สำหรับมู่ลี่หยานนั้นเขาตามใจมู่หวันฉีมากจนไม่ลืมหูลืมตาเลยแหละ
แล้วเขาก็ชอบเวลาที่คนอื่นชื่นชมมู่หวันฉี
พูดตามตรงหลายปีที่ผ่านมานี้ ภายในใจของคนในตระกูลมู่ รู้ดีว่ามู่นวลนวลเชื่อฟังมากไม่ต่างจากหมาที่เขาเลี้ยงไว้เอง เพราะฉะนั้นพอเธอพูดแบบนี้ มู่ลี่หยานก็เชื่อเธอขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
และยิ่งไปกว่านั้นมู่นวลนวลยังเล่นบีบน้ำตาสักสองสามหยด
ทำให้มู่ลี่หยานเชื่อเธอและยอมเธอ:”โอเค ฉันจะย้ายเธอกลับไปก่อน ถ้าเธอไม่สามารถทำได้ดี ฉันค่อยย้ายเธอกลับ”
มู่นวลนวลยิ้มหวานใส่เขา:”ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
มนุษย์เป็นสัตว์ที่มอง เห็นชอบด้วยสายตา มู่นวลนวลในตอนนี้สวยขึ้นเยอะเลย แม้แต่มู่ลี่หยานยังรู้สึกยิ่งมองเธอยิ่งสบายตา คำว่า”ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”ฟังแล้วก็สบายหูไปด้วยเลย
“เธอกลับไปก่อน เดี๋ยวฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกให้มู่หวันฉี ค่อยมาแจ้งให้เธอย้ายไป”
มู่นวลนวลออกจากห้องทำงานของมู่ลี่หยานปุ๊บ รอยยิ้มที่อยู่บนหน้าก็ค่อยๆจางหายไป เธอเอามือไปเช็ดคาบน้ำตา พรางยิ้มอย่างเย้ยหยันออกมา
……
เมื่อที่มู่นวลนวลออกไป มู่ลี่หยานก็โทรเรียกมู่หวันฉีให้มาหาทันที
ทันทีที่มู่หวันฉีดมาถึง ก็ได้ใช้น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน่ารำคาญใส่:”พ่อ เรียกหนูมาหาด้วยเรื่องอะไรคะ หนูยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะเลยนะ”
มู่ลี่หยานไม่ได้ใส่ใจกิริยาท่าทางของเธอ กลับพูดอย่างอ่อนโยนว่า:”เมื่อกี้มู่นวลนวลมาหาฉัน เธอบอกว่าเธออยากย้ายมาฝึกงานกับหนูน่ะ จะได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากหนู หนูว่าไง?”
“เธอพูดเองหรอ?”เมื่อมู่หวันฉีได้ฟังเช่นนั้น ถึงกับตกใจอึ้งไปเลย
“ใช่ เธอเป็นคนอาสาอยากย้ายเอง”
“เธออยากมาฝึกงานกับหนูจริงหรอ หึหนูว่าเธอคงกำลังวางแผนที่ไม่ดีอีกเเล้วเเน่เลย” มู่หวันฉีตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เย็นชาราวกับว่าไม่มีทางยอมให้เธอมาฝึกงานด้วย:”พ่อ ไม่ต้องย้ายเธอมาฝึกงานกับหนูนะ หนูเเค่เห็นหน้าเธอก็รู้สึกรำคาญไปทั้งตัวเลยค่ะ”
ในตอนแรกมู่ลีหยานก็คิดอยากจะมาปรึกษากับมู่หวันฉีว่าจะให้มู่นวลนวลย้ายมาหรือเปล่า แต่ด้วยท่าทีน้ำเสียงของมู่หวันฉีเเข็งจนไม่ไว้หน้าเขาเลย
เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธเล็กน้อย:”หวันฉี ไม่ว่ายังไง พวกหนูสองคนก็คือพี่น้องกันนะ ยิ่งตอนนี้พวกเราต้องพึ่งเธอให้ช่วยเกลี้ยกล่อมโม่ถิงเซียวมาลงทุนที่บริษัทเรา เรื่องนี้ก็ตัดสินใจแบบนี้แหละ ฉันจะย้ายเธอมาอยู่ในหน่วยงานของหนู หนูต้องดูแลเธอให้ดีๆ”
มู่หวันฉีรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง เธอได้ใส่อารมณ์อย่างเต็มที่:”พ่อ! พ่อจะทำแบบนี้ได้ยังไง! หนูพูดแล้วนะว่าหนูว่าไม่อยากให้เธอมาหน่วงงานหนู พ่อฟังไม่รู้เรื่องหรอ?”
มู่ลี่หยานพูดอย่างเสียงดัง:”มู่หวันฉี!”
รู้สึกได้ว่าเขาจะโกรธจริงจังเเล้ว มู่หวั่นฉีทำได้เเค่ยอมรับ:”โอเค โอเค เเล้วเเต่พ่อเถอะ”
มู่หวันฉีพูดจบก็เดินออกมาอย่างไว
ระหว่างที่ออกไปเธอก็กระแทกประตูเสียงดัง”ปัง”
มู่ลี่หยานขมวดคิ้วอย่างหนัก รู้สึกว่าเขาตามใจมู่หวันฉีมากไปหรือป่าว ถึงทำให้เธออยู่ต่อหน้าเขาก็ยังกล้าที่จะใช้อารมณ์ตามอำเภอใจ
…….
ไม่นานมู่นวลนวลก็ได้รับแจ้งการย้ายไปทำงานที่หน่วยงานใหม่
เธอเก็บข้าวของตัวเอง บอกลาเพื่อนที่พอจะสนิทในหน่วยงานเก่า และได้ยกกล่องไปที่ฝ่ายโครงการ
เธอยืนอยู่หน้าประตูห้องของผู้จัดการ และได้เคาะประตูห้องทำงาน
ผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงตอบรับของมู่หวันฉีมาจากข้างใน:”เข้ามาได้แล้ว”
มู่นวลนวลเปิดประตูด้วยรอยยิ้มที่เบิกกว้าง:” ต่อไปต้องขอคำแนะนำจากพี่สาวแล้วนะคะ”
ตราบใดที่มู่หวันฉีเจอเธอก็ไม่เคยให้สีหน้าทีปกติเลย
“ที่นี่คือบริษัท เรียกฉันว่าผู้จัดการมู่”
มู่นวลนวลเรียกตามที่เธอขออย่างนุ่มนวล:”ผู้จัดการมู่”
มู่หวันฉีมองใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มนั้น รู้สึกได้เลยว่าตัวเองถูกเหยียบบนหัวอย่างรุนแรง
ดังนั้น เธอให้คนอื่นหาเอกสารที่ไม่มีประโยชน์มาให้มู่นวลนวลไปถ่ายเอกสาร
แล้วให้เธอเอาไปทำลายทิ้ง
มู่นวลนวลทำแต่เรื่องนี้ทั้งวัน
ตอนเเรกคิดว่า มู่นวลนวลจะโมโหแล้วมาหาเรื่องเธอ แต่คาดไม่ถึงมู่นวลนวลกลับเชื่อฟังคำสั่งทำทั้งวัน ไม่มีบ่นใดๆทั้งสิ้น
แบบนี้ทำให้มู่หวันฉีรู้สึกประหลาดใจ
เมื่อวันมู่นวลนวลมาหาเรื่องเธอที่ห้องทำงานราวกับจะฆ่าเธอให้ได้เลย แต่มาวันนี้กลับเปลี่ยนนิสัยไปซะงั้นหรอ?”
ไม่ว่ายังเธอก็ไม่เชื่อแน่นอน
ได้เวลาเลิกงาน มู่หวันฉีให้คนอื่นเอาเอกสารไปให้มู่นวลนวลถ่ายเอกสารอีกแล้ว
จนคนอื่นกลับกันหมดแล้ว มู่นวลนวลก็ยังถ่ายเอกสารไม่เสร็จ
มู่หวันฉีไปที่ห้องถ่ายเอกสาร เห็นมู่นวลนวลยังตั้งหน้าตั้งตาในการถ่ายเอกสารที่ให้ไป เธอเดินเข้าไป:”มู่นวลนวล เธอกำลังคิดแผนการอะไรอยู่? เธอหลอกพ่อฉันได้ เธอจึงคิดว่าเธอจะหลอกฉันได้ด้วยงั้นหรอ?”
“หนูไม่ได้หลอกอะไรเลยนะ? หนูรู้สึกจากใจจริงๆว่าพี่สาวทั้งเก่งทั้งโดดเด่น จึงอยากมาฝึกงานกับพี่”
มู่นวลนวลพูดอย่างอ่อนหวานถึงตรงนี้ น้ำเสียงก็ได้เปลี่ยนไปกระทันหัน กลายเป็นน้ำเสียงที่รู้สึกคิดหนัก:”ถ้าหนูยังฝึกงานอะไรไม่ได้จากพี่เลย ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะมองว่าพี่ไร้ความสามารถหรือป่าวนะ?”
มู่หวันฉียิ้มอย่างเยือกเย็น:”ฉันก็ว่าแล้วว่าเธอไม่ได้กลายเป็นคนดีอะไร!”
