มู่นวลนวลเคยเห็นเซินเหลียงจัดการกับกูจือหยานมาแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกแปลกใจ
เธอมองไปที่ฟู่ถิงซีที่ยืนอยู่ข้างๆโม่ถิงเซียว พร้อมกับทักเขาด้วยรอยยิ้ม “ คุณฟู่ “
ฟู่ถิงซีพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการตอบรับเธอ
โม่ถิงเซียวสังเกตคำพูดในประโยคที่มู่นวลนวลพูดกับเขาว่า “ ทำไมคุณก็มาที่นี่ด้วย “ เขารู้สึกว่าความหมายของประโยคนี้เหมือนกับว่าเธอพึ่งได้เจอกับใครมาก่อนหน้า
มู่นวลนวลก็ไม่ค่อยจะมีเพื่อน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเพื่อนที่สามารถเข้ามาในจินติงได้อีก
โม่ถิงเซียวจองไปที่มู่นวลนวลพร้อมกับเดินไปอยู่ตรงหน้าเธอแล้วพูดว่า “ ทำไมไม่บอกฉันก่อนล่ะว่า เธอกับเพื่อนจะมากินข้าวที่จินติง? “
มู่นวลนวลรู้สึกประหลาดใจ จึงตอบกลับไปว่า “ เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับคุณ? “
ถึงแม้ว่ากูจือหยานจะถูกเซินเหลียงถีบแต่เขาก็ไม่รู้สึกโกรธ เขายิ้มและพูดไปว่า “ พวกคุณกินอะไรกันแล้วหรือยัง? ดูแล้วคงจะยังกินไม่ค่อยอิ่ม ถ้างั้นไปกินอะไรกับพวกเราอีกหน่อยไหม คนเยอะๆสนุกดีออก……”
“ ไม่ดีกว่า พวกเรากินอิ่มแล้ว “ มู่นวลนวลปฏิเสธอย่างเรียบง่าย
น้อยครั้งที่โม่ถิงเซียวหงุดหงิดใส่เธอ “ ไปด้วยกันนั้นแหละ เสร็จแล้วก็จะได้กลับไปพร้อมกัน “
มู่นวลนวลเป็นคนใจอ่อน และน้องครั้งที่เธอจะได้เห็นเขาหงุดหงิด เธอจึงรู้สึกลังเล
ในขณะที่เธอกำลังลังเลอยู่นั้น โม่ถิงเซียวก็ดึงมือลากเธอไปที่ห้องอาหารวีไอพี
มู่นวลนวลก็เลยยอมตกลง เพราะอย่างไรตอนจะกลับบ้าน เธอก็สามารถติดรถเขาไปด้วยได้ แต่ว่าต้องมาถูกเขาดึงลากเดินไปแบบนี้ช่างดูน่าอายจริงๆ
“ คุณปล่อยฉัน ฉันเดินเองได้ “
โม่ถิงเซียวหันกลับไปมองเธอแต่ก็ไม่พูดอะไร แล้วก็ปล่อยมือเธอ
หมู่นวลนวลหันไปมองที่เซินเหลียง และเซินเหลียงก็เดินตามมา
แต่ว่าสายตาของเซินเหลียงที่มองมานั้น เหมือนกับว่ากำลังรอดูเรื่องสนุกๆอยู่ จึงทำให้มู่นวลนวลรู้สึกว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที มู่นวลนวลก็รู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือของเธอสั่น
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและพบว่าเซินเหลียงได้ส่งข้อความมาให้เธอ
“ น้องชายคนนี้ช่างเอาแต่ใจจริงๆ ฉันว่าเขาหล่อมากเลยนะ! “
“ฉันว่าเธอน่าจะเก็บเขาไว้พิจารณา รูปร่างหน้าตาก็ดี! “
มู่นวลนวล : “……” ช่างลำบากซะจริงนะ ขนาดว่าเซินเหลียงอยู่ข้างนอก ยังจะเห็นอีกว่าโม่ถิงเซียวมีรูปร่างดี
เธอส่งรูปสติ๊กเกอร์สีหน้า [ รักษาภาพพจน์ ] ไปให้เซินเหลียง
เซินเหลียงก็ไม่ยอมแพ้ และก็ส่งรูปสติ๊กเกอร์ [ หาเรื่อง ] กลับไป
หมู่นวลนวลยิ้มให้เธออย่างมีเลศนัยพร้อมกับตอบข้อความกลับไปว่า “กูจือหยานก็ไม่เลวนะ รูปร่างหน้าตาก็ดีแถมมีเงินอีก รับไปพิจารณาหน่อยไหม?”
เซินเหลียงไม่ตอบข้อความของเธอ แต่กลับจ้องไปที่เธอ
ในที่สุดก็มาถึงห้องอาหารวีไอพี
ตอนแรกพวกโม่ถิงเซียวทั้งสามคนต้องมาร่วมงานเลี้ยง แต่ว่ามู่นวลนวลและเซินเหลียงอยู่ที่ด้วย พวกเขาจึงไม่ได้เขาไปร่วมงาน แต่กลับมาเปิดห้องอาหารส่วนตัว สั่งอาหารแบบง่ายๆมารับประทานแล้วก็กลับ
มู่นวลนวลและเซินเหลียงที่กินมาก่อนแล้ว ได้แต่สั่งผลไม้รวมเพื่อช่วยทำให้ย่อย
……
อีกด้านหนึ่ง ซือเฉิงยวี่ก็พึ่งจะกินอาหารเสร็จ ในตอนนั้นผู้ช่วยของเขาก็เดินเข้ามา แล้วโน้มตัวมากระซิบข้างหูว่า “เมื่อสักครู่ผมเห็นคุณชายโม่มาที่นี้ “
คนที่ผู้ช่วยของเขาพูดว่าคุณชายโม่ ก็คือโม่ถิงเซียว
ซือเฉิงยวี่ลุกขึ้นและเดินออกไป “ งั้นฉันต้องไปทักทายซะหน่อย “
เมื่อเขามาถึงที่ประตูห้องอาหารวีไอพี เขาผลักประตูเข้าไปก็เห็นโม่ถิงเซียวพอดี
เขากำลังจะพูดออกมา แต่ทันใดนั้นก็หันไปเห็นมู่นวลนวลเข้า
โม่ถิงเซียวไม่คิดว่าซือเฉิงยวี่จะมาอยู่ที่นี่ เขาเหลือบตามองไปที่หมู่นวลนวลโดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น แต่เธอกลับก้มลงดูโทรศัพท์อยู่กับเซินเหลียง
หลังจากนั้น เขาก็หันกลับไปมองที่ซือเฉิงยวี่และพูดว่า “ คุณซือ ราชาแห่งการแสดงก็มาที่นี่ด้วย? “
ทันทีที่เขาพูดออกไป ในหัวของเขาก็ได้ยินเสียงของมู่นวลนวลที่เคยพูดกับเขาว่า “ ทำไมคุณก็มาที่นี่ด้วย “ และสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
เมื่อมู่นวลนวลได้ยินคำพูดของเขาก็เงยหน้าขึ้นทันที เธอเห็นซือเฉิงยวี่ยืนอยู่ที่ประตู
ในตอนนั้นซือเฉิงยวี่ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที เขายิ้มแล้วพูดไปว่า “ ผมได้ยินมาว่าท่านประธานกูอยู่ที่นี่ ก็เลยเขามาทักทาย “
ซือเฉิงยวี่เป็นนักแสดงที่เซ็นสัญญากับทางค่ายShengding และนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไร ดังนั้นคำพูดของเขาจึงถือได้ว่าสมเหตุสมผล
ตอนนี้บรรยากาศในห้องอาหารวีไอพี ตกอยู่ในสภาพที่ดูอึดอัด เขาจึงพูดต่อไปว่า “ อ่า….ใช่ คุณก็มาที่นี่ด้วย…… “
“ อืม เพื่อนผมยังรอผมอยู่ นั้นผมขอตัวก่อน “ ก่อนที่ซือเฉิงยวี่จะจากไป เขาก็แอบมองไปที่โม่ถิงเซียวกับมู่นวลนวล
มู่นวลนวลรู้สึกว่าซือเฉิงยวี่มองไปที่โม่เจียเฉิน
แต่โม่ถิงเซียวกลับรู้สึกว่าซือเฉิงยวี่มองไปที่หมู่นวลนวล
ทั้งสองคนมีสีหน้าแปลกๆ แล้วเขาก็หันหน้ามามองกัน หลังจากนั้นพวกเขาก็ขมวดคิ้วและหลบสายตาออกจากกัน
“ เมื่อตะกี้ชายคนนั้นคือซือเฉิงยวี่! “ เซินเหลียงที่ความรู้สึกช้าตีหมู่นวลนวลไปอย่างแรงพร้อมกับพูดว่า “นวลนวล เมื่อกี้ชายคนนั้นคือซือเฉิงยวี่! ทำไมเธอถึงไม่เข้าไปขอเขาถ่ายรูปด้วยล่ะ! “
กูจื่อหยานยิ้มแล้วพูดต่อบทสนทนานั้นไปทันทีว่า “ มู่นวลนวล ถ้าเธอต้องการจะถ่ายรูปคู่กับซือเฉิงยวี่แล้วล่ะก็ สามารถไปหาผมที่บริษัทได้นะ “
คำโบราณที่ว่า ถ้าต้องการจะมัดใจสาวแล้วล่ะก็ ต้องเริ่มจากการเข้าไปตีสนิทกับเพื่อนของเธอก่อน และหมู่นวลนวลก็เป็นเพื่อนของเซินเหลียง
เมื่อโม่ถิงเซียวได้ยินประโยคนั้น ก็กวาดสายตาไปมองที่กูจื่อหยานอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ ข้าวที่กินไปก็ยังไม่สามารถอุดปากแกได้? “
กูจื่อหยานรู้สึกงง ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?
ทำไมโม่ถิงเซียวถึงได้โกรธขนาดนี้? เมื่อกี้หมู่นวลนวลใช้เงินของเขาไป เขาก็ยังดีใจอยู่เลย!
นี้เขาไม่ใช่กำลังเอาใจหมู่นวลนวลอยู่รึ! โม่ถิงเซียวก็ควรจะรู้สึกปลื้มใจมิใช่หรือ?
ในตอนแรกบรรยากาศที่ดูเป็นกันเอง แต่เมื่อซือเฉิงยวี่มาปรากฏตัวขึ้นแล้วนั้น บรรยากาศก็เริ่มดูแปลกไป
จนกระทั่งจะออกจากจินติง แต่มู่นวลนวลก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่
ระหว่างที่กำลังเดินทางกลับบ้านหมู่นวลนวลก็ถามโม่เจียเฉินว่า “ คุณก็รู้จักซือเฉิงยวี่ด้วยหรือ? “
ไม่เช่นนั้นตอนที่ซือเฉิงยวี่จะจากไป สายตาที่มองเขานั้นมันหมายความว่าอย่างไร? “
โม่ถิงเซียวรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยและพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ มันเกี่ยวอะไรกับเธอ “
หงุดหงิดอะไรมา? เธอถามเขาดีๆ ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด ทำไมต้องมาหาเรื่องเธอด้วย?
การอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน เธอจึงอยากเป็นมิตรที่ดีกับเขา!
แต่ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนั้น มู่นวลนวลก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาสักคำจนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน
ทันทีที่เธอเดินเข้าประตูไป เธอก็หันไปถามบอร์ดี้การ์ดว่า “ คุณชายของพวกคุณ อยู่บ้านหรือเปล่า?
บอร์ดีการ์ดที่ได้เตรียมคำพูดไว้แล้ว ก็ตอบไปว่า “ คุณชายหลับไปแล้วครับ “
“ อ๋อ “ มู่นวลนวลพยักหน้าแล้วก็ขึ้นไปชั้นบน
หลังจากที่เธอคิดอยู่สักพัก เธอก็ตัดสินใจส่งข้อความไปหาโม่ถิงเซียวว่า “ คืนนี้ฉันไปทานอาหารเย็นกับเซินเหลียงมา เพิ่งจะกลับมาถึง ราตรีสวัสดิ์ “
โม่ถิงเซียวกลับห้องด้วยสีหน้าเย็นชา และเขาก็ได้รับข้อความจากมู่นวลนวล
ยังดีที่รู้จักว่า จะต้องมารายงานตัว? เธอช่างเริ่มเอาใจคนเก่งมากขึ้นเรื่อยๆแล้วซินะ
เมื่อใจในของเขาคิดเช่นนั้น สีหน้าที่ตึงเครียดตลอดทั้งคืนของเขาก็ค่อยๆผ่อนคลายลง
นิ้วที่ยาวของเขาเลื่อนปัดไปบนหน้าจอ เขาส่งข้อความกลับไปให้มู่นวลนวลเพียงคำเดียวว่า “ อืม “
ทันทีที่ข้อความถูกส่งออกไป ซือเฉิงยวี่ก็โทรเข้ามา
โม่ถิงเซียวจ้องไปที่โทรศัพท์เป็นเวลาสองวินาทีก่อนที่เขาจะรับสาย
ซือเฉิงยวี่พูดออกมาด้วยเสียงปกติของเขาไปว่า “ ถิงเซียว? “
ในความทรงจำ ซือเฉิงยวี่นั้นเป็นพี่ชายที่แสนดีมาตลอด
แต่โม่ถิงเซียวที่ไม่รู้สึกเกรงใจ พูดกับเขาว่า “ พี่ใหญ่เคยเจอมู่นวลนวลด้วยหรอ ”