มู่หวันฉีที่ถูกมู่นวลนวลจ้องมองผมของเธอก็ชี้ฟูขึ้นและร่างกายของเธอก็แข็งทื่อ
เธออยากแสดงท่าทีว่าตัวเองนั้นใจเย็น มุมปากเธอกระตุกขึ้นและแสดงรอยยิ้ม แต่ความกลัวในสายตาของเธอนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจน เมื่อเป็นเช่นนั้นการแสดงออกทางสีหน้าของเธอก็ดูแปลกไปราวกับเหมือนเป็นโรคที่มีอาการชักกระตุก
ทุกคนในลิฟต์สังเกตเห็นความผิดปกติของมู่หวันฉี แต่ไม่มีใครกล่าวอะไร
มู่นวลนวลค่อยๆเดินไปด้านหน้าของมู่หวันฉี มือข้างหนึ่งของเธอคว้าแขนของเธอเอาไว้และมืออีกข้างแตะเนื้อผ้าเสื้อโค้ทของเธอและกล่าวด้วยท่าทีที่ปนไปด้วยความอิจฉา “พี่สาว เสื้อตัวนี้เพิ่งซื้อมาใหม่สินะ สวยมากจริงๆ แค่มองก็รู้แล้วว่าแพง”
หากในเวลาปกติมู่หวันฉีจะต้องอวดชุดของเธออย่างแน่นอน แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเธอคือมู่นวลนวลที่เธอคิดว่าตายไปแล้ว เธอไม่มีแม้แต่ความคิดที่อยากจะอวดสิ่งใด
ยิ่งไปกว่านั้น ชุดบนเรือนร่างของเธอ เธอยังใช้บัตรแพลทินัมของมู่นวลนวลจ่ายไปอีกด้วย
“ไม่…ไม่ได้แพงอะไรเลย” แขนของมู่นวลนวลเกี่ยวแขนเธอเบาๆ ทำให้เธอเห็นภาพลวงตาว่ากำลังเข้าไปพัวพันกับงูพิษ หากว่าเธอขยับเพียงเล็กน้อย เธออาจจะถูกกัดตายได้เลย
“สำหรับพี่สาวราคานี้อาจไม่แพง ที่ห้างสรรพสินค้าเมื่อวานนี้ฉันเห็นชุดแบบเดียวกับของพี่เลย ราคา900,000 ถ้าหากว่าไม่ได้สั่งจองล่วงหน้า คนธรรมดาก็ไม่อาจซื้อได้…”
มู่หวันฉีสั่งจองโค้ทตัวนั้นล่วงหน้า ก็สามารถบอกได้ว่าพวกเขาได้กำหนดแผนการหลอกเอาบัตรแพลทินัมจากมู่นวลนวลไว้อยู่ก่อนแล้ว
จากมุมมองของคนอื่น มู่นวลนวลกำลังสัมผัสโค้ทตัวใหม่ของมู่หวันฉีอย่างอิจฉา แต่มีเพียงมู่หวันฉีเท่านั้นที่รู้ตัวเอง เธอกำลังหวาดกลัวมู่นวลนวลจนไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปาก
มู่นวลนวลพอใจมากกับปฏิกิริยาที่ตอบกลับมาของมู่หวันฉี นี่คือปฏิกิริยาของคนที่ทำเรื่องเลวทราม
ติ๊ง—-
เมื่อลิฟต์เคลื่อนไปถึงชั้นบน ประตูก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ
มู่หวันฉีไม่กล้าแม้แต่จะขยับ เป็นเพราะว่ามู่นวลนวลยังไม่ปล่อยเธอเป็นอิสระ
คนอื่นภายในลิฟต์ เห็นว่ามู่หวันฉียังคงนิ่งอยู่จึงไม่มีใครกล้าเดินออกไป
มู่นวลนวลแสร้งทำท่าตกใจและกล่าวว่า “พี่สาวกำลังคิดอะไรอยู่? ทำไมไม่ออกไปล่ะ ทุกคนกำลังรอพี่สาวอยู่นะ”
เธอพูดพลาง ดึงมือของมู่หวันฉีออกมา
เมื่อออกมาแล้ว เธอยังคงไม่ลืมที่จะหันกลับไปพูดกับคนอื่นๆที่อยู่ภายในลิฟต์ “ไว้เจอกัน”
จนกระทั่งถึงห้องทำงานของมู่หวันฉี หลังจากที่มู่นวลนวลล็อคประตูแล้ว เธอก็ปล่อยมู่หวันฉีเป็นอิสระ
“พี่สาวเหมือนกับว่าคุณกำลังกลัวฉันมาก? คุณเป็นแบบนี้ทำให้ฉันลำบากใจ คนอื่นเขาคิดว่าฉันนั้นกำลังกลั่นแกล้งคุณ” มู่นวลนวลกล่าว มู่หวันฉีก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว
มู่นวลนวลยิ้มเย็นชา เธอคว้าคอเสื้อของมู่หวันฉีไว้และกล่าวด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ “อย่ากลัวไปเลย ที่ผ่านมาฉันฟังคำพูดของพี่สาวอยู่เสมอ จะไปกล้ากลั่นแกล้งคุณได้อย่างไร”
มู่หวันฉีเห็นว่ามู่นวลนวลนั้นพูดอยู่นานแล้วและไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องของเมื่อวาน ภายในใจคิดว่าโชคดี เธอคิดว่ามู่นวลนวลไม่รู้ว่าเรื่องในวันนั้นเป็นฝีมือของเธอ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอก็มีความมั่นใจขึ้นมาทันที
มู่หวันฉีสะบัดมือมู่นวลนวลแล้วเสแสร้งทำเป็นงุนงง “มู่นวลนวล เธอกินยาผิดขวดหรือยังไง พอเช้ามาก็มาพูดจาอะไรไม่รู้เรื่องกับฉันแบบนี้!”
ในขณะที่เธอกำลังพูด เธอหันหลังและเดินไปนั่งที่โต๊ะและสวมวิญญาณของผู้จัดการ “เอาล่ะ ตอนนี้ก็เป็นเวลาทำงานแล้ว เธอกลับไปทำงานซะ มีเรื่องอะไรเลิกงานค่อยมาคุยกัน”
มู่นวลนวลไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่เห็นว่ามู่หวันฉีนั้นแสร้งทำเป็นว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“เอาเถอะ เลิกงานฉันจะมาหาคุณ” มู่นวลนวลทิ้งทวนระเบิดเอาไว้จากนั้นเธอก็หันหลังและเดินออกไป
ทันทีที่เธอออกไป มู่หวันฉีก็โยนเอกสารทั้งหมดลงบนพื้นอย่างร้อนรน!
มู่นวลนวลยังมีชีวิตอยู่และเธอได้ปรากฎตัวอยู่เช่นเคย!
คดีลักพาตัวในวันเสาร์ มันคือแผนการที่เธอและมู่ลี่หยานได้คิดขึ้นมาเพื่อหลอกล่อบัตรแพลทินัมของมู่นวลนวล
แผนการที่เธอและมู่ลี่หยานตกลงกันคือ เมื่อได้บัตรแพลทินัมแล้ว ให้คนที่ลักพาตัวทั้งสองคนนั้นออกไปจากเซี่ยงไฮ้ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วหากว่ามู่นวลนวลรับรู้เรื่องนี้ขึ้นมา เธอก็ไม่หลงเหลือหลักฐานอะไรแล้วและเธอก็ไม่สามารถเอาผิดพวกเขาได้
แต่มู่หวันฉีนั้นเกลียดมู่นวลนวลเข้ากระดูก เธอจึงไม่ยอมปล่อยมู่นวลนวลไปอย่างง่ายดาย
เธอแอบเพิ่มเงินให้กับผู้ที่ลักพาตัวทั้งสองคน!
คนที่ลักพาตัวทั้งสองคนนั้นเป็นนักโทษที่ศาลต้องการตัว ทั้งสองคนนั้นต้องการชีวิตและคิดหลบหนี พวกเขาโหดเหี้ยมอำมหิต หลังจากที่เสร็จสิ้นเรื่องราว มู่หวันฉีเองก็ไม่ได้ติดตามผลลัพธ์ เพราะเธอเองกังวลว่าจะหลงเหลือหลักฐานและสืบสวนถึงตัวเธอ เธอคิดไว้ว่ามู่นวลนวลจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าคนลักพาตัวจะทำเรื่องล้มเหลว!
มู่นวลนวลนั้นแตกต่างจากก่อนหน้านี้ เมื่อเธอได้รู้ว่าคดีลักพาตัวนั้นเป็นฝีมือของเธอ เธอจะไม่ปล่อยเธอเอาไว้อย่างแน่นอน
………….
มู่นวลนวลออกจากห้องทำงานของมู่หวันฉีจากนั้นก็ตรงไปหามู่ลี่หยาน
คดีลักพาตัวในวันเสาร์นั้น พ่อและลูกสาวจะต้องทำร่วมกันอย่างแน่นอน มิฉะนั้นมู่หวันฉีคงจะทำเองคนเดียวไม่ได้
มู่นวลนวลเคาะประตูและจากนั้นก็มีเสียงของมู่ลี่หยานดังขึ้น “เข้ามา”
เธอผลักประตูเข้าไปและมู่ลี่หยานก็เงยหน้าขึ้น
เมื่อเขาเห็นมู่นวลนวล แววตาของเขาฉายแววประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัว
สามารถกล่าวได้ว่ามู่ลี่หยานอาจไม่รู้ว่าคนที่ลักพาตัวทั้งสองคนนั้นได้ทำอะไรไว้กับเธอบ้าง
มู่ลี่หยานลุกขึ้น “นวลนวล เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นอะไร แม่ของฉันสบายดีหรือเปล่า?” มู่นวลนวลเดินเข้าไปด้วยท่าทีสงบและสีหน้าของเธอก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
มู่ลี่หยานเห็นว่าเธอไม่ได้พูดถึงคดีลักพาตัวก็คิดว่าเธอนั้นอาจไม่รู้ เขายิ้มอ่อนโยนและกล่าวกับเธอ “เธอสบายดี ช่วงเที่ยงเธอจะเอาอาหารมาให้ เธออยากกินด้วยกันไหม?”
มู่นวลนวลพยักหน้าตอบรับ “ได้เลย”
ในช่วงเที่ยง เสี่ยวชูเหอได้เดินทางมายังมู่กรุ๊ปเพื่อส่งอาหารให้กับมู่ลี่หยาน
เมื่อเธอเห็นว่ามู่นวลนวลก็อยู่ที่นั่น สีหน้าเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นวลนวลก็อยู่เหรอ…”
“นานแล้วที่ไม่ได้กินอาหารฝีมือแม่ ได้ยินพ่อบอกว่าคุณจะมาส่งอาหาร ฉันจึงอยากมาทานด้วยสักมื้อ” เมื่อมู่นวลนวลกล่าว สายตาของเธอก็จ้องมองไปยังเสี่ยวชูเหอ เธอยิ้มและยิ้มนั้นราวกับว่าทำให้ผู้คนสงสัยว่าเธอกำลังคิดอะไร
“อาหารที่ฉันทำนั้นรสชาติธรรมดามาก….” เสี่ยวชูเหอพลางหยิบอาหารออกมาและหลบเลี่ยงสายตาของมู่นวลนวล
การหลบหลีกอย่างชัดเจนของเสี่ยวชูเหอทำให้มู่นวลนวลมั่นใจว่าคดีลักพาตัวในวันเสาร์นั้น เสี่ยวชูเหอจะต้องรู้อย่างแน่นอน
ไม่อย่างนั้นเธอจะมีอาการขลาดและตกใจกลัวอย่างนี้ทำไม?
ไม่สามารถพูดได้ว่ามันเศร้าแค่ไหน แต่ก็รู้สึกหมดกำลังใจเล็กน้อย
เธอต้องยอมรับว่าตลอด 22 ปีที่ผ่านมาแม่ผู้ให้กำเนิดเธอ ไม่เคยรักเธอเลย
ภายในหัวใจของมารดาผู้ให้กำเนิดเธอ มันไม่มีพื้นที่สำหรับเธอเลย
เสี่ยวชูเหอสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อมู่ลี่หยาน
มู่หวันฉีพูดถูกแล้ว เธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสารแม้แต่แม่ผู้ให้กำเนิดยังไม่รักเธอเลย
มู่นวลนวลก้มหน้าลงแล้วหัวเราะเบาๆ “ฉันยังไม่เคยกินอาหารฝีมือคุณดังนั้นก็เลยจำไม่ได้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร”
เสี่ยวชูเหอได้ยินดังนั้นแล้วเธอก็ผงะไปชั่วขณะ เธอหันหน้าไปมองที่มู่ลี่หยาน
มู่ลี่หยานจ้องมองเธอด้วยท่าทางสงบและส่ายหน้า
เสี่ยวชูเหอจึงรู้สึกโล่งใจ
หลังจากเรื่องราวในวันเสาร์ เธอก็พบว่ามู่นวลนวลนั้นห่วงใยเธอมาก ท้ายที่สุดเธอสามารถมอบบัตรแพลทินัมที่แสนล้ำค่าให้ได้อย่างง่ายดาย
เธอมีความสำคัญต่อมู่นวลนวลมาก หากมู่ลี่หยานมีอะไรจะขอให้มู่นวลนวลทำให้ในอนาคต เธอก็สามารถช่วยเขาได้
สามารถช่วยมู่ลี่หยานได้ เขาจะต้องดีใจมากและดีกับเธอมากยิ่งขึ้น
เมื่อคิดได้เช่นนี้ บนใบหน้าของเสี่ยวชูเหอก็ปรากฎรอยยิ้มขึ้น เธอเอื้อมมือตักอาหารให้มู่นวลนวลและกล่าวด้วยน้ำเสียงประจบ “งั้นวันนี้เธอก็ทานเยอะๆเลยนะ”