มู่นวลนวลเหลือบมองเธอ จากนั้นก็ค่อยๆจัดการกับแอกสารที่อยู่ในมือ
โดยไม่ได้สนใจเธออีก
ได้ยินมาตั้งนานแล้วว่า มู่หวันฉีนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการโครงการ แต่กลับไม่ทำอะไรเลย งานเครดิตทั้งหมดที่ได้ก็คือของลูกน้องเธอทั้งนั้น
“ตราบใดที่พ่อรู้ว่าฉันมาหาเธอฝึกงานด้วยใจก็พอแล้ว ส่วนเรื่องการมีแผนไม่มีแผน นั่นมันยังสำคัญอีกหรอ?” มู่นวลนวลยิ้มเย้ย หยิบเอกสารแผ่นสุดท้ายที่ถ่ายเอกสารแล้วเดินจากไป
…….
ค่ำคืนของฤดูหนาวมักจากมาไวเสมอ
มู่นวลนวลออกจากมู่กรุ๊ป ใกล้เวลาทุ่มหนึ่ง ฟ้าก็มืดสนิทไปซะเเล้ว
ซือเย่ก็รอสักพักหนึ่งเเล้ว
เธอขึ้นรถแล้วพูดกับซือเย่ว่า:”ไม่ต้องมารับทุกวันก็ได้นะ ฉันนั่งรถกลับเองได้”
เมื่อก่อนนี้เธอไม่เคยได้รับการดูแลแบบนี้มาก่อน ถึงจะรู้ว่าโม่ถิงเซียวใจดี เเต่เธอก็ยังรู้สึกไม่ชิน
น้ำเสียงของซือเย่ทั้งแข็งทั้งจริงจังเหมือนเช่นเคย:”นายน้อยสั่ง มันเป็นหน้าที่ของผมครับ”
กลับถึงคฤหาสน์ มู่นวลนวลก็นึกขึ้นได้ครั้งก่อน”โม่เจียเฉิน”เคยบัตรเครดิตให้เธอ
เธอวางกระเป๋า แล้วถือบัตรเครดิตใบนี้ไปหาโม่ถิงเซียวที่ห้องหนังสือ
เมื่อเขาอยู่คฤหาสน์ เวลาส่วนใหญ่จะอยู่กับห้องหนังสือ ก็ไม่รู้เหมือนกันเขายุ่งอะไรกับห้องนั้น
โม่ถิงเซียวไม่เผยหน้าของเธอเช่นเคย สั่งหันหลังให้เธอ น้ำเสียงแหบแห้ง:”มีเรื่องอะไร?”
“ฉันเก็บบัตรเครดิตได้จากในบ้าน ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นของนายนะ”มู่นวลนวลไม่กล้าพูดว่าการ์ดนี้คือ”โม่เจียเฉิน”ให้กับเธอ
โม่ถิงเซียวเงียบไปสักครู่สึง ถึงตอบว่า:”ในเมื่อเก็บได้แล้ว ก็เก็บไว้ใช้เลย”
“แต่ฉันได้ยินว่าการ์ดใบนี้มันสำคัญมากเลยนะ……”แม้แต่เซินชูฮันกับมู่หวันฉียังตกใจมันจะไม่สำคัญได้ไง?
ฟังน้ำเสียงของโม่ถิงเซียวไม่ออกว่ารู้สึกยังไง:”จะแพงจะสำคัญแค่ไหนมันก็ต้องมีคนเอาไปใช้ มันถึงจะเป็นของที่มีค่า”
มู่นวลนวลผงะไปสักพัก รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมันสมเหตุสมผลมาก ทำให้เธอไม่สามารถหาคำในมาถกเถียงได้เลย
เห็นว่าโม่ถิเซียวไม่ได้พูดอะไรอีก มู่นวลนวลก็หันหลังออกไป
ตกดึก เซินเหลียงโทรหาเธอว่า พรุ่งนี้ก็จะกลับมาแล้วนะ
“จองสถานที่หนึ่ง ไปกินข้าวกัน”
มู่นวลนวลมองไปที่บัตรเครดิต ค่อยๆตอบไปว่า:”งั้นไปจินติงกันเถอะ
“เธอถูกหวยมาห้าล้านหรอ?”
“ก็ประมาณนั้นแหละ……มั้ง”โม่ถิงเซียวบอกว่า ของจะสำคัญจะแพงแค่ไหน มันต้องมีคนเอาไปใช้ถึงจะมีค่าของมัน
เพราะอย่างงั้นเธอจึงจะลองเอามันไปใช้ดู