มู่นวลนวลพึ่งจะสังเกตุเห็นมืออีกข้างหนึ่งของโม่ถิงเซียวถือหลอดยาอยู่
ที่จริงเขาแล้วจะทายาให้เธอ
มู่นวลนวลนั่งตัวตรงแต่ถอยหลังหลบนิดๆ “ฉันทาเองดีกว่า”
เธอกลัวโม่ถิงเซียวมือหนักเหมือนครั้งก่อนที่กดหน้าผากเธอ
“นั่งดีๆ!”
โม่ถิงเซียวทำเหมือนไม่ได้ยินที่เธอพูด เย็นชาใส่เธอจากนั้นเธอไม่กล้าพูดอะไรเลย
เขาบีบยาใส่มือแล้วแตะไปที่หน้าผากเธอเบาๆทายาตรงรอบๆรอยนูนเบาๆ มือเขาเบามาก แม้เธอจะเจ็บบ้างแต่ก็อดทนได้
อย่างไรก็ตาม มู่นวลนวลก็รู้สึกระแวงอยู่ดี เธอจ้องไปที่ตาของเขาขนตาที่ยาวเหยียดทำให้เธออดรู้สึกเอ็ดดูเขาไม่ได้
สีหน้าโม่ถิงเซียวก็เริ่มอบอุ่นขึ้น
“ครั้งหน้าห้ามไปร้านเหล้ากับเซินเหลียงอีก”
คนที่มีเรื่องกับพวกเธอวันนี้เขาไม่รู้จัก แต่เขารู้ดีว่าวงการบันเทิงน่ากลัวแค่ไหน เพื่อที่จะให้ตนเองโดงดังอาจจะขาดสติแล้วทำเรื่องบ้าๆลงไปก็ได้ใครจะไปรู้
โชคยังดีที่ผู้หญิงโง่คนนี้โทรหาเขา
มู่นวลนวลไม่ค่อยชอบน้ำเสียงของเขาในตอนนี้ : “วันนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น”
โม่ถิงเซียวทายาให้เธอเสร็จแล้วเช็ดมือ : “ประสบอุบัติเห็น โดนปล้น มีเรื่องไหนที่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่คาดคิดบ้าง?”
“………” เรื่องพวกนี้เกี่ยวอะไรกัน?
มู่นวลนวลพูดไม่ออก
โม่ถิงเซียวไม่ต้องการคำตอบจากเธอ เข้าได้กลิ่นเหล้าจากตัวเธอแล้วพูด : “ไปอาบน้ำ”
……….
เช้าวันรุ่งขึ้น
มู่นวลนวลตื่นขึ้นมาส่องกระจกดูหน้าผากก็พบว่า เมื่อคืนโม่ถิงเซียวทายาให้เธอแล้วทำให้รอยนูนลดลงเยอะมาก แต่ยังมีรอยช้ำอยู่
วันนี้ไม่ต้องแต่งหน้า
ลงจากตึกไปทานข้าวก็พบว่าอาหารได้เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
โม่เจียเฉินและโม่ถิงเซียวนั่งรอเธอที่โต๊ะอาหาร
โม่เจียเฉินลากเก้าอี้ออกให้เธอนั่ง : “สวัสดีตอนเช้าครับพี่นวลนวล”
พอได้รู้จักโม่เจียเฉินมาสักพัก เธอก็รู้สึกว่าโม่เจียเฉินก็ไม่เลวนัก แค่บางครั้งแอบดื่ออยู่บ้าง
เธอกำลังจะเดินไปนั่งแต่กลับได้ยินเสียงเก้าอี้ฝังโม่ถิงเซียงดังขึ้น
หันกลับไปดูก็เห็นว่าโม่ถิงเซียวลากเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างๆออกให้เธอนั่งเหมือนกัน
ท่าทีของโม่ถิงเซียวชัดเจนมากว่าอยากให้เธอไปนั่งข้างๆ
มู่นวลนวลยิ้มมุมปาก เช้าๆแบบนี้โม่ถิงเซียวคิดอยากจะแข็งกับเด็กหรอ เขากินยาผิดตัวหรือเปล่า
โม่เจียเฉินสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โม่ถิงเซียวทำน่าบึ่งตึง มู่นวลนวลไม่ลังเลที่จะเดินไปนั่งเก้าอี้ของโม่เจียเฉิน
พอมู่นวลนวลนั่งลง ก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารแปลกไป
เธอและโม่เจียเฉินมองหน้ากันแล้วตั้งหน้าตั้งตาทานข้าว
อารมณ์ของโม่ถิงเซียวนี้แปลกจริงๆ
………….
กินข้าวเช้าเสร็จ โม่ถิงเซียวออกรถไปก่อนส่วนมู่นวลนวลและโม่เจียเฉินก็นั่งรถอีกคันออกไป
พอถึงมู่กรุ๊ปมู่นวลนวลลงจากรถ คนขับรถก็ขับรถออกไป เธอหังหลังจะเดินขึ้นตึกกลับมีเสียงผู้หญิงเรียกเธอ : “คุณมู่”
มู่นวลนวลหันกลับมามองก็เจอผู้หญิงที่แต่งตัวดูดียืนอยู่ข้างหลัง
“สวัสดีค่ะ คุณคือ………” มู่นวลนวลมั่นใจว่าไม่รู้จักเธอ
ดูจากภายนอกเธอเป็นคนที่น่าเกรงขาม : “ฉันคือเอเจนซี่ของซือเฉิงยวี่ ซู่จวิน”
แม้ว่ามู่นวลนวลไม่เคยเจอเธอ แต่ว่า “ซู่จวิน”ชื่อนี้เธอรู้จัก
ซู่จวินเป็นนักปั้นมือทองในวงกานบันเทิง ซือเฉิงยวี่เธอก็ปั้นมาเองกับมือ ฉลาดและมีความสามารถ ผู้คนต่างชื่นชมเธอ
ซู่จวินเห็นสีหน้าของมู่นวลนวลก็พอเดาได้ว่ามู่นวลนวลรู้ว่าเธอเป็นใคร ฉนั้นเธอไม่ได้อธิบายอะไรมาก พูดตรงๆว่า : “ซือเฉิงยวี่มีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“ซือเฉิงยวี่?”
ซู่จวินพยักหน้า : “ใช่! คุณตามฉันมา”
ซู่จวินพามู่นวลนวลไปที่รถพี่เลี้ยง
ประตูเปิดออกก็เห็นซือเฉิงยวี่
เขายิ้ม : “ผมมีเรื่องจะถามคุณแต่ไม่รบกวนเวลาคุณมาก”
“ได้ค่ะ เรื่องอะไรคะ”
ซือเฉิงยวