ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 74 เธอไม่ใช่คนแบบนั้น

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Shengding Media ณ.ห้องทำงานของประธานบริษัท

กูจือหยานผลักประตูเข้ามา และมองไปที่โม่ถิงเชียวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขาขับแว่นตาเล็กน้อยแล้วจึงเอาเอกสารที่อยู่บนมือวางไว้ที่โต๊ะของโม่ถิงเซียว และพูดด้วยท่าทางที่ดุดันเหมือนกับว่าเขาเป็นเลขา “ ท่านประธานโม่ คุณจะต้องเซ็นต์เอกสารทั้งหมดนี้ “

โดยปกติหน้าที่ส่งเอกสารเล็กน้อยแบบนี้ ต้องเป็นหน้าที่ของเลขา

แต่จุดประสงค์การมาของกูจือหยานนั้น ช่างดูจงใจเสียจริง

เพราะเหตุนี้เมื่อเขาวางเอกสารทั้งหมดลง โม่ถิงเซียวพูดเขาออกไปอย่างเย็นชาว่า “ ออกไป “

ตั้งแต่ไหนแต่ไรกูจือหยานก็ไม่รู้สึกอะไรต่อสิ่งที่โม่ถิงเซียวพูดออกมา

เขาถอดแว่นออก หางตาที่ยกขึ้น เผยให้เห็นถึงความดื้อด้านของเขา

หลังจากนั้นเขาส่ายหัวเพราะความเห็นอกเห็นใจและพูดออกมาว่า “ ถิวเซียว ฉันเห็นใจนายจริงๆ อุตส่าห์ได้แต่งงานมีเมียกับเขาสักคน แต่เมียกับน้องชาย(ลูกพี่ลูกน้อง)ของนาย กลับทำเรื่องไม่เหมาะสมเอาเขามาสวมให้นาย ฉันของถามนายหน่อยซิว่า ตอนนี้รู้สึกอย่างไร? ”

โม่ถิงเซียวเหลือบไปมองที่เขา สายตาที่ดุดันก็จองไปที่เขา แล้วพูดว่า “ แกอยากไปช่วยขยายกิจการที่แอฟฟริกาไหม? “

สีหน้าของกูจือหยานก็เปลี่ยน เขารีบส่ายหัวทันที “ ไม่……ไม่อยากไป! “

เขาไม่อยากไปแอฟฟริกา!

“ ยังไม่รีบใสหัวออกไปอีก? “ โม่ถิงเซียวมีสีหน้าบึ้งตึง เขาไม่อยากได้ยินกูจือหยานพูดเรื่องนั้นอีก

แต่ว่ากูจือหยานเป็นคนชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านโดยไม่คิดถึงว่าเรื่องจะใหญ่โตแค่ไหน เขาจึงพูดกลับไปถามว่า “ ถ้ามู่นวลนวลชอบโม่เจียเฉินขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะก็ แล้วเธอเกิดควบคุมตัวเองไม่ได้มีอะไรกับนายขึ้นมา และหลังจากนั้นแล้วเธอรู้ว่านายคือโม่ถิงเซียว……”

โม่ถิงเซียวไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อน จึงรีบพูดขัดจังหวะเขาไปว่า “ ไม่มีทาง “

” นายคิดว่าเธอไม่มีทางรู้ว่านายคือโม่ถิงเซียวอย่างนั้นรึ? หรือว่านายคิดว่าสามารถปิดเรื่องนี้ไปได้ทั้งชีวิตจริงๆ? “ ในความคิดของกูจือหยานนั้น โม่ถิงเซียวเป็นคนที่มีเก่งมาก แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะเก่งได้มากขนาดนี้

“ เธอไม่ใช่คนแบบนั้น “

อยู่ดีๆโม่ถิงเชียวก็พูดขึ้นมา จึงทำให้กูจือหยานเข้าใจความหมายของประโยคนั้น

เขาใช้มือมาปัดที่ตรงจมูกของเขา โบกไปมาเหมือนกับพัด แล้วพูดขึ้นมาว่า ” นายพึ่งจะรู้จักเธอได้ไม่นาน รู้ได้ไงว่าเธอไม่ใช่คนแบบนั้น ตอนนี้ฉันรู้สึกว่า ฉันได้กลิ่นอะไรเปรี้ยวฉุนๆอยู่นะ……”

ฟู่ถิงซีที่พึ่งกำลังเดินเข้ามา ได้ยินประโยคสุดท้ายที่กูจือหยานพูด จึงถามกลับไปอย่างสงสัยว่า “ เหม็นกินอะไร? “

กูจือหยานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความหมายในๆว่า ” ยังไงก็ไม่ใช่กลิ่นเหม็นเปรี้ยวฉุนจากตัวพวกเราหรอก พวกเรามันคนโสด มีแต่เกลิ่นสดชื่นเท่านั้นแหละ “

