คำพูดของมู่นวลนวลไม่ค่อยน่าฟังนัก
แต่นั่นคือสิ่งที่เธอคิด แม้ว่าเสี่ยวชูเหอดูเหมือนจะใช้ชีวิตแบบคุณหญิงคุณนายในตระกูลมู่แต่เธอก็เป็นคุณหญิงคุณนายแค่คำพูดเท่านั้น เธอค่อนข้างที่จะใช้ชีวิตเรียบง่ายเมื่อเทียบกับคุณหญิงคุณนายคนอื่น ๆ
เวลาส่วนใหญ่ เสี่ยวชูเหอจะเสียสละให้มู่ลี่หยานและพวกเขาทั้งสามคนอยู่ดีกินดี
แม้ว่าเงิน 50 ล้านจะไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แต่มู่ลี่หยานเอาออกมาได้แน่นอน
อย่างไรก็ตามไม่แน่นอนว่ามู่ลี่หยานจะยอม
มู่หวันฉีกำลังโกรธอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ควบคุมความโกรธของเธอทันทีและพูดว่า “ถ้าเรามีเงิน เรายินดีที่จะให้ 50 ล้าน แน่นอน แต่ตอนนี้ปัญหาคือเราไม่มีเงิน!”
“ไม่มีเงินก็หาเงินสิ” มู่นวลนวลขี้เกียจต่อสู้กับมู่หวันฉีอีก หันไปมองมู่ลี่หยานแล้วเรียกเขาว่า “พ่อ!”
มู่ลี่หยานขมวดคิ้วแน่น: “ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงฉันสามารถเตรียมเงิน 50 ล้านได้แน่นอน แต่มีเวลาแค่สองชั่วโมงฉันจะหาเงินพวกนี้ได้จากที่ไหน!”
มู่ลี่หยานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาคาดไม่ถึงว่ามู่ลี่หยานจะเต็มใจหาเงิน
“ หาได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น” มู่นวลพูดจบก็ก้มลงมองรายชื่อในโทรศัพท์มือถือของเธอ
เธอเพิ่งจะนึกออกว่านอกจากเซินเหลียงแล้ว เธอแถบจะไม่มียังมีเพื่อนเลย
มู่ลี่หยานหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วและเริ่มโทร
มู่นวลนวลเดินไปข้างๆและโทรหาเซินเหลียง
เซินเหลียงรีบรับโทรศัพท์: “มีอะไรเหรอ กินข้าวหรือยัง?”
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก“ เสี่ยวเหลียง ฉันต้องการยืมเงินจากเธอ”
“ได้สิ เธอจะยืมเท่าไหร่” เซินเหลียงใจดีกับเธอเสมอ เพียงแค่เธอพูด เซินเหลียงจะให้เธอยืมอย่างแน่นอน
เรื่องสำคัญคือต่อจากนี้แหละ มู่นวลนวลได้ แต่กัดฟันและพูดว่า “เธอ…มีเท่าไหร่ ?”
“มี … สามหรือสี่ล้านนี่แหละ ฉันก็จำไม่ได้ เดี๋ยวฉันดูก่อนนะ… ” เซินเหลียงพูดและไปตรวจสอบเงินฝากในโทรศัพท์มือถือของเธอ
ผ่านไปสักพัก จู่ๆเธอก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ถามเธอดัง ๆ ว่า “เธอจะต้องการเงินเยอะๆไปทำไม เกิดอะไรขึ้น?”
“แม่ของฉันถูกลักพาตัวและต้องการค่าไถ่ 50 ล้าน”
“ คุณโทรแจ้งตำรวจสิ!”
“ ต้องเอาคนออกมาก่อนค่อยคิดเรื่องนี้ล่ะกัน” มู่นวลนวลยังคงกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเสี่ยวชูเหอเพราะกลัวว่าคนร้ายจะทำร้ายตัวประกัน
จริงๆแล้วเซินเหลียง อยากจะบอกว่าเธอปล่อยให้แม่ใจร้ายของเธอตายไปเถอะ
แต่เธอก็รู้จักมู่นวลนวลดี ถ้ามู่นวลนวลไม่รู้เรื่องนี้ก็แล้วไป แต่มู่นวลนวลรู้เรื่องแล้ว เธอจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องมันแน่นอน
“โอเค งั้นฉันโอนเงินให้เธอก่อนละกัน”
“ขอบคุณนะ”
ข้างหลังของมู่นวลนวล มู่หวันฉีและมู่ลี่หยานกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของเธอตลอด
เมื่อเธอได้ยินมู่นวลนวลพูดว่า “เอาคนกลับมาก่อน” ใบหน้าของมู่หวันฉีก็แสดงรอยยิ้มอย่างมีชัย
เธอเดินไปหามู่ลีหยานและกระซิบว่า “หนูคิดแล้วว่ามู่นวลนวลจะไม่เฉยๆกับเรื่องแม่แน่นอน”
มู่ลี่หยานพยักหน้าและทั้งสองก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
…
เมื่อเห็นว่าเกือบจะสองชั่วโมงแล้ว ตอนนี้หาเงินยังได้ไม่ถึง 6 ล้านซึ่งไกลจาก 50 ล้านมาก
มู่นวลนวลเดินไปมาอย่างกังวล
อยู่ๆมู่หวันฉีก็เรียกเธอ: “มู่นวลนวลฉันจำได้ว่าเธอมีบัตรเครดิตแพลตตินัมจากตระกูลโม่อยู่ในมือหนิ!”
มู่นวลนวลมองกลับมาที่เธอด้วยสายตาดุร้าย
มู่หวันฉีพูดต่อ: “ตอนนี้มันเป็นเรื่องของความเป็นความตาย การที่แม่จะช่วยชีวิตมันได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว พวกเราทำเต็มที่สุดแล้ว”
เมื่อกี้มู่นวลนวลก็รีบร้อนเกินไป เธอลืมไปว่าเธอยังมีบัตรเครดิตแพลตตินัมอยู่กับตัวเอง!
“ ฉันจะกลับไปเอา!” มู่นวลนวลไม่สามารถทนดูเรื่องนี้ไหวแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการไถ่ตัวเสี่ยวชูเหอกลับมา
มู่ลี่หยานพูดออกมา: “พวกเราจะพาเธอกลับไป หลังจากนั้นค่อยไปสถานที่แลกเปลี่ยนตัว”
เส้นตายสองชั่วโมงใกล้เข้ามาแล้ว เพื่อที่จะทำเวลามู่นวลนวลยอมรับข้อเสนอของมู่ลี่หยาน
ไม่นานพวกเขาก็กลับไปที่คฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวและ “โม่เจียเฉิน” ยังไม่กลับมา มู่นวลนวลหยิบบัตรเครดิตแพลตตินัมแล้วรีบออกมา
ขณะที่เธอเดินเธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาตำรวจ
ก่อนนี้ที่เธอได้รับโทรศัพท์จากคนร้าย เธอรู้สึกกังวลมากจนลืมเรื่องที่ต้องแจ้งตำรวจ
เมื่อเห็นเธอคุยโทรศัพท์มู่หวันฉีก็ถามอย่างกังวลว่า “เธอโทรหาใครหรือคนร้ายโทรหาเธอ”
“แจ้งความกับตำรวจและเตรียมแผน” เงิน 50 ล้านนี้ไม่ควรจะให้คนร้ายได้ไปง่ายๆ
เสี่ยวชูเหอต้องถูกช่วยออกมา เงินก็ไม่สามารถให้คนร้ายเอาไปได้
เมื่อมู่หวันฉีได้ยินว่าเธอกำลังจะโทรแจ้งตำรวจเธอก็นิ่งไปชั่วขณะแล้วเธอก็พูดว่า “อย่าแจ้งตำรวจ ช่วยแม่กลับมาก่อน เธอต้องเคยเห็นคนร้ายหน้าตาเป็นยังไง ตอนนั้นค่อยแจ้งตำรวจ ตำรวจจะได้จับง่าย”
“ ไม่ได้ ต้องโทรแจ้งตำรวจก่อน”
เมื่อเห็นท่าทีแน่วแน่ของมู่นวลนวล มู่หวันฉีก็มีอาการแปลกๆ และคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาวางสายพร้อมกับคำพูด“ เธอจะรีบโทรแจ้งตำรวจไปทำไม เธออยากจะฆ่าแม่ของเธอเองรึไง? ถ้าคนร้ายรู้เรื่องนี้ แล้วพวกมันฆ่าตัวประกันขึ้นมาล่ะ ฉันยอมรับว่าแม่ดีกับฉันมากกว่าเธอ แต่เธอไม่ควรจะทำร้ายแม่แบบนี้ไหม อย่างไรก็ตามเธอเป็นแม่ที่ให้กำเนิดเธอและเลี้ยงดูเธอมา! ”
มู่หวันฉีพูดออกมาดีมาก จนเธอเองก็เกือบจะเชื่อ
“หุบปาก!” แม้ว่าสิ่งที่มู่หวันฉีพูดจะเป็นความจริง แต่เธอก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่
เธอไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด แต่นั่นคือมารดาผู้ให้กำเนิดของเธอ
คนร้ายโทรศัพท์มาอีกครั้ง
คนร้ายบอกสถานที่และพูดว่า: “เธอได้รับอนุญาตให้มาคนเดียวเท่านั้น ถ้าเราพบตำรวจหรือคนอื่น ๆ มาด้วย พวกฉันจะฆ่าตัวประกันซะ!”
โทรศัพท์เปิดลำโพง มู่ลี่หยานและมู่หวันฉีก็ได้ยินเสียงคนร้าย
มู่นวลนวลเริ่มมีความรู้สึกแปลก ๆ
เธอรู้สึกว่าคนร้ายดูเหมือนจะพุ่งเข้าหาเธอตั้งแต่แรก โดยไม่ได้เอ่ยถึงมู่ลี่หยานเลย
แค่เพราะเธอเป็นสะใภ้ตระกูลโม่ พวกเขาก็คิดว่าเธอมีเงิน พวกเขาจึงลักพาตัวเสี่ยวชูเหอเหรอ?
แม้ว่าข้อโต้แย้งนี้จะมีเหตุผล แต่พฤติกรรมของคนร้าย มันดูไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย
มู่หวันฉีเป็นคนที่ถามเธอก่อนว่า: “ทำไมเธอต้องไปคนเดียว?”
“มันไม่ปลอดภัย” มู่ลี่หยานกล่าว “เธอขับรถของหวันฉีไปก่อน แล้วพวกเราจะตามข้างหลังเธอไป”
มู่ลี่หยานและมู่หวันฉีแสดงความกระตือรือร้นและความซื่อสัตย์อย่างที่พวกเขาไม่เคยมีมาก่อนในการช่วยชีวิตเสี่ยวชูเหอ
แม้ว่ามู่นวลนวลจะรู้สึกประหลาดใจ แต่เธอก็จะสงสัยไปทำไม เพราะยังไงเสี่ยวชูเหอใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขามากว่า 20 ปีแล้ว
หลังจากที่มู่ลี่หยานพูดจบเขาก็ถามมู่นวลนวลว่า “เธอขับรถเป็นไหม”
มู่นวลนวลทำริมฝีปากเล็กน้อยและยิ้มอย่างประชดประชัน: “เป็น”
ในช่วงสี่ปีของการเรียนมหาวิทยาลัยเธอหาเลี้ยงตัวเองและยังรับงานเขียนสคริปเล็ก ๆ น้อย ๆ นอกจากค่าเล่าเรียนและค่าใช่จ่ายในชีวิตแล้ว เงินสำหรับการเรียนใบขับขี่ก็มาจากการเก็บเงินของเธอ
…
ที่อยู่ที่คนร้ายบอกเธอคือโรงรถร้างในชานเมือง ฟังแค่ชื่อก็รู้ว่ารกร้างว่างเปล่า
หลังจากหาตำแหน่งได้แล้วเธอก็แก้ไขข้อความและส่งที่อยู่ของโรงรถร้างไปให้เซินเหลียงและให้เซินเหลียงช่วยแจ้งตำรวจให้เธอ
เธอกำลังจะรีบไป มีโอกาสอย่างมากที่คนร้ายจะเฝ้าดูอยู่บนถนนดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงขอให้เซินเหลียงช่วยโทรแจ้งตำรวจ
หลังจากส่งข้อความสำเร็จมู่นวลนวลก็ลบทิ้ง