โม่ถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรอีก
มู่นวลนวลมองไปที่เสี่ยวชูเหออย่างเยาะเย้ยก่อนที่จะหันหลังออกไป
เสี่ยวชูเหอยังไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ซือเย่ก็ได้เดินมาหาเธอ:”คุณนายหมู่ เชิญครับ…..”
ซือเย่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ยกมือทำท่า”เชิญ” เห็นได้ชัดว่ากำลังไล่เสี่ยวชูเหอออกไป
เสี่ยวชูเหอเป็นคนที่ขี้ขลาดมาโดยตลอด เมื่อรู้ว่าเทปเสียงที่อยู่ในมือเป็นของปลอม ทำให้เธอรู้สึกขายหน้า ได้แต่ก้มหน้าแล้วเดินออกไป
เมื่อไปถึงหน้าประตู เธอก็ได้เห็นมู่นวลนวลยืนกอดอกพิงประตูแล้วจ้องมองมาที่เธอ
เสี่ยวชูเหอเดินไปหาเธออย่างลังเล:”มู่นวลนวล เธอ……….”
“จะถือสาไหมถ้าฉันจะขอไปด้วยคน?”สีหน้าของมู่นวลนวลเต็มไปด้วยความเฉยชาที่ไม่สนใจใครเลย
มู่นวลนวลในตอนนี้สำหรับเสี่ยวชูเหอแล้ว ราวกับคนไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เธอก็พยักหน้าตกลง
…….
ในรถ มู่นวลนวลกับเสี่ยวชูเหอนั่งข้างกันอยู่เบาะหลัง
มู่นวลนวลพูดด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น:”มู่หวันฉีเป็นคนให้เธอมาใช่ไหม?”
น้ำเสียงที่เย็นชาของมู่นวลนวลแฝงไปด้วยความกดดัน ทำให้เสี่ยวชูเหอที่กำลังจะพูดคำว่า”ไม่ใช่เธอนั้น”แต่กลับไม่ได้ยินคำว่า”ไม่”มีเพียงคำว่า”ใช่เธอ”
ใบหน้าของเสี่ยวชูเหอซีดทันที เเต่ก็ยังไม่หยุดช่วยมู่หวันฉีแก้ตัว:”เธอแค่อารมณ์ชั่ววูบ ปกติเธอดีกับฉันนะ นวลนวล ฉันเห็นว่าโม่ถิงเซียวเชื่อใจแกมาก พวกแกสองคนเข้ากันดีใช่ไหม? แกก็อย่าทะเลาะกับพี่สาวเลย ทำให้เธอไม่มีความสุข แกยอมๆเธอหน่อยนะ ช่วงนี้เธอทั้งเครียดทั้งโกรธเรื่องของแกจนกินข้าวได้น้อยลงเลยนะ…….”
มู่นวลนวลกำหมัดแน่น แล้วตะคอกใส่เธอ:”พอได้แล้ว!”
เสี่ยวชูเหอไม่เคยถูกมู่นวลนวลตะคอกแบบนี้มาก่อนเลยอึ่งไปสักพัก
ตาของมู่นวลนวลแดงทั้งสองข้าง แต่ในตาไม่มีแม้แต่น้ำตาหยดเดียว
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่บ้าคลั่งควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ต่อหน้าเสี่ยวชูเหอ
“ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เคยมองฉันเป็นลูกในสายเลือด ก็ช่วยมองว่าฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ฉันก็มีหัวใจ ฉันไม่ใช่สิ่งของที่คุณจะทำอะไรก็ได้โดยมองว่าไร้ความรู้สึก ฉันก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีความรู้สึก เสียใจเป็นเหมือนกัน
“ฉันรู้…….”เสี่ยวชูเหอตกใจน้ำเสียงของหมู่นวลนวล แต่ปากก็ยังคงพูดว่า:”ตลอดเวลาที่แม่อยู่ในบ้านตระกูลหมู่ไม่ได้สบายอย่างที่คิด ฉันแค่อยากจะช่วยแม่…..”
