สำหรับมู่หวันฉีท่าทางที่แสดงความอัปลักษณ์ออกมา มู่นวลนวลไม่ได้มีความสนใจอยากที่ชื่นชม
เธอไปที่ป้ายรถเมล์นั่งรถเมล์กลับคฤหาสน์
เพิ่งจะเดินเข้าไป เธอโยนกระเป๋าลง ก็ล้ตัวมลงไปบนโซฟา เหนื่อยจนไม่อยากจะขยับตัว
วันนี้เธอไม่ได้มีเรื่องอะไรต้องทำ ทำไมรู้สึกว่าเหนื่อยขนาดนี้ล่ะ?
อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยใจ
เธอเปิดโทรศัพท์เข้าไปในเวยป๋อ พอดีกับที่เห็น“โรงงานนรก” “เป็นคลิปวีดีโอที่หลุดออกมาจากโรงงานนรก”สองประเด็นนี้เป็นที่ได้รับความนิยมมากติดประกาศอยู่ด้านบนสุด
คำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมดคือคำด่า
บางครั้งมีหลายคนพูดแก้ตัวแทนคำวิพากษ์วิจารณ์ของมู่กรุ๊ปกับมู่หวันฉี แต่ก็ถูกจมหายไปอย่างเร็ว
เร็วมาก มู่นวลนวลก็มองเห็นมู่หวันฉีในวีดีโอถูกปิดล้อมอยู่หน้าประตูมู่กรุ๊ป
มู่หวันฉีที่อยู่ในวีดีโอดูคล้ายกับว่า เป็นคนบ้าคนหนึ่ง
ลำดับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งในวีดีโอ “ฉันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนกับคนที่เป็นโรคประสาท?ไม่อย่างนั้นหลังจากที่มีคลิปวีดีโอที่ไม่ดีของเธอหลุดออกมา ทำไมเธอยังไม่อับอายเลยแม้แต่น้อยยังหน้าด้านด่าว่านักข่าว และยังกล้าพูดว่าเป็นเรื่องเข้าใจ?”
“เห็นด้วยกับจุดยืนของคนที่ปล่อยข่าว โชคดีที่ฉันไม่ได้เป็นเพื่อนกับเธอ คนเป็นโรคประสาทแบบนี้ฆ่าคนก็ไม่ถูกตัดสินโทษสินะ?”
“ก็เป็นผู้หญิงที่เสียสติจริงๆ!”
“รูปร่างหน้าตาก็สวย ให้เงินจำนวนเท่าไหร่ถึงจะขึ้นเตียงด้วย?”
มู่นวลนวลวางโทรศัพท์ลง ขี้เกียจที่จะดูอีก
นอกจากประตูด้านนอกที่มีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ไม่กี่คน ทั่วทั้งคฤหาสน์ก็ว่างเปล่า ก็ไม่รู้ว่าโม่ถิงเซียวกับ“โม่เจียเฉิน”อยู่บ้านหรือเปล่า
มู่นวลนวลคิดๆดู ก็ส่งข้อความหา“โม่เจียเฉิน” “คุณกลับมาทานอาหารที่บ้านไหม?”
ถ้า “โม่เจียเฉิน”ไม่กลับมาทานอาหาร เธอก็ไม่ทำ ถึงยังไงก็มีบอดี้การ์ดทำอาหาร
โม่ถิงเซียวที่อยู่อีกด้านใช้เวลาไปสามชั่วโมงเพิ่งจะประชุมเสร็จพอดี อ่อนเพลียและง่วงนอน
เพิ่งจะกลับมาถึงห้องทำงานนั่งลงได้สักพัก ก็ได้รับข้อความจากมู่นวลนวล
เขากำลังจะตอบกลับ ก็เห็นกูจื่อหยานผลักประตูเดินกระหืดกระหอบด้วยความดีอกดีใจเข้ามา
“ถิงเซียว คุณดูนี่สิ!”กูจื่อหยานนำโทรศัพท์ยื่นไปที่ตรงหน้าของโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวเหลือบไปมอง หรี่ตามอง มองดูคราวๆจนจบ พูดด้วยน้ำเย็นชา “โรงงานที่อยู่ภายใต้การบริหารของมู่กรุ๊ปเดิมทีก็มีปัญหาอยู่แล้ว มีบุคคลที่มีความตั้งใจจะจัดการมู่กรุ๊ป ทั้งหมดสามารถหยิบเรื่องนี้มาจัดการมู่กรุ๊ปได้แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ธุรกิจเหล่านี้ ก็ไม่สะอาดทั้งนั้น ดังนั้นถ้าไม่ไช่ขู่เข็ญคนอื่นจนถึงขีดสุด ก็ไม่มีใครกล้าทำเรื่องแบบนี้กับมู่กรุ๊ป”
กูจื่อหยานพยักหน้า และกล่าวว่า “คุณคิดว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้ว เจ้าสัวตระกูลโม่จะกลับประเทศไหม?”
