ฟู่ถิงซีก็เดินตามมาเข้า ยิ้มให้มู่นวลนวลอย่างสุภาพ บอกว่า“ผมก็ด้วย”
เขาพูดเสร็จแล้ว ก็นั่งลงที่ข้างหน้าของโต๊ะอย่างเป็นธรรมชาติ กูจื่อหยานก็นั่งลงที่ข้างๆเขาอย่างเร่งรีบ
แค่มีโม่ถิงเซียวยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องอาหารด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายและไม่ได้เข้ามา
มู่นวลนวล :“……”
ทำไมเธอรู้สึกว่าบรรยากาศผิดปกติ
โม่ถิงเซียวเขาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเย็นชา และนั่งลงที่ข้างหน้าของโต๊ะ
มู่นวลนวลเห็นสถานการณ์นี้ จึงเข้าครัวไปหยิบชามเพิ่มอีกสองชาม
จู่ๆโม่ถิงเซียวเตะทั้งสองคนที่นั่งที่โต๊ะตรงข้าม “กินข้าว ไม่รู้จังไปเอาชามเองเหรอ?”
เมียของเขาเอง เรียกใช้ด้วยตัวเองก็พอแล้ว ยังคงต้องให้บริการพวกเขาเหรอ?
กูจื่อหยาน และฟู่ถิงซีก็ไปในครัวเพื่อเอาชามด้วยตัวเองในทันที
มู่นวลนวลประหลาดใจที่เห็นชายสองคนนี้ไปที่ห้องครัวเพื่อรับชามอย่างเชื่อฟัง บอกไม่ถูกจริงๆ รูปลักษณ์ของ“โม่เจียเฉิน”ที่มีความเกียจคร้าน คาดไม่ถึงว่าจะให้ผู้ชายที่ไม่ธรรมดาสองคนนี้..สวามิภักดิ์ได้
ถูกต้อง ความรู้สึกของพวกเขาที่ให้มู่นวลนวลรู้สึกก็เหมือนสวามิภักดิ์“โม่เจียเฉิน”
มู่นวลนวลนั่งลงที่ข้างหน้าโต๊ะเช่นกัน
เธอตักอาหารที่จะกินเอง และกำลังจะกินมัน ก็ได้ยินเสียงตะเกียบกระทบจาน
เมื่อเงยหน้าขึ้น เธอก็เห็นคนสามคนกำลังแย่งชิงอาหารอยู่ โดยเฉพาะ“โม่เจียเฉิน”ที่เยอะเป้นพิเศษ ที่แย่งอาหารทุกอย่างกับพวกเขา
มู่นวลนวลกินข้าวเงียบๆ รู้สึกว่าผู้ชายสามคนที่กําลังต่อสู้กันเหมือนเด็กอนุบาลสามคน
ฟู่ถิงซีรู้สึกถึงสายตาของมู่นวลนวลก่อน พูดด้วยความขอโทษว่า :“ทำให้ทำให้นายหญิงโม่ต้องเห็นเรื่องน่าขำแล้ว ผมไม่ได้กลับบ้านมาามปีแล้ว ไม่ได้กินอาหารรสมือที่บ้านเลย”
กูจื่อหยานบอกต่อว่า:“งานที่บริษัทยุ่งมาก ผมกินแต่อาหารเดลิเวอร์รี่ทุกวันเลยครับครับ”
โม่ถิงเซียว“อย่าฟังเรื่องไร้สาระของพวกเขา”
กูจื่อหยานและฟู่ถิงซีทั้งสองคนก็ก้มหน้ากินข้าวอย่างเงียบๆ
แต่ในสายตาของมู่นวลนวลก็เหมือนว่า”โม่เจียเฉิน“รังแกพวกเขา
เธอใช้ข้อศอกชน“โม่เจียเฉิน”อย่างเบาๆ เขาก็หันกลับมามองเธอ และบอกให้เขาว่า:“ในเมื่อคุณให้พวกเขากินข้าวที่นี่ ก็อย่าทะเลาะกันเถอะ กินให้ดีๆเถอะ”
เขาอนุญาตให้พวกเขากินข้าวที่นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
โม่ถิงเซียวมองคนทั้งสองคนที่นั่งลงตรงข้ามอย่างยิ้มเยาะ บอกด้วยน้ำเสียงน่ากลัว:“พวกนายกินให้เยอะๆนะครับ”
มู่นวลนวลเริ่มมือสั่น เธอรู้สึกผู้ชายสามคนนี้อาจทะเลาะกันได้ทุกเวลา
……..
มู่นวลนวลรู้สึกบรรยากาศแปลกประหลาด เมื่อกินเสร็จแล้วเธอก็ไปห้องรับแขก
เธอไม่เข้าใจผู้ชายเหล่านี้ว่าเป็นอะไร
เมื่อมู่นวลนวลไปแล้ว ในห้องอาหารผู้ชายสามคนนี้ก็กลับมากลมเกลียว
ในที่สุดกูจื่อหยานก็พบโอกาสที่จะถามข้อสงสัยของเขา:“มู่นวลนวล ……เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?”
โม่ถิงเซียว มองไปที่เขาอย่างเย็นชา
กูจื่อหยานก็ทําท่าที่ปิดปากเงียบทันที
เดิมฟู่ถิงซีเป็นคนที่สุขุมและหลังจากอยู่กับกูจื่อหยานเป็นเวลานาน เขาก็คล้ายๆกัน แต่เมื่อพูดถึงธุรกิจที่ถูกต้องเขาก็ยังคงจริงจังมาก
วันนี้เขาไม่ใช่แค่อยู่กินข้าว ยังมีเรื่องจะพูดด้วย
หน้าของฟู่ถิงซีเริ่มจริงจัง :“สัญญาโอนหุ้นที่มู่ลี่หยานให้มู่นวลนวลมันผิดจริงๆ เป็นช่องโหว่สัญญาระดับต่ำมาก”
โม่ถิงเซียวยิ้มเยาะ:“ ความคิดปรารถนาของมู่ลี่หยานคิดดี แต่ว่ามู่นวลนวลก็ไม่ใช่คนโง่ เธอไปที่มู่กรุ๊ป เธอจะต้องอยู่ที่มู่กรุ๊ปอย่างไม่สงบแน่นอน ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะรับเจ้าสัวมู่กลับมาเป็นประธานอีก”
ไม่นานหลังจากที่เขาและแม่ของเขาถูกลักพาตัวและได้รับการช่วยเหลือ ในตอนนั้นตระกูลโม่ก็ทำสัญญาแต่งงานกับตระกูลมู่ เจ้าสัวมู่ก็ออกจากตำแหน่งประธานมู่กรุ๊ป และเดินทางไปต่างประเทศเพื่อใช้ชีวิตในวัยคนชรา
ในความจริง หากโม่ถิงเซียวไม่เสียโฉม ก็ไม่ต้องแต่งกับตระกูลมู่
ก็เพราะว่าสัญญาการแต่งงานเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปและสิ่งต่าง ๆ ก็ผิดปกติเกินไป เขาสงสัยว่ามีเรื่องบางอย่างเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวแม่ของเขาและเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อน ดังนั้นเมื่อ…ปล่อยให้เขาแต่งงาน เขาก็ตกลงโดยไม่ขัดขืน
ตามแผนเดิมของเขา เขาจะให้คู่หมั้นมู่หวันฉีเป็นจุดเริ่มต้นและสำรวจตระกูลมู่
แต่ว่า คนที่แต่งงานกับเขาเป็นมู่นวลนวลเป็นผู้หญิงที่ความลับที่ซ่อนอยู่ และเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและโง่นิดหน่อย
โม่ถิงเซียวเอนตัวไปข้างหลัง แววตาเผยความจนปัญญา
รสชาติอาหารของมู่นวลนวลที่ทําเหมือนกับที่แม่ทํา ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้เธอ และใกล้อีก……
กูจื่อหยานเคาะโต๊ะสองสามครั้งและพูดว่า :“ฉันคิว่านายสามารถเชิญเจ้าสัวมู่กลับได้โดยตรงเลยนะ”
“ไม่ได้ อย่างนั้นคนอื่นอาจจะสงสัย” สีหน้าของโม่ถิงเซียวชัดเจน :“ปีนั้นเจ้าสัวมู่ไปต่างประเทศเพื่อเกษียณอายุอย่างกะทันหัน ต้องมีปัญหาแน่ ๆ เขารอเป็นมาเวลาสิบห้าปีแล้ว ไม่สนใจถ้าต้องรออีกสองสามวัน ฉันต้องการค้นหาผู้คนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับปีนั้น”
ค้นหาทั้งหมด? แล้วยังไงต่อ?
แม้ว่าโม่ถิงเซียวจะไม่พูดอะไรอีก แต่กูจื่อหยานก็รู้ว่าโม่ถิงเซียวจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ
เขาสงสัยว่าในการลักพาตัวนั้นมีสมาชิกในตระกูลโม่และผู้ลักพาตัวร่วมมือกัน หลังจากคดีลักพาตัวผ่านไปเขาก็คาดเดาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นจึงติดตามเบาะแสของปีนั้นเพื่อหาข้อสรุป
……..
วันจันทร์
มู่นวลนวลไปมู่กรุ๊ปเพื่อรายงานตัว
เธอไม่สนใจมู่ลี่หยานว่าจัดการตำแหน่งอะไรให้เธอ อย่างไรก็ตามเธอมีหุ้นอยู่ในมือไม่ต้องกลัวอะไร
ตอนนี้เธอไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไปแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อผ้าเดิมๆอีกแล้ว
ผู้หญิงที่ไม่รักสวยรักงามอยู่ที่ไหน
เธอมีเสื้อผ้าที่สวย ทั้งซื้อเองและเซินเหลียงก็ซื้อให้เธอเยอะมาก
ฐานะทางบ้านของ เซินเหลียงดี สมัยเรียนมัธยมเธอเป็นคนพาลของโรงเรียนมีคนติดตามเธอมากมายและ คนเกลียดเธอก็มีคนมากมาย ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิง
เด็กผู้หญิงจัดการกับผู้หญิงที่พวกเขาเกลียดและใช้วิธีที่ต่ำๆและน่ารังเกียจ
เมื่อเซินเหลียงอยู่คนเดียว ก็จับเธอไปอาคารร้างเพื่อทำร้ายเธอ ให้เธอเรียนรู้วิธีการเห่าและถอดเสื้อผ้าของเธอและถ่ายภาพ……
เมื่อมู่นวลนวลไปให้อาหารแมวจรจัด ก็ได้ยินเสียง เธอจึงหยิบมีดขึ้นสนิมแล้วเดินไป เธอทำให้พวกเธอกลัวว่า:“ คนโง่ฆ่าคนก็คงไม่ถูกจับ”
เด็กผู้หญิงเหล่านั้นหน้าซีดด้วยความตกใจและวิ่งหนีไป
แล้วเซินเหลียงก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอหลายปี
มู่นวลนวลเลือกเสื้อคลุมสีแดงกับเสื้อกันหนาวสีดำด้านในและรองเท้าหนังสีดำคู่เล็กที่เท้าของเธอซึ่งดูดีและมีความสามารถ
เธอเดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับกระเป๋าของเธอและเพิ่งเห็นว่าโม่เจียเฉินนั่งอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมกาแฟหนึ่งแก้วอยู่
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเขาก็เงยหน้าขึ้นและมองเห็นมู่นวลนวลได้อย่างรวดเร็ว เสื้อคลุมสีแดงของเธอทำให้ผิวของเธอขาวขึ้นดวงตาที่สดใสและริมฝีปากสีแดงของเธอ ผมยาวของเธอเหมือนน้ำตก
แล้วความยาวของเสื้อคลุมอยู่เหนือเข่าเพียงหนึ่งนิ้วเผยให้เห็นขาตรงเรียวยาวครึ่งหนึ่ง
เรียวยาวและมีชีวิตชีวา และมีกลิ่นหอม
โม่ถิงเซียวมองเธอสองสามวินาที ตาก็หดเล็กน้อย และพูดว่า:“ พอพี่ไม่อยู่ เธอก็จะไปเจอผู้ชายคนอื่น”
สิ่งที่เขาพูดไม่ใช่ประโยคคำถามแบบยํ้าคํา แต่เป็นประโยคบอกเล่า
ก่อนหน้านี้มู่นวลนวลมองในกระจกเธอคิดว่าตัวเองหน้าตาดีจึงอารมณ์ดี
เธอเดินไปหาโม่ถิงเซียวโดยย่อตัวและมองเขาอย่างดูถูก:“หากฉันอยากเจอกับใคร ฉันก็จะอยากเจอแค่โม่ถิงเซียวเท่านั้น อย่าคิดว่าคนอื่นจะคิดสกปรกเสมอไป”
เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินแล้ว มือเขาก็สั่น ทําให้กาแฟออกจากถ้วยแก้วหกใส่ชุดของเขา