ ปรับเปลี่ยนหน้าตาตัวเอง
กูจื่อหยานค่อยๆถาม:”ทำไหมเธอดูเเตกต่างจากเมื่อก่อน”
“อาจจะเป็นเพราะเมื่อก่อนหน้าม้าหนาเกินไป เเต่งหน้าไม่สวย ” มู่นวลนวลพูดติดตลกไปด้วยจริงจังไปด้วย และก็ทักทายฟู่ถิงซี แล้วก็กลับเข้าห้องครัวไป
กูจื่อหยานทำหน้าสงสัย แต่นี่มันแตกต่างมากเกินไปเเล้ว! มันต่างกันฟ้ากับเหวเลยเลย
เขาคิดอะไรเพลินๆจนเหม่อลอย จนมู่นวลนวลเข้าไปในห้องครัวแล้วเขาก็ยังมองอยู่
โม่ถิงเซียวเดินมา เเล้วเตะไปที่ขาของเขาเเละมองด้วยสายตาเย็นชา “มองพอเเล้วก็ไปได้เเล้ว”
กูจื่อหยานเจ็บจนต้องกอดขาร้อง”โอ้ยโอ้ย”
:”โม่ถิงเซียว นายไม่มีความเป็นคนเอาซะเลย!”
“ยังไม่ทันได้พูดจบ โม่ถิงเซียวมองไปด้วยสายตาที่เยือกเย็น เราพึ่งรู้ตัวได้ว่าตัวเองพูดอะไรไป จึงรีบเอามือปิดปากไว้
ยังดีที่ห้องครัวห่างไกลจากห้องนั่งเล่น มู่นวลนวลอยู่ในระหว่างทำกับข้าว จึงไม่ได้ยินเสียงทางนี้
กูจื่อหยานมองหน้าโม่ถิงเซียวด้วยความตะลึง:”ภรรยาของนายไม่ได้ยินหรอก!”
“พวกนายไปได้แล้ว”โม่ถิงเซียวพูดจบก็เดินเข้าไปที่ห้องอาหาร
กูจื่อหยานได้กลิ่นของอาหารตั้งนานเเล้ว เดินตามหลังโม่ถิงเซียวไปห้องอาหาร
โม่ถิงเซียวหันหน้ามามอง อย่างเฉยชา:”นายอยากไปเเอฟริกางั้นหรือ?”
เมื่อพูดจบ ก็สังเกตเห็นว่าฟู่ถิงซีก็ตามมาเหมือนกัน
เมื่อรู้สึกถึงสายตาจับจ้องของโม่ถิงเซียว ฟู่ถิงซีทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ก้มหัวจัดเเขนเสื้อมองนิ้วเท้าของตัวเอง แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกถึงสายตาทีโม่ถิงเซียวมองอย่างไล่เเขก
1ปี365วัน มี366วันกินข้าวร้านอาหารตลอด ตอนนี้มีอาหารโฮมเเมดสำเร็จรูปทำไมเขาถึงต้องไปล่ะ
เขาได้กลิ่นของหชุปม่าล่าปลาแล้ว
มุ่นวลนวลทำอาหารจานสุดท้ายม่าล่าปลาเสร็จก็ยกออกมา เเล้วก็เห็นชายทั้งสามที่ยืมอยู่หน้าประตูห้องอาหารไม่ยอมเข้ามา
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายสามคนนี้ยืนทะเลาะที่หน้าประตูห้องอาหารเพราะเรื่องที่ไร้สาระ มาระยะเวลาหนึ่งแล้ว และยังคิดว่าเป็น “โม่เจียเฉิน” ที่ต้องการให้พวกเขาทานอาหารเย็นด้วยกัน
ถ้าจะให้พวกเขาอยู่ทานข้าวด้วยกัน ทำไมไม่ให้เข้ามาหละ
มู่นวลนวลมองไปที่”โม่เจียเฉิน” ถามอย่างไม่เเน่ใจ “นายกับเพื่อนนายจะออกไปกินข้าวนอกบ้าน หรือกินในบ้าน? กับข้าวที่ฉันทำมันธรรมดาไปหน่อย”
กูจื่อหยานจะอยู่ที่นี่ ฟู่ถิงซีก็ไม่ได้สนใจที่จะไป พวกเขาไม่เหมือน”โม่ถิงเซียว”ที่เลือกกิน อาจจะอยากไปไปร้านอาหารหรูๆมากกว่า
กูจื่อหยานเดินหลบมาข้างๆของโม่ถิงเซียวเเล้วเบียดเข้าห้องอาหาร เขายิ้มเเละพูดว่า:”ฉันชอบกินอาหารธรรมดาเนี่ยเเหละ”