“อาจจะ” โม่ถิงเซียวไม่รู้ว่าคิดอะไรออก น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาลง
กูจื่อหยานไม่ได้สนใจถึงรายละเอียดนี้ เขาถามอย่างไม่แน่ใจ “เรื่องนี้ถูกตีแผ่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่ก่อนไม่เคยได้ยินข่าวลือแม้แต่นิดเดียว คุณคิดว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนลงมือทำ?”
ใครลงมือทำล่ะ?
โม่ถิงเซียวสายตาเปล่งประกาย หลังจากนั้นก็มองไปที่กูจื่อหยานด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ไม่บอกคุณ”
กูจื่อหยานเบิกตากว้าง “ดูข่าวแค่คร่าวๆ คุณก็สามารถรู้ว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนลงมือทำเหรอ?”
โม่ถิงเซียวไม่สนใจเขา เปิดคอมพิวเตอร์เข้าเน็ตไปดูข่าวที่เกี่ยวข้องกับมู่กรุ๊ป
กูจื่อหยานไม่ยินยอมและไต่ถามเขาต่อไป “งั้นคุณก็เปิดเผยความลับมาสักหน่อย เป็นคู่แข่งทางด้านธุรกิจที่ลงมือทำใช่ไหม?”
“ไม่ใช่”ครั้งนี้โม่ถิงเซียวตอบกลับตรงไปตรงมา
ในเน็ตก็กำลังด่าว่ามู่กรุ๊ปมากมายเต็มไปทั่วมืดฟ้ามัวดิน ก็ไม่ได้มีแนวความคิดอะไรใหม่
โม่ถิงเซียวดูไม่กี่นาทีก็ไม่ดูอีก
ครั้งนี้เขาพึ่งจะนึกขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้มู่นวลนวลส่งข้อความมาให้เขา
เขาพิมพ์ข้อความส่งกลับไปให้มู่นวลนวล
กูจื่อหยานยังอยากจะถามอะไรอีก โม่ถิงเซียวก็หยิบเสื้อตัวนอกลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
กูจื่อหยานเพิ่งจะเห็นโม่ถิงเซียวกำลังส่งข้อความ เพียงแต่มองไม่เห็นเนื่อหาเท่านั้นเอง
คนที่สามารถทำให้โม่ถิงเซียวส่งข้อความหาได้ มีเพียงมู่นวลนวล
“คุณต้องกลับบ้านไปทานอาหารแล้วเหรอ?วันนี้ผมไม่ได้ขับรถมากลับไม่ได้ ผมโดยสารรถคุณไปที่บ้านคุณด้วย!”กูจื่อหยานเคยทานรสชาติฝีมืออาหารที่มู่นวลนวลเป็นคนทำ ก็โหยหามาโดยตลอด และยังอยากกลับไปทานอาหารที่บ้านโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวหันหน้ากลับมา ปฏิเสธอย่างเย็นชา “ไม่สะดวก ไม่ให้โดยสาร”
“ไม่ต้องเมินเฉยไร้น้ำใจขนาดนั้น ก็แค่ไปทานอาหารบ้านคุณเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อนกันเหรอ!”
โม่ถิงเซียวยังคงปฏิเสธตรงไปตรงมา “ไม่ใช่”
สุดท้าย กูจื่อหยานก็หน้าด้านขึ้นไปนั่งบนรถของโม่ถิงเซียว
……
มู่นวลนวลจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ มองดูด้านบน “โม่เจียเฉิน”ตอบกลับข้อความของเธอ
ด้านบนมีแค่คำที่เรียบง่ายมากๆ“อืม”
ปลอมเป็นคนที่ยากจน มู่นวลนวลรู้สึกว่าเธอมีเจตนาที่จะเพิ่มวีแชทของ“โม่เจียเฉิน”ตัวเธอเองมีธุระก็สามารถติดต่อเขาได้ไม่ต้องส่งข้อความทางวีแชท และไม่ต้องเปลืองเงิน
เธอกำลังใช้เบอร์โทรศัพท์หารายชื่อติดต่อในวีแชท ปรากฏว่าไม่มี “โม่เจียเฉิน”
คนคนนี้ขนาดวีแชทยังไม่เล่น?
มู่นวลนวลวางโทรศัพท์ลง ลุกขึ้นยืนเดินไปที่ห้องครัว
เธอเพิ่งจะหั่นผักเสร็จ ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถดังมาจากด้านนอก
น่าจะเป็น“โม่ถิงเซียว”กลับมาบ้าน
“นวลนวล”
เสียงนี้…
มู่นวลนวลหันหน้ากลับมา ก็มองเห็นกูจื่อหยานเดินยิ้มร่าเริงเข้ามา ในมือยังถือกล่องหนึ่งกล่องที่มีฝีมือละเอียดและงดงาม
ด้านบนมีตราประทับโลโก้ของร้านเค้กร้านหนึ่ง เป็นร้านเค้กที่เซินเหลียงไปอุดหนุนเป็นประจำ
“โธ่ วันนี้ไม่ได้ขับรถไปบริษัท กลับบ้านไม่ได้ ระหว่างทางก็พบกับโม่เจียเฉิน ก็นั่งรถของเขาเข้ามาด้วยอยู่ที่นี้สักหนึ่งคืน ลำบากคุณแล้วที่ต้องทำอาหารเพิ่มเยอะกว่าเดิม นำเค้กมาให้คุณด้วย ด้วยความเคารพนับถือ”
คู่ควรแล้วที่เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทบันเทิง คำพูดนี้สามารถพูดได้ว่าแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ไม่รั่ว
เพียงแต่ เธอถูกกูจื่อหยานเรียกว่า“นวลนวล”ก็ยังไม่เคยชินสักเท่าไหร่
“ขอบคุณค่ะ”
กูจื่อหยานมีรูปร่างหน้าตาดีทำให้คนชอบ และยังมีความสุภาพอย่างนี้ แน่นอนว่ามู่นวลนวลทำได้แค่ยิ้มและรับเค้กเอาไว้
มู่นวลนวลยังจิตใจชั่วร้ายถ่ายรูปเค้กส่งไปให้เซินเหลียง
เซินเหลียงแสดงความรู้สึกส่งสติกเกอร์โกรธกลับมา “เธอไปซื้อเค้กก็ไม่ชวนฉัน!!!”
“กูจื่อหยานเป็นคนซื้อ เหมือนกับว่าเป็นร้านที่คนบางคนไปซื้อที่นั่นเป็นประจำ? ไม่รู้ว่าคนบางคนนั้นจะเคยพบกับเขาไหมนะ
“ส่งสติกเกอร์มีดเล่มใหญ่ที่ยาวสิบเมตร”
มู่นวลนวลไม่ได้แซวเธออีก นึกถึงก่อนหน้าที่กูจื่อหยานพูดว่าต้องการฉลองกับเธอ “จะมาทานอาหารด้วยกันไหม”
“ไม่ไปแล้ว” กูจื่อหยานก็อยู่ เซ็งเหลียวไม่อาจจะมา
……
ในเวลาที่ทานอาหาร สำหรับเรื่องโรงงานมู่กรุ๊ปกูจื่อหยานก็ยังคงไฟสุมขอนอยู่ในใจ ก็ยังเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก
มู่นวลนวลหลบซ่อนด้วยการทานอาหาร ไม่ปริปากพูดสักคำ เงียบสงบราวกับไก่
พูดไปครึ่งค่อนวัน กูจื่อหยานเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามู่นวลนวลคือคนในตระกูลมู่
เขาก็ถามมู่นวลนวลตรงไปตรงมา “นวลนวล เรื่องบริษัทของบ้านพวกคุณจะจัดการอย่างไร?”
นวลนวล?
โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นหรี่ตามองไปที่กูจื่อหยาน “กินซาลาเปาเสร็จแล้วก็ไสหัวไป”
กูจื่อหยานสีหน้าซีดลง เขาไปกวนโมโหคุณชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
มู่นวลนวลคุ้นเคยกับนิสัยที่เอาแน่เอานอนของโม่ถิงเซียวแล้ว เธอส่ายหน้า “ไม่ค่อยรู้ชัดเจน” อย่างไรเสียฉันก็อยู่ในบริษัทมีหน้าที่แค่ทำงานเบ็ดเตล็ด”
เพิ่งจะพูดจบ โม่เจียหลินที่นั่งตรงข้ามกับเธอทันใดนั้นก็หันหน้ากลับมามองเธอ
ด้วยดวงตาดำขลับลึกลับและลึกซึ้ง ยังรั่วไหลความเข้าใจทั้งหมด
ทำไมรู้สึกได้ว่า “โม่เจียเฉิน” คล้ายกับว่าดูออกว่าเธอกำลังโกหก……