มู่หวันฉีนึกถึงเรื่องที่มู่นวลนวลเพิ่งมาทำกับโม่เจียเฉินที่นี่เมื่อสักครู่ พอนึกได้ดังนั้น ในตาของเธอก็ฉายความอิจฉาริษยาขึ้นมาทันที: ” ทำไมเเกยังมายุ่งกับโม่เจียเฉินอยู่อีก? ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองเป็นภรรยาที่มีสามีเเล้วน่ะ? สมน้ำหน้าเเล้วที่โม่ถิงเซียวไม่สนใจใยดีเเก! ”
คำพูดของมู่หวันฉีแทงใจมู่นวลนวลเป็นอย่างมาก
สีหน้าของมู่นวลนวลเปลี่ยนสีไปนิดหน่อย เเต่เธอกลับไม่ยอมเเพ้: ” ต่อให้เขาไม่สนใจใยดีฉัน ฉันก็ยังคงเป็นคุณหญิงของตระกูลโม่อยู่ดี เเต่พี่น่ะ? ถ้ามู่กรุ๊ปล้มละลายไปแล้ว พี่ยังจะเป็นอะไรหรอ? ”
มู่หวันฉีหน้าขาวซีด เธอชี้ไปที่มู่นวลนวล เเละพูดขึ้นเสียงแหลม: ” แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ! ”
ถึงเเม้ว่ามู่หวันฉีจะถูกดูเเลอย่างตามใจจนออกนอกลู่นอกทางไปไกล เเต่เธอก็รู้ดีว่าที่ตัวเองสามารถกำเริบเสิบสานอยู่ข้างนอกได้ถึงทุกวันนี้ ก็เพราะมีมู่กรุ๊ปคอยหนุนหลังไว้อยู่
ถึงเเม้ว่ามู่กรุ๊ปจะไม่ได้เป็นกิจการใหญ่โตอะไรในเซี่ยงไฮ้ เเต่เพราะเริ่มทำมาหลายปีเเล้ว ทำให้มีรากฐานที่มั่นคง เเละยังมีกิจการเก่าเเก่มากมายที่ยังคงร่วมมือกับมู่กรุ๊ปอยู่ จึงทำให้มู่กรุ๊ปมีชื่อเสียงในสายงานนี้อยู่พอสมควร
ในตอนที่เจ้าสัวมู่สร้างมู่กรุ๊ปขึ้นมา ท่านมีน้ำใจเเละเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ต่อให้ท่านจะเกษียณไปอยู่ต่างประเทศได้สิบกว่าปีเเล้ว เเต่กิจการส่วนมากที่อยู่ในเซี่ยงไฮ้ก็ยังคงให้เกียรติมู่ลี่หยานอยู่เสมอ
มู่กรุ๊ปก็พอมีพื้นฐานอยู่บ้าง เเต่ถ้าเทียบกับตระกูลโม่เเล้ว ก็คงเทียบไม่ได้เลยทีเดียว
มู่หวันฉีใช้เงินตามอำเภอใจจนชินเเล้ว เเน่นอนว่าเธอไม่กล้าจินตนาการว่าหลังจากที่มู่กรุ๊ปล้มละลายเเล้ว เธอจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร?
” มาทะเลาะกับฉันตรงนี้ เอาเวลาไปคิดหาวิธีแก้ไขวิกฤตการณ์ของมู่กรุ๊ปดีกว่านะ ” มู่นวลนวลรู้ดี ถึงเเม้ว่าครั้งนี้มู่กรุ๊ปจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก เเต่ก็ไม่ถึงกับล้มละลาย เธอเเค่พูดให้มู่หวันฉีตกใจเล่นเท่านั้นเอง
เดิมที มู่หวันฉีทะเลาะกับมู่ลี่หยาน อารมณ์ก็ไม่ดีอยู่เเล้ว พอได้ยินคำพูดของมู่นวลนวล จึงทำให้เธอหลุดด่าออกมาทันที: ” หญิงสารเลวอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน! ”
มู่นวลนวลกลับไม่รู้สึกโกรธเเม้เเต่นิดเดียว เธอเอียงศีรษะนิดหน่อย หลังจากนั้นเธอก็พูดถามหล่อนยิ้มๆ: ” พี่สาวที่น่ารักของฉัน พี่ไม่รู้หรอว่าบนตัวของเรามีสายเลือดเดียวกันอยู่? ถ้าฉันเป็นหญิงสารเลว เเล้วพี่ล่ะเป็นอะไร? ”
” มู่นวลนวล! ” นอกจากมู่หวันฉีจะอวดดีเเล้ว ยังสามารถพูดได้ว่าเธอไม่มีอะไรถูกต้องเลยด้วยซ้ำ เเม้เเต่ทะเลาะ ก็ยังสู้มู่นวลนวลไม่ได้เลย
มีลูกสาวเเบบมู่หวันฉี มู่นวลนวลก็เริ่มเห็นใจมู่ลี่หยานบ้างเเล้วเหมือนกัน
มู่นวลนวลหมุนตัวเดินออกไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกมู่หวันฉีรั้งไว้เสียก่อน: ” หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ”
มู่หวันฉีใส่ชุดน้อยชิ้น ด้านในเป็นชุดเดรสคอเว้า ด้านนอกเป็นเสื้อกันหนาวที่ดูเเล้วราคาสูงอยู่พอสมควร ส่วนด้านล่างเป็นถุงน่องบางๆกับรองเท้าส้นเเหลม ดูเเล้วเซ็กซี่เลยทีเดียว
พอมีลมพัดมา เสื้อกันหนาวของเธอก็เปิดออก เผยให้เห็นทรวงอกที่กำลังหนาวจนขนลุก……
มู่นวลนวลมองดูนิดหน่อย หลังจากนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะกระชับเสื้อกันหนาวบนตัวของตัวเอง เธอรู้สึกนับถือจิตใจที่เเน่วแน่ของมู่หวันฉีสะจริงๆ
ที่จริงเเล้ว มู่หวันฉีก็รู้สึกหนาวอยู่เหมือนกัน เเต่เธอจะมาเเพ้เพราะท่าทางไม่ได้เด็ดขาด รองเท้าส้นสูงแปดเซนติเมตรที่เธอใส่ ทำให้เธอสูงกว่ามู่นวลนวลนิดหน่อย เเต่ก็ไม่มากเท่าไหร่
เธอยืดคางขึ้น เเละพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง: ” เอาเบอร์โทรศัพท์ของโม่เจียเฉินมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ”
มู่นวลนวลขมวดคิ้วนิดหน่อย เธอสงสัยว่าตัวเองฟังผิด: ” เบอร์โทรศัพท์ใครนะ? ”
เมื่อสักครู่ผู้หญิงคนนี้ยังด่าว่าเธอเป็นหญิงสารเลวอยู่เลย ตอนนี้กลับมาวางมาดขอเบอร์โทรศัพท์ของโม่เจียเฉินจากเธอเสียเเล้ว ตกลงว่าใครหน้าไม่อายกันแน่?
” ก็ต้องเป็นโม่เจียเฉินสิ! ” มู่หวันฉีพูดย้ำอีกครั้ง น้ำเสียงของเธอเริ่มจะทนไม่ไหวเเล้ว: ” เเกมันไร้ประโยชน์ที่ทำให้โม่ถิงเซียวออกหน้าไม่ได้ ฉันจึงต้องคิดหาวิธีเองยังไงล่ะ! ”
เพราะฉะนั้น วิธีที่มู่หวันฉีคิดได้ก็คือไปหาโม่เจียเฉินน่ะหรอ?
มู่นวลนวลยิ้มอย่างเย็นชา: ” ไปขอจากเขาเองสิ ”
” เอ๊ะ เเกนี่ยังไง? ตัวแกไร้น้ำใจไม่คิดจะช่วยมู่กรุ๊ปก็ทีนึงเเล้ว นี่เเม้เเต่เบอร์โทรศัพท์ก็ยังไม่ยอมให้อีก แกอย่าลืมนะว่าแกก็นามสกุลมู่เหมือนกัน! ”
มู่หวันฉีพูดคำพูดประโยคนี้ออกมาได้อย่างเต็มปาก บนใบหน้าไม่มีความละอายใจเเม้เเต่นิดเดียว
รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่นวลนวลลึกขึ้นกว่าเดิม เเต่สีหน้าของเธอกลับเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ เสียงนุ่มนวลของเธอเย็นชาสะจนน่ากลัว: ” ฉันไม่ลืมอยู่เเล้วว่าฉันก็นามสกุลมู่เหมือนกัน ”
ความทุกข์ยากทั้งหมดในครึ่งชีวิตของเธอ เป็นเพราะเธอนามสกุลมู่ เเละล้วนเกิดจากคนที่นามสกุลนี้สร้างขึ้นไว้ยังไงล่ะ
” ฉันจะลืมได้ไงล่ะว่าฉันนามสกุลมู่? ” เสียงของมู่นวลนวลนุ่มนวลขึ้นนิดหน่อย: ” พี่ พี่ต้องการเบอร์โทรศัพท์ของโม่เจียเฉินใช่ไหม ฉันบอกพี่ไม่ได้หรอกนะ เเต่ฉันรู้ว่าเขาชอบไปที่ร้านอาหารจินติ่งบ่อยๆ ”
เบอร์โทรศัพท์ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ต่อให้เธอจะเกลียดโม่เจียเฉินมากขนาดไหน เเต่เธอก็บอกเบอร์โทรศัพท์ของเขาให้กับมู่หวันฉีไม่ได้หรอก
เเต่เธอสามารถบอกเรื่องที่โม่เจียเฉินชอบไปที่ร้านอาหารจินติ่งให้มู่หวันฉีรู้ได้
มู่หวันฉีอาจจะไม่เจอกับโม่เจียเฉิน เเต่ต่อให้เธอเจอเขาจริงๆ โอกาสที่จะทำสำเร็จก็น้อยเกินไป
อันที่จริงถ้าพูดให้เข้าใจก็คือ มู่นวลนวลต้องการเพิ่มความลำบากให้กับโม่เจียเฉิน
ใครใช้ให้เขาหน้าไม่อายแบบนั้นกันล่ะ!
……
เลิกงานตอนเย็น โม่เจียเฉินไม่ได้มารับเธอ
เเต่เป็นซือเย่มารับเธอเเทน
ฝนเริ่มตกตอนพลบค่ำ ท้องฟ้ามืดครึ้ม สีท้องฟ้าก็มืดลงเเล้ว
พอมู่นวลนวลเข้าไปนั่งในรถ เธอก็พูดขึ้นทันที: ” เคยบอกเเล้วไม่ใช่หรอว่าไม่ต้องมารับฉันน่ะ ”
” เป็นคุณชายรองที่ให้ผมมารับคุณหญิงครับ เขาบอกว่าตอนฝนตก มักจะเรียกรถยากครับ ”
ช่วงนี้ซือเย่รู้สึกกังวลนิดหน่อย เขาไม่กล้ามารับคุณหญิงเเล้ว เพราะเขากลัวว่าจะพูดอะไรที่มีพิรุธออกไปต่อหน้าคุณหญิง ถ้าเป็นแบบนั้น เขาก็คงยากที่จะสารภาพกับคุณชาย
มู่นวลนวลมีสีหน้าสงสัย: ” นายหมายถึงโม่เจียเฉินหรอ? ”
หรือที่โม่เจียเฉินบอกไว้ก่อนหน้านั้นว่าเขาจะมารับเธอ เพราะเขารู้อยู่เเล้วว่าคืนนี้ฝนจะตก?
ซือเย่มีปฏิกิริยานิดหน่อย หลังจากนั้นถึงค่อยพูดขึ้น: ” ใช่ครับ ”
ที่จริงเเล้วมู่นวลนวลเป็นคนที่ใจอ่อนมาก พอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนบ่ายเธอเพิ่งจะบอกสถานที่ที่เขาชอบไปให้กับมู่หวันฉี เธอจึงพูดถามขึ้นอย่างขาดความมั่นใจ: ” เเล้วเขาล่ะ? ”
” คุณชายรองไปทำธุระที่ร้านอาหารจินติ่งครับ เขาบอกว่าคืนนี้ไม่ได้กลับไปทานข้าวที่บ้านนะครับ ” ถ้าคุณชายไม่ติดธุระ ก็คงจะมารับคุณหญิงด้วยตัวเองเเล้ว
ใจของมู่นวลนวลกระทบกัน
คงไม่ถึงกับบังเอิญเจอเข้ากับมู่หวันฉีหรอกมั้ง?
ซือเย่เห็นสีหน้ากังวลของมู่นวลนวลจากกระจกส่องหลัง เขาคิดว่าเธอกำลังเป็นห่วงคุณชาย จึงได้พูดขึ้น: ” คุณชายไปจัดการงานราชการนิดหน่อย คงกลับไม่ดึกมากหรอกครับ ”
มู่นวลนวลพยักหน้าอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เเละไม่ได้สนใจชื่อที่ซือเย่ใช้เรียกโม่เจียเฉินเลยสักนิด
เเต่หลังจากที่ซือเย่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ก็เหงื่อไหลท่วมตัวทันที
กลับมาถึงที่พัก ในคฤหาสน์กลับว่างเปล่า
พอมู่นวลนวลเข้ามาในคฤหาสน์ เธอก็มองไปรอบๆอย่างลืมตัว เเละไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมองหาอะไรอยู่กันแน่
เธอขึ้นไปเปลี่ยนชุดอย่างไม่เป็นสุข หลังจากนั้นก็เข้าครัวไปทำอาหาร
โม่เจียเฉินไม่อยู่บ้าน ส่วนเบาะเเสของโม่ถิงเซียวก็เหมือนกับมนุษย์ล่องหน เธอทำเเค่อาหารที่ตัวเองทานก็พอเเล้ว
ตอนทานอาหาร เธอไม่รู้ว่าเอ็นเส้นไหนที่ผิดปกติ เธอก็ได้โทรไปหาเสี่ยวชูเหอ เพื่อสืบว่ามู่หวันฉีได้ไปที่ร้านอาหารจินติ่งหรือเปล่า
” เเม่ เเม่ทานข้าวเเล้วยัง? ” มู่นวลนวลพยายามปกปิดความร้อนใจที่อยู่ในน้ำเสียง
ฟังดูเเล้วน้ำเสียงของเสี่ยวชูเหอมีความประหลาดใจอยู่ไม่น้อย: ” ยัง กำลังจะทาน พ่อกับพี่สาวของแกกำลังคุยธุระกันอยู่ในห้องหนังสือ ฉันรอพวกเขาอยู่น่ะ ”
” อ้อ……อย่างงั้นหรอ ฉันถามเฉยๆน่ะ งั้นฉันไปทานข้าวเเล้วนะ ไว้เจอกันค่ะ ” พอมู่นวลนวลวางสายโทรศัพท์ เธอก็โล่งใจขึ้นทันที
อีกฝั่ง ถึงเเม้ว่าเสี่ยวชูเหอจะรู้สึกว่ามู่นวลนวลโทรมาอย่างกะทันหันไปหน่อย เเต่พอนึกได้ว่าถึงตอนนี้มู่นวลนวลยังคงเป็นห่วงตัวเองอยู่ เธอก็อดไม่ได้ที่จะอารมณ์ดี
เเละในตอนนี้ มู่ลี่หยานกับมู่หวันฉีก็ลงมาจากชั้นบนพอดี
เธอจึงรีบเดินเข้าไปหาพวกเขา: ” รีบมาทานข้าวเถอะ อาหารใกล้จะเย็นหมดเเล้วนะ ”
มู่หวันฉีมองเธอนิดหน่อย: ” ไม่กินเเล้ว หนูจะออกไปข้างนอก ”
เสี่ยวชูเหอเพิ่งสังเกตเห็นว่ามู่หวันฉีเปลี่ยนชุดใหม่ เเถมยังเเต่งหน้าสะสวยอีกด้วย
” ลูกจะไปไหน นี่ก็ตอนกลางคืนเเล้วนะ…… ”
” เเม่ไม่ต้องมายุ่ง หนูก็ต้องออกไปทำธุระสิ ” มู่หวันฉีชำเลืองมองเสี่ยวชูเหอนิดหน่อย หลังจากนั้นเธอก็หยิบกระจกขึ้นมาส่อง เเละรู้สึกพึงพอใจต่อการเเต่งหน้าของตัวเอง
เธอไม่เชื่อว่าโม่เจียเฉินจะปฏิเสธตัวเธอที่เซ็กซี่ขนาดนี้ไปได้หรอก