หลายปีที่ผ่านมาฉันดูเหมือนอยู่สบายมากนักหรอ? ตั้งแต่ที่ฉันมีวุฒิภาวะคุณก็ไม่เคยซื้อเสื้อให้ฉันแม้แต่ตัวเดียว เสื้อที่ใส่ก็เหลือมาจากหมู่หวั่นฉีและคนรับใช้ ทุกครั้งที่คุณทำคุกกี้และหันผลไม้ให้มู่หวันฉี ฉันต้องเป็นคนที่กินของเหลือจากเธอตลอด แม้แต่ตอนนี้ ฉันถูกบังคับให้แต่งงานกับโม่ถิงเเล้วไปแล้ว พวกคุณก็ยังไม่ปล่อยฉันไปอีก……”
มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นแล้วหลับตา ฝืนกลั้นไม่ให้น้ำตาไหล ตะโกนใส่คนขับ:”จอดรถ!”
เสี่ยวชูเหอเห็นเธอกำลังจะลงจากรถ รีบดึงเธอไว้:”นวลนวล เธออย่าพึ่งลงไป เธอฟังฉันพูดก่อน…..”
“หลีกไป!”มู่นวลนวลสะบัดมือเธอออกอย่างแรง:”อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!”
เธอกลัวว่าถ้ายังเห็นหน้าเสี่ยวชูเหออยู่ จะทำอะไรที่เกินเลยขึ้นมา
สายตาของมู่นวลนวลเต็มไปด้วยความเกลียดชังและรังเกียจ ทำให้เสี่ยวชูเหอต้องปล่อยมือ และไม่กล้าที่จะพูดอะไรมากมาย
……
ที่ที่มู่นวลนวลลงจากรถ ไม่ได้ไกลจากตระกูลมู่สักเท่าไร
มู่นวลนวลเดินด้วยเท้าเปล่าไปที่ตระกูลหมู่
แม้ว่าเมืองเจียงซีจะอยู่ตอนใต้ของเซี่ยงไฮ้ แต่ฤดูกาลทั้งสี่ฤดูกาลมีความแตกต่างกัน ณ เวลานี้อุณหภูมิของกลางแจ้งอยู่แค่สี่ห้าองศา ลมที่ตีเข้ามาบนใบหน้าทำให้หน้าเจ็บปวดมาก
แต่ความเจ็บปวดนี้ มันเทียบกับความเจ็บในใจได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบเลยด้วยซ้ำ
เธอเดินเร็วเกินไป ลมก็พัดมาอย่างแรง ทำให้เธอหายใจลำบาก ราวกับว่ากำลังจะขาดใจตาย
พอถึงตระกูลมู่ เธอก็เดินตรงไปที่ห้องทำงานของหมู่หวั่นโค
หน้าของมู่หวันฉีหายบวมได้เเล้วระดับหนึ่ง เเละปกปิดด้วยแป้งหนาๆหนึ่งชั้น ก็มองไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ
มู่หวันฉีเงยหน้าขึ้น ก็เห็นมู่นวลนวล แววตาของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจ:”เธอมาทำอะไรที่นี่”
แต่ในไม่ช้า เธอก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างบนสีหน้าของมู่นวลนวล
เธอยังไม่ทันตั้งตัว มู่นวลนวลก็ยื่นมือไปจัแกะเสื้อเธอผ่านโต๊ะทำงาน แล้วยกเธอขึ้นจากเก้าอี้
“ใช้แม่ฉันมาจัดการฉัน เธอใช้ได้สบายมือเลยใช่ไหม? ผู้หญิงอย่าเธอที่ใช้ชีวิตอยู่แต่กับการคำนวณแผนการชั่วๆทุกวัน นี่น่าสมเพชเนอะ เธอคิดจริงหรอว่าโม่ถิงเซี่ยวจะโดนหลอกง่ายๆเหมือนกับซินชูฮันอะ?
ผู้ชายของฉันมู่นวลนวล แค่ปลายนิ้วก็เก่งกว่าเขาตั้งหลายเท่า มีเรื่องอะไรก็มุ้งมาที่ฉัน อย่าไปรบกวนโม่ถิงเซียว แกได้เจอดีกับฉันแน่”
เธอรู้ขอบคุณอย่างมากที่โม่ถิงเซียวไว้ใจเธอ
เพราะเหตุนี้ มันทำให้เธอรู้สึกผิด
โม่ถิงเซียวเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบพบปะผู้คน มู่หวันฉีคิดแผนการมาถึงตัวเขา เพื่อให้เสี่ยวชูเหอะไปรบกวนเขา
มู่นวลนวลพูดจบ ก็ปล่อยมืออย่างแรง เหวี่ยงมุ่หวันฉีลงบนเก้าอี้
เอวของเธอไปกระแทกโดนขอบเก้าอี้ ทำให้เธอเจ็บจนพูดอะไรไม่ออก มองดูนวลนวลที่เต็มไปด้วยความเย็นชาที่อยู่ต่อหน้า มันทำให้เธอไม่กล้าพูดอะไรเลยในเวลาแบบนั้น
มู่นวลนวลเห็นความขี้ขลาดของมู่หวันฉีนั้น ยิ้มเย้ยใส่แล้วเดินจากไป
จนกระทั่งประตูถูกปิดสนิทลง มู่หวันฉีถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เมื่อคิดถึงคำพูดเหล่านั้นของหมู่นวลนวล เธอจึงรีบโทรหาเสี่ยวชูเหอ
ปกติแล้วเสี่ยวชูเหอจะรับสายของมู่หวันฉีอย่างไว
“หวันฉี……”
เสี่ยวชูเหอแค่เรียกชื่อของมู่หวันฉี ก็ถูกมู่หวันฉีขัดอย่างรำคาญ:”เรื่องเป็นยังไงบ้าง โม่ถิงเซียวได้โมโหหนักหรือเปล่า แล้วได้เห็นรูปร่างหน้าตาเขาบ้างไหม?”
ที่เธอให้เสี่ยวชูเหอไปหาโม่ถิงเซียว ไม่เพียงแค่จะเอาเทปเสียงปลอมไปทำให้โม่ถิงเซียวโมโห แต่เธอยังอยากมั่นใจว่าหน้าตาของโม่เซียวนั้นได้น่าเกลียดจริงๆหรือไม่
เนื่องจากมู่นวลนวลไม่ใช่ครั้งแรกที่ออกมาปกป้องโม่ถิงเซียว มู่นวลนวลในตอนนี้ก็สวยขึ้นแล้ว รสนิยมของเธอน่าจะสูงขึ้น ทำไหมถึงยังยอมอยู่กับคนที่ไร้ประโยชน์หละ?
เพราะแบบนี้เธอจึงเริ่มสงสัย
“เขาหันหลังให้ฉัน ฉันไม่สามารถมองเห็นหน้าเขา….”เสี่ยวชูรู้ว่าตัวเองทำแผนการนี้พัง น้ำเสียงของเธอก็ได้เบาลงไปด้วย:”เขาไม่ได้เชื่อเทปเสียงอันนั้นเลย ยังพูดอีกว่า นวลนวลเป็นคนตระกูลโม่ เธอไม่สามารถยุ่งได้……”
มู่หวันฉีได้ยินแบบนั้นแล้ว ความโกรธที่อยู่ในใจแทบจะท่วมตัวเธอไปหมด
“แค่คนไร้ค่าคนหนึ่งยังกลัาที่จะใช้คำพูดที่
หยิ่งผยอง เมื่อไหร่ที่เขาถูกเตะออกจากผู้สืบทอดตระกูลโม่ ก็รอดูว่าจะยังกล้ามาหยิ่งผยองอีกไหม!
เสี่ยวชูเหอรู้ว่ามู่หวันฉันกำลังโมโห เธอยิ่งรู้สึกผิดเข้าไป:”หวันฉี ขอโทษนะ……”
“พอเเล้วพอเเล้ว เธอก็เป็นแบบนี้มาโดยตลอดไม่ใช่หรอ ให้ทำอะไรก็ทำได้ไม่ดี!”
ตู- –
โทรศัพท์ถูกวางสายไปแล้ว
เสี่ยวชูเหอมองดูสายที่ถูกวางไปเมื่อสักครู่ ก็ได้นึกถึงแววตาที่เต็มไปด้วยเกลียดชังและรังเกียจของหมู่นวลนวล
เธอทำอะไรก็ทำได้ไม่ดีเลย
แต่ เธอแค่อยากจะอยู่ในตระกูลหมู่เฉยๆ เธอเอาใจมู่ลี่หยานและมู่หวันฉีมันผิดหรอ?
นวลนวลเป็นลูกสาวแท้ๆของเธอ ทำไมถึงไม่สามารถที่จะเข้าใจความยากลำบากของเธอได้?
…….
หลังเลิกงาน ซือเย่ขับรถมารอรับที่ตระกูลมู่เป็นเวลานาน เมื่อรอจนคนตระกูลมู่ได้กลับกันอย่างพอสมควร ก็ยังไม่เห็นมู่นวลนวลเดินออกมาเลย