ฟู่ถิงซีเป็นผู้ชายที่มีความคิดหัวโบราณมาก เขาได้แต่แสดงสีหน้างงๆไม่เข้าใจความหมายของกูจือหยาน

กูจือหยานกลอกตามองบนด้วยความหงุดหงิด ” ก็กลิ่นเปรี้ยวฉุนของคนกำลังมีความรักยังไงล่ะ แค่นี้ก็ไม่เข้าใจ สมควรแล้วที่จะอยู่เป็นโสด! ”

ตั้งแต่ปีก่อน ฟู่ถิงซีก็เริ่มถูกแม่ของเขาโทรมาขอร้องทุกเดือนให้เขารีบแต่งงาน และเรื่องแบบนี้ก็ไวต่อความรู้สึกของเขามาก

ฟู่ถิงซีหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดแทงใจดำกูจือหยานไปว่า “ คนที่ดูแลปกป้องวิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก และสุดท้ายมาก็เป็นของนายแล้ว แต่กลับมาหนีจากไปซะนิ นายรู้สึกยังไงหรอ? “

ใบหน้าของกูจือหยานนิ่งไป แล้วเขาก็ระเบิดเข้าไปต่อยที่ฟู่ถิงซีพร้อมกับตะโกนออกมาว่า “ วันนี้เมื่อฉันเข้าแล้วก็ไม่คิดว่าจะมีชีวิตออกไป! ”

กูจือหยานเคยมีคนที่เขารักมาตั้งแต่เด็กจนโต และเป็นของเขาแล้ว แต่เธอก็มาหนีจากไป

โม่ถิงเซียวครุ่นคิดอยู่สักพัก บางทีอาจาจะเป็นดาราน้องใหม่ที่ชื่อเซินเหลียงล่ะมั้ง

เซินเหลียงกับมู่นวลนวลมีมิตรภาพที่ดีต่อกันมาก และโม่ถิงเชียวก็เพิ่งจำชื่อนี้ได้ไม่นาน

กูจือหยานเคยเป็นนักเลงหัวไม้ ชอบการต่อสู้ที่ดุเดือด เขากับฟู่ถิงซีสู้กันอยู่นาน และสุดท้ายเขาก็จบลงด้วยการทุ่มฟู่ถิงซีลงกับพื้น

โม่ถิงเซียวเคยชินกับเหตุการณ์แบบนี้มานานแล้ว เขาจึงรอจนกว่าสองคนนี้สู้กันจนเสร็จแล้วค่อยลืมตาพร้อมกับพูดว่า “ หลังจากที่พวกนายเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วก็ออกไปซะ “

ทั้งสองเก็บกวาดด้วยความหงุดหงิด หลังจากจัดทุกอย่างให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็ออกไป

มู่นวลนวลอยู่กับการถูกซุบซิบนินทาเรื่องของเธอทั้งวัน

เธอคิดว่าหลังจากนั้นอีกไม่นานทุกคนก็คงเบื่อที่จะพูดถึงเรื่องนี้ หรืออาจจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ซือเย่ได้โทรมาหาเธอแล้วบอกกับเธอว่าตอนนี้รถค่อนข้างติด อาจจะไปรับเธอช้าสักหน่อย

มู่นวลนวลออกมาจากบริษัทมู่กรุ๊ป และกำลังหาที่นั่งรอซือเย่

“ นวลนวล “

เธอหันกลับไปมอง เธอไม่รู้เลยว่าเสี่ยวชูเหอมายืนอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่

มู่นวลนวลประหลาดใจเล็กน้อย และถามกลับไปว่า “ มีธุระอะไรหรอ? “

ฉันแค่อยากจะถามเรื่องข่าวของเธอสักหน่อย เรื่องเธอกับน้องชาย(ลูกพี่ลูกน้อง)ของโม่ถิงเชียวไง มันจริงใช่ม่ะ? “ น้ำเสียงของเสี่ยวชูเหอนั้นดูผิดปกติและเป็นกังวัล

มู่นวลนวลรู้สึกว่าเสี่ยวชูเหอมีบางอย่างที่ผิดปกติ จึงมองเขาด้วยสงสัย “ คุณเป็นอะไร?”

ถึงแม้ว่าเสี่ยวชูเหอจะไม่ค่อยจะสนใจเธอสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่สามารถ ทำเป็นไม่สนใจเสี่ยวชูเหอได้

เสี่ยวชูเหอยิ้มออกมาเล็กน้อย การแสดงความอ่อนโยนของเขาทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกไว้ใจ “ ไม่มีอะไร พอดีฉันเห็นข่าวในอินเตอร์เน็ต พวกนั้นด่าเธอแรงมาก ฉันรู้สึกเป็นห่วง …… “

เมื่อเสี่ยวชูเหอพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็หยุดและถอนหายใจเล็กน้อย แล้วพูดต่อไปว่า ” ฉันผิดเองตั้งแต่แรก ถ้าฉันไม่ยอมให้เธอแต่งงานกับคนตระกูลโม่ ก็คงจะไม่มีเรื่องแบบวันนี้เกิดขึ้น และเธอก็ไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ด้วย ……”

มู่นวลนวลรู้สึกว่าเสี่ยวชูเหอยิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะ ทำให้ความสงสัยในใจยิ่งเพิ่มมากขึ้น “ ถ้าคุณมีอะไรพูดก็ช่วยพูดมาตรงๆเลยได้ไหม? “

เธอไม่ค่อยเชื่อว่าเสี่ยวชูเหอจะเสียใจจริงๆ

“ เธอบอกแม่มาตรงๆ ว่าเธอกับน้องชาย(ลูกพี่ลูกน้อง)ของโม่ถิงเชียวอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม ครั้งนั้นฉันเห็นพวกเธออยู่ด้วยกันบนรถ……”

“ทำไมครั้งนี้คุณถึงมาสนใจกับเรื่องของหนูด้วย? คุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่? ” มู่นวลนวลเห็นว่าเสี่ยวชูเหอกำลังใส่ใจกับเรื่องนี้มากเกินไป เธอจึงรีบระวังตัวในทันที

“ นวลนวลแม้ว่าเมื่อก่อนนี้ฉันจะไม่ค่อยใส่ใจเธอ แต่ที่จริงแล้วฉันเป็นห่วงเธอ……”

มือถือของมู่นวลนวลดังขึ้น เป็นซือเย่ที่โทรเข้ามา

มู่นวลนวลรับโทรศัพท์ “ ฉันอยู่ตรงประตู เธอมาตรงนี้ก็ได้ “

เธอยังไม่ทันที่จะวางสาย เสี่ยวชูเหอก็คว้าที่แขนของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรนว่า “ ใครกันที่มารับเธอ “

“โม่ถิงเชียวให้คนไปรับไปส่งหนูที่ทำงาน “ มู่นวลนวลรู้สึกว่าท่าทางของเสี่ยวชูเหอแปลกขึ้นเรื่อยๆ

คำพูดที่เธอพูดกับเสี่ยวชูเหอในเมื่อกี้ เธอยังรู้สึกหวั่นๆ เมื่อเธอตั้งสติได้ จึงมองไปที่ใบหน้าของเสี่ยงชูเหอ เธอรู้สึกเหนื่อยจนแทบไม่มีความรู้สึก

หนูไม่รู้หรอกว่าพวกของมู่หวันฉีกำลังหลอกใช้ให้คุณมาทำอะไรที่นี่ แต่หนูหวังดีอยากจะเตือนคุณสักอย่างว่า ให้คุณนึกถึงตัวเองไว้ให้มาก อย่าไปพึ่งพาแต่พ่อมากจนเกินไป “

ในอนาคตมู่หวันฉีคงไม่มาดูแลเสี่ยวชูเหอเป็นแน่ เขาก็แค่ให้เสี่ยวชูเหอเป็นเพียงคนรับใช้ คอยปรนนิบัติเรื่องบนเตียงให้กับพ่อของเขาเท่านั้น และตอนนี้เสี่ยวชูเหอก็ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้อีก

เมื่อเสี่ยวชูเหอได้ยินดังนั้น ก็ถึงกลับผงะไป

มู่นวลนวลเข้าไปนั่งในรถ แล้วมองผ่านกระจกไปที่เสี่ยวชูเหอ

เสี่ยวชูเหอยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขายืนก้มหน้า เลยดูไม่รู้ว่าเขามีสีหน้าแบบไหน แต่มู่นวลนวลสามารถสัมผัสได้ถึงความลังเลของเธอ

ลังเลอะไรล่ะ?

ลังเลว่าจะช่วยมู่หวันฉีมาจัดการกับเธออย่างนั้นหรอ?

เหตุการณ์เมื่อกี้เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวชูเหอต้องการหลอกถามมู่นวลนวล หลายปีที่ผ่านมานี้เขามีชีวิตที่ร่ำรวยและมั่นคง แต่ในเรื่องการสังเกตถือว่าเขายังสู้มู่นวลนวลไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเขาได้เปิดเผยอะไรออกมาบ้าง

มู่นวลนวลรู้สึกได้ถึงจุดประสงค์ของเขา และจงใจที่หลีกเลี่ยงคำถามของเขา ที่ถามเกี่ยวกับเรื่องของโม่เจียเฉิน

ไม่ว่าพวกเขาจะมีแผนการใดๆ หรือมีไม้ตายอะไร ก็จัดมาได้เลย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท