ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 102 ให้เธอรู้สึกเป็นกังวลสักพัก

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ณ ร้านอาหารจินติ่ง

โม่ถิงเซียวออกมาจากห้องรับรองพิเศษ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาซือเย่

” รับเธอเเล้วหรือยัง? ”

ซือเย่: ” ผมส่งคุณหญิงกลับคฤหาสน์อย่างปลอดภัยเเล้วครับ ”

” อือ ”

พอโม่ถิงเซียววางสายโทรศัพท์ เขาตั้งใจจะไปห้องน้ำสักหน่อย เเต่ตอนหมุนตัว กลับถูกพนักงานที่ถือข้าวหน้าแกงกะหรี่ชนเข้าเสียก่อน

ทำให้น้ำแกงทั้งหมดที่อยู่ในข้าวหน้าแกงกะหรี่กระเด็นใส่ชุดของโม่ถิงเซียว

พนักงานเห็นดังนั้นก็ตกใจไปทันที หลังจากนั้นพนักงานคนนั้นก็รีบพูดขอโทษด้วยร่างกายที่สั่นเทา: ” คุณผู้ชายขอโทษครับ ขอโทษครับ…… ”

คิ้วของโม่ถิงเซียวขมวดเข้าหากันเเน่นเป็นปม เเต่เขาก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรพนักงาน ทำเพียงหมุนตัว เเละเดินจากไป

เป็นถึงเจ้าของร้านอาหารจินติ่งที่อยู่เบื้องหลัง โม่ถิงเซียวมีห้องที่เหลือไว้ที่นี่อยู่ห้องนึง เมื่อก่อน ตอนที่ยังไม่เเต่งงาน เขามาจัดการเรื่องงานที่นี่ บางครั้งทำงานจนดึกเกินไป เขาก็จะพักที่นี่สะเลย

เเต่หลังจากที่เเต่งงานเเล้ว เขาก็เเทบจะไม่ได้มาพักที่นี่อีกเลย

อุปกรณ์อาบน้ำกับเสื้อผ้ายังอยู่ในห้องเหมือนเดิม

เขาเข้าไปในห้อง ถอดชุดออก เเละหมุนตัวกลับไปหาเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้า

สายตาของเขาไปหยุดอยู่บนเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มตัวหนึ่ง เขากำลังยื่นมือออกไปหยิบ กลับรู้สึกว่าด้านหลังมีคนกำลังเข้ามาใกล้ การกระทำของเขาชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็หันศีรษะกลับไปทันที พร้อมยื่นมือออกไปบีบคอของคนที่อยู่ด้านหลัง

” ใคร! ”

สัมผัสที่ละเอียดอ่อนภายใต้ฝ่ามือ พิสูจน์ให้รู้ว่าเป็นผู้หญิง

โม่ถิงเซียวก้มหน้าลง เเละเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย

มู่หวันฉีใส่เพียงชุดเดรสสายเดี่ยวตัวเดียว เธอเเต่งหน้าสวยงาม เเละต่อให้ถูกเขาบีบคออย่างรุนเเรง เธอก็ยังอดทนเพื่อไม่ให้ตัวเองเปลี่ยนสีหน้า เเต่กลับมองเขาอย่างยั่วยวนเสียแทน: ” คุณโม่ไม่รู้หรอคะว่าผู้หญิงทุกคนน่ะบอบบางมาก ต้องดูเเลเอาใจใส่สิคะ? ออกเเรงขนาดนี้ ฉันใกล้จะหายใจไม่ออกเเล้วเนี่ย…… ”

พอพูดจบ เธอก็สงเสียงฮึออกมาอย่างยั่วยวนอีกด้วย

มู่หวันฉีต้อนรับขับสู้กับพวกผู้ชายมาเป็นเวลานาน วิธีการของเธอจึงดูเป็นธรรมชาติ

เเต่วิธีการของเธอใช้ไม่ได้กับโม่เจียเฉิน

เพราะเวลาต่อมาโม่เจียเฉินก็ได้โยนเธอออกไปจากห้อง เขามองเธอด้วยความรังเกียจ สีหน้าของเขาดำทมิฬ: ” มายังไงก็ไสหัวกลับไปอย่างนั้น ”

ครั้งนี้มู่หวันฉีตั้งใจว่าจะต้องชนะให้ได้ เเละเเน่นอนว่าเธอไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ เธอลุกขึ้นจากพื้น เเละคิดอยากจะเข้าไปใกล้โม่เจียเฉินอีกครั้ง

เเต่โม่เจียเฉินเตรียมป้องกันไว้ก่อนเเล้ว เขาขยับไปด้านข้างเล็กน้อย จึงทำให้มู่หวันฉีล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น

โม่ถิงเซียวหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาพนักงานรักษาความปลอดภัย: ” ตรงนี้มีผู้หญิงบ้าคนหนึ่ง ขึ้นมาลากเธอออกไปด้วย ”

พูดเสร็จ เขาก็ปิดประตูห้อง เเละรีบไปเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว

เเน่นอนว่ามู่หวันฉีไม่ยอมที่จะถูกลากออกไปแบบนี้ ตอนที่พนักงานรักษาความปลอดภัยมาถึง เธอก็ดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ: ” เขาเป็นเเฟนของฉัน พวกแกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! ”

พอโม่ถิงเซียวเปลี่ยนชุดเสร็จ เขาก็ออกมาจากห้อง หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่พนักงานรักษาความปลอดภัยอย่างเย็นยะเยือก: ” ทำไมผู้หญิงคนนี้ยังอยู่ตรงนี้อยู่อีก? เรื่องเล็กน้อยเเค่นี้ยังจัดการได้ไม่ดี เห็นทีว่าร้านอาหารจินติ่งคงต้องเปลี่ยนพนักงานรักษาความปลอดภัยเเล้วล่ะ ”

ถึงเเม้ว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยจะไม่รู้ว่าโม่ถิงเซียวเป็นเจ้าของร้านอาหารจินติ่งที่อยู่เบื้องหลัง เเต่พวกเขารู้ว่าคนที่สามารถเปิดห้องที่ร้านอาหารจินติ่งได้เป็นเวลานานนั้น ไม่รวยมากก็มีอิทธิพลมาก เเละเเขกผู้มีเกียรติจำพวกนี้สามารถเสนอให้ผู้จัดการไล่พวกเขาออกได้เลย

พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ใจอ่อนอีกต่อไป พวกเขาพากันลากมู่หวันฉีออกไป ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะโค้งตัวอย่างเคารพนบนอบ เเละพูดขอโทษโม่ถิงเซียว: ” ขอโทษคุณผู้ชายด้วยครับที่ทำให้ตกใจ ”

โม่ถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังจะเดินออกไป อยู่ๆก็ถูกเขาเรียกเอาไว้เสียก่อน: ” พาไปส่งที่สถานีตำรวจ บอกว่าเธอก่อความรบกวนให้กับฉัน ”

พนักงานรักษาความปลอดภัย: ” …… ”

เขาทำงานที่ร้านอาหารจินติ่งมาหลายปี นี่ถือว่าเป็นครั้งเเรกที่เห็นลูกค้าผู้ชายพูดอย่างตั้งใจว่ามีผู้หญิงกระทำ……

เเต่ลูกค้าผู้ชายผู้มีเกียรติท่านนี้พูดอย่างมีหลักการแบบนี้เเล้ว

” ได้ครับ……ผมทราบเเล้วครับ ”

มู่หวันฉีไม่เคยถูกผู้ชายดูถูกเหยียดหยามขนาดนี้มาก่อน เธอจึงดึงมู่นวลนวลมาเกี่ยวด้วยอย่างไม่ยอมเเพ้: ” มู่นวลนวลบอกฉันว่าคุณจะมาที่นี่คืนนี้ เธอจึงให้ฉันมาดักคุณที่นี่ยังไงล่ะ คุณดีกับเธอขนาดนั้น เเต่เธอกลับไม่จริงจังกับคุณเลย…… ”

พนักงานรักษาความปลอดภัยรีบปิดปากมู่หวันฉีอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็รีบพาเธอออกไปทันที

โม่ถิงเซียวสีหน้าดำทมิฬ เขาหรี่ตาลงนิดหน่อย เเละพูดขึ้นเสียงเบา: ” มู่นวลนวล…… ”

พอกลับมาที่ห้องรับรองพิเศษ กูจื่อหยานเห็นว่าเขามีสีหน้าไม่สู้ดีนัก จึงพูดถามขึ้น: ” เกิดอะไรขึ้นหรอ? ”

โม่ถิงเซียวพูดขึ้นเสียงหนักแน่น: ” ร้านอาหารคงต้องเปลี่ยนคนกลุ่มใหม่เเล้วล่ะ ”

พนักงานที่ชนเขาก่อนหน้านั้น คงถูกมู่หวันฉีใช้เงินซื้อมาอย่างเเน่นอน เเละที่มู่หวันฉีรู้ห้องของเขา ก็คงเป็นเพราะหาวิธีใช้เงินซื้อคนพวกนั้นมาจนได้

จุดเด่นของร้านอาหารจินติ่งคือการให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว เเต่ตอนนี้เห็นทีว่าพนักงานในร้านมีหลายคนที่ได้สูญเสียคุณสมบัติขั้นพื้นฐานไปเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว เเละคงต้องกำจัดเเละแก้ไขให้ถูกต้องเสียเเล้ว

ตอนสิ้นสุดมื้ออาหาร กูจื่อหยานเห็นโม่ถิงเซียวยังนั่งนิ่งไม่ไหวติง

ช่วงนี้พอเลิกงาน โม่ถิงเซียวก็มักจะรีบกลับบ้านไม่ใช่หรอ? ต่อให้มีธุระอื่นต้องไปทำ เเต่พอทำเสร็จ เขาก็จะรีบกลับบ้านทันทีนี่นา

กู่จื่อหยานรู้สึกมึนงงนิดหน่อย: ” ทำไมนายยังไม่กลับอีก? ”

” นายกลับไปก่อนเลย วันนี้ฉันไม่กลับบ้าน ” โม่ถิงเซียวพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืน หยิบเสื้อคลุมที่พาดไว้อยู่ที่ด้านหลังของเก้าอี้เเล้วเดินออกไป

กู่จื่อหยานเกาศีรษะของตัวเองเบาๆ หลังจากนั้นเขาก็พูดกับตัวเองอย่างคาดเดา: ” ทะเลาะกันหรอกหรอ? ”

……

มู่นวลนวลทานข้าวเสร็จ ก็กลับมานอนที่ห้องของตัวเอง เธอนอนไม่หลับ เเละพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง

ถึงเเม้จะแน่ใจเเล้วว่ามู่หวันฉีไม่ได้ไปที่ร้านอาหารจินติ่ง เเต่โม่เจียเฉินไม่ได้กลับมา เธอจึงวางใจได้ไม่สุด

เธอมักจะคอยฟังเสียงเครื่องยนต์รถอย่างไม่รู้ตัว

จนกระทั่งเป็นเวลาเที่ยงคืนเเล้ว เธอก็ยังไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถสักที

นั่นหมายความว่าโม่เจียเฉินยังไม่กลับมา

เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างร้อนใจ อยากที่จะโทรไปหาเขาเต็มที เเต่นิ้วมือดันปัดไปปัดมาอยู่บนหน้าจออย่างลังเล สุดท้าย เธอก็ไม่ได้กดโทรออกไป

เธอนึกถึงโม่เจียเฉิน ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ

จนกระทั่งถึงตอนดึก เธอทนต่อไปไม่ไหวเเล้ว จึงหลับไปทั้งอย่างงั้น

วันต่อมา

เมื่อคืนมู่นวลนวลนอนหลับไม่สนิท ตื่นมาตอนเช้าจึงมีสภาพเหมือนผี

เธอลงมาด้านล่าง เเละอดไม่ได้ที่จะถามบอดี้การ์ดที่เฝ้าประตู: ” เมื่อคืนโม่เจียเฉินกลับมาหรือเปล่า? ”

บอดี้การ์ดส่ายหน้า: ” ไม่ได้กลับมาครับ ”

มู่นวลนวลรู้สึกหนักใจนิดหน่อย

ในระหว่างทางที่กำลังไปทำงาน เธอได้รวบรวมความกล้าขึ้น หยิบโทรศัพท์ออกมา เเละโทรหาโม่เจียเฉินในที่สุด

โทรศัพท์ดังอยู่สักครู่ โม่เจียเฉินถึงจะรับสาย

” มีอะไร? ” เสียงของเขาค่อนข้างติดเเหบนิดหน่อย เหมือนคนเพิ่งตื่นอย่างไรอย่างนั้น

เธอนึกถึงเวลาตื่นนอนตามปกติของโม่เจียเฉิน เเละมู่นวลนวลรู้ว่าเขาไม่ได้มีนิสัยที่ไม่อยากลุกออกจากเตียง

” ไม่ ไม่มีอะไร กดผิดน่ะ นายนอนต่อเถอะ…… ” มู่นวลนวลวางสายโทรศัพท์อย่างลุกลี้ลุกลน

เธอกัดริมฝีปาก คงไม่ได้ถูกมู่หวันฉีเล่นงานจนสำเร็จไปแล้วหรอกนะ?

พอคิดว่าโม่เจียเฉินอาจจะอยู่กับมู่หวันฉีในเวลานี้ มู่นวลนวลก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างรุนเเรงทันที ถึงกับรู้สึกเสียดายอยู่นิดหน่อย

อีกฝั่ง พอโม่ถิงเซียววางสายโทรศัพท์ เขาก็ยกยิ้มเบาๆ

อดไม่ได้ที่จะโทรศัพท์หาเขาอย่างนั้นหรอ?

งั้นก็ให้เธอรู้สึกเป็นกังวลสักพักก็เเล้วกัน

โม่ถิงเซียวต่อสายหาคนในร้านอย่างอารมณ์ดี: ” เอาน้ำร้อนมาให้ฉันสักแก้วหน่อยสิ ”

เมื่อคืนเขานอนที่ร้านอาหารจินติ่งโดยไม่ได้เปิดเครื่องทำความร้อน ตื่นเช้ามาจึงเป็นหวัดนิดหน่อย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท