มู่นวลนวลเดินเข้ามา เก็บจิตใจไว้ไม่ปิดประตูแน่นหนา ยิ้มอย่างไม่มีความผิด:“ผู้จัดการซุนคุณก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วหรอ?วันนี้ฉันกําลังจะไปเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาลพอดีเลยค่ะ ”
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ชื่อจริงชื่อว่าซุนเจิ้งหัว ตอนนี้ก็แต่งงานแล้ว และมีลูกสาวคนหนึ่ง ภรรยาของเขาโหดร้ายมาก เธอเคยไล่ตามเขาถึงบริษัทเพื่อจัดการลงโทษเขา เพราะว่าซุนเจิ้งหัวมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับเพื่อร่วมงานหญิงในบริษัท
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพื่อนร่วมงานในบริษัทก็รู้ว่าซุนเจิ้งหัวกลัวภรรยาของเขา
เมื่่อวานเป็นวันแรกที่ทํางาน เธอก็ทําให้ผู้จัดการฝ่ายการตลาดไม่พอใจ ตามปกติแล้วต้องการเตรียมการบางอย่าง
เมื่อซุนเจิ้งหัวมองเห็นมู่นวลนวล กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขากระตุกสองครั้ง นึกไม่ถึงผู้หญิงคนนี้ดูอ้อนแอ้น แต่เธอเป็นคนที่ไม่กลัวอะไร
อยู่ในบริษัทกว่าสิบปีแล้ว ไม่เคยถูกสาวน้อยรังแกแบบนี้!
ดวงตาของซุนเจิ้งหัวปรากฏความโหดเหี้ยมอํามหิต หันไปอย่างไม่แยแส ไม่สนใจมู่นวลนวล
มู่นวลนวลก็ไม่สนใจเหมือนกัน เดินตรงไปหามู่ลี่หยานว่า:“พ่อคะ เรียกหาฉันมีเรื่องอะไรคะ?”
แม้ว่าในใจของเธอก็เข้าใจ มู่ลี่หยานสองพ่อลูกเพราะไม่พอใจเธอ ดังนั้นเพียงแค่ใช้หัวข้อมาแสดงความไม่พอใจ แต่เธอต้องแสร้งทําเป็นไม่รู้
สีหน้าของมู่ลี่หยานเย็นชามาก นํ้าเสี้ยงเข้มงวด:“นวลนวล ถ้าเธอไม่พอใจงานที่พ่อจัดให้ เธอสามารถมาคุยกับพ่อโดยตรงได้ อันนี้เป็นเรื่องอะไรที่เธอโกรธแล้วไปลงกับผู้จัดการซุน เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป คนอื่นก็คิดว่าลูกสาวของลี่หยานใช้อํานาจบาตรใหญ่ในบริษัท!ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของค์กร!
มู่นวลนวลก็ไม่ได้คัดคําพูดของเขา เพื่อลองอธิบายให้ตัวเอง และตั้งใจฟังจริงๆ แสร้งทําเป็นประหลาดใจว่า:“ฟังแล้วรู้สึกเหมือนจะมีผลที่ร้ายแรงมาก”
มู่หวันฉีพูดอย่างเย็นชาว่า:“รู้ผลลัพธ์ที่ตามมาร้ายแรงมาก เธอยังไม่กล่าวขอโทษต่อผู้จัดการซุนอีกเหรอ?”
มู่นวลนวลไม่สนใจมู่หวันฉี และหันไปมองมู่ลี่หยาน พูดอย่างจริงจังว่า:“พ่อคะ พูดถึงส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของศ์กร เรื่องของพี่สาวแก้เสร็จแล้วเหรอ?หนูได้ยินจากอินเตอร์เนตว่าพวกเขาเห็นพี่สาวไปคลับจือจินอีกแล้วค่ะ”
มู่หวันฉีได้ยินแล้วหน้าถอนสีทันที อยากเปิดปากอธิบายให้ตัวเองว่า:“พ่อคะ หนู……”
มู่นวลนวลคัดคำพูดของเธอ พูดอย่างยิ้มว่า:“แน่นอนฉันรู้ว่าพี่สาวไม่ใช่คนแบบนั้น พี่สาวไปคลับจือจินได้อย่างไร ฉันรู้สึกว่าเป็นเพราะคู่แข่งในอุตสาหกรรมแน่นอน จงใจแพร่ข่าวลือพี่สาว มีสุภาษีตว่า ลูกทําผิดก็เป็นความผิดของพ่อแม่ พวกเขาก็จะคิดว่าเป็นเรื่องที่พ่อไม่สอนพี่สาวให้ดีๆ ดังนั้นก็คิดว่า มู่กรุ๊ปเป็นบริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือ”
มู่นวลนวลพูดอย่างวางมาดขรึม จนเธอเกือบจะเชื่อมันเอง
วิดีโอและภาพถ่ายที่ไม่เหมาะสมของมู่หวันฉีถูกมู่ลี่หยานลบมันในวันที่มีกระแสที่ร้อนแรง
แต่แล้วก็มีคนปล่อยมันออกมาและทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืน มู่ลี่หยานใช้เส้นสายยังไม่สามารถลบมันให้หมดไปได้ ทำได้แค่รอให้กระแสร้อนแรงของเธอเบาลง ก็ซื้อแพลตฟอร์ม ให้พวกเขาลบวิดีโอและรูปภาพของเธอ
ในที่สุดไม่กี่วันกระแสก็เบาบางลง มู่ลี่หยานคิดไม่ถึงว่ามูหวันฉีจะไปเที่ยวที่คลับอีกด้วย
คำพูดของมู่นวลนวล เบี่ยงเบนความสนใจของมู่ลี่หยานได้สำเร็จ แม้ว่าเขาอยากปราบปรามมู่นวลนวล แต่สำหรับเขาเรื่องของมู่หวันฉีสำคัญกว่า
สีหน้าของมู่ลี่หยานเย็นชา:“พวกเธอออกไปข้างนอกก่อน”
มู่นวลนวลออกไปก่อน แม้ว่าซุนจื้อหัวไม่พอใจ แต่เขารู้ประธานมีเรื่องครอบครัวจะแก้ไข ดังนั้นก็ออกไปตามเธอทันที
เมื่อเขาออกไป ก็เห็นมู่นวลนวลยืนอยู่นอกประตูโดยกอดอกอยู่ไม่ได้จากไปไหน
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก ยิ้มไม่ถึงทั้งตา มีความรู้สึกเย็นชาบนใบหน้าขาว:“ผู้จัดการซุนคะ ประธานบอกว่าฉันโกรธคุณ คำพูดนั้นเป็นคำพูดของคุณเหรอ?”
เมื่อซุนเจิ้งหัวเห็นท่าทางที่เย็นชาและน่ามองของมู่นวลนวล เขารู้สึกเหมือนตะขอกำลังเกี่ยวเขาซึ่งทำให้หัวใจของเขาสั่น
เขาไม่สูงนัก เมื่อยืนอยู่หน้าของมู่นวลนวล ก็ไม่ได้มีข้อได้เปรียบด้านความสูงอะไร ทำได้เพียงแค่ยกคางขึ้นเพื่อแสดงถึงอำนาจของเขา :“รอให้ประธานแก้เรื่องของครอบครัวได้ก่อน เธอก็รอไปเถอะ ตอนนี้ถ้าเธอขออภัยฉัน บางทีฉันอาจขอร้องให้ประธานปล่อยเธอไป”
รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่นวลนวลลึกขึ้น ซุนเจิ้งหัวคิดว่าเธอน่าจะเอาแต่ใจตัวเอง ภูมิใจอยู่
และในตอนนี้เขาเห็นมู่นวลนวลยกเท้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเจ็บปวดเขาก็ปะทุออกมา เขากรีดร้องขณะกำเป้าของเขา:“อ๋ะ…”
มู่นวลนวลยิ้มอย่างเย็นชาและตะคอก เธอหยิบทิชชู่ออกมาเช็ดรองเท้าของตัวเอง และบอกว่า:“คุณพูดเอง ฉันทำให้คุณโกรธ ตอนนี้คุณได้สิ่งที่คุณต้องการแล้ว”
ใบหน้าที่เจ็บปวดของเขาเปลี่ยนเป็นซีดและเขาชี้ไปที่เธอพร้อมพูดอย่างตืดขัด:“คุณ……ผม……”
มู่นวลนวลเคยอยู่ในสลัมมานานกว่าครึ่งปีบางครั้งเมื่อกลับไปตอนกลางคืน เธอก็จะพบกับพวกอันธพาล แม้ว่าตอนนั้นเธอจะน่าเกลียด แต่เธอก็เป็นผู้หญิง ดังนั้นเธอจึงถูกคุกคาม
ดังนั้นเธอจึงไม่เคยกลัวการถูกลวนลาม
การล่วงละเมิดในที่ทำงานแบบนี้คนส่วนใหญ่จะเลือกที่จะกลืนความโกรธของพวกเขาด้วยเหตุผลเดียวกัน ซุนเจิ้งหัวได้รับการสั่งสอนจากเธอมันเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดออกไป ทำได้เพียงแค่รับความเจ็บปวด
อย่างไรก็ตาม เธอมั่นใจได้ว่า ซุนเจิ้งหัวจะไม่ปล่อยมันไปเป็นอย่าง
……
อีกด้านหนึ่งสำนักงานประธาน
หลังจากที่มู่นวลนวลและซุนจื้อหัวออกไป มู่ลี่หยานก็พูดกับมู่หวันฉีด้วยความโกรธว่า:“ก่อนหน้านี้ฉันพูดอะไร กับเธอจำได้ไหม ช่วงนี้เธอยังไปคลับจือจินอีก! เธอยังเห็นพ่อของเธออยู่ในสายตาของเธอไหม!”
“พ่อคะ!”มู่หวั่นฉีไม่คิดว่ามู่นวลนวลจะต่อสู้กับเธอแทน เธอพูดอย่างกังวล:“คนเหล่านั้นคือเพื่อนของฉัน ทุกคนต่างมีอำนาจ บางทีมันอาจจะช่วยเราได้?ถ้าฉันไม่ไปงานเลี้ยงบ่อยๆ พวกเขาอาจไม่พาฉันไปเล่นด้วยแล้ว แบบนั้นฉันจะพลาดโอกาสครั้งใหญ่……”
“ฮึ เพื่อนหรอ? กลุ่มเพื่อนทายาทคนรวยๆที่ไร้ประโยชน์นะเหรอ? เธอยังคิดว่าชื่อเสียงของเธอไม่ได้แย่เลยเหรอ?พ่อเสียหน้าจนไม่มีอะไรจะเสียแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอตอนนี้ คือซินชูฮัน”
มู่ลี่หยานอยู่ในแวดวงนี้มาหลายปีแล้ว เขามีประสบการณ์มาก เขารู้เรื่องเยอะมากเกี่ยวกับคลับจือจิน และสายตาของเขาก็กว้างไกลกว่ามู่หวันฉี
มู่หวันฉีถูกมู่ลี่หยานดุ จนเสียความรู้สึก แต่เธอรู้ว่ามู่ลี่หยานรักเธอ เลยบอกแค่ว่าหนี้นี้ถือว่าอยู่บนหัวของมู่นวลนวล
แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าเธอถูกต้อง แต่เพื่อให้มู่ลี่หยานสงบลง เธอจึงสารภาพความผิดพลาดของเธอทันทีอย่างเฉลียวฉลาด:“พ่อคะ หนูรู้ว่าหนูผิดไปแล้ว หนูจะจับซินชูฮันให้ได้แน่น่อนค่ะ”
มู่ลี่หยานถอนหายใจ:“อื้ม พอได้แล้ว ไปได้แล้ว”
……
มู่นวลนวลกลับถึงห้องเล็ก ๆ สำหรับทำงาน จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อหากับข้อมูล
เธอมีเบอร์โทรของโม่ถิงเซียวแล้ว แต่เมื่อคืนเธอกลับลังเลใจเป็นเวลานาน และในที่สุดก็ไม่กล้าโทรหาโม่ถิงเซียว
ตอนนี้เก้าโมงเช้า น่าจะสองทุ่มตามเวลาในสหรัฐฯ ตอนนี้เขาคงยังไม่นอน
งั้นส่งข้อความดีไหม?
[ฉันคือมู่นวลนวล อยู่ที่สหรัฐสบายดีมั้ยคะ?]
เหมาะสมไหมมันกะทันหันเกินไปรึเปล่า?
มู่นวลนวลลบลบ และเปลี่ยนแปลง แล้วข้อความสุดท้ายที่ส่งออกไปคือ[ฉันชื่อมู่นวลนวลค่ะ ขอบคุณที่คุณมือถือให้ฉันค่ะ ฉันชอบมากค่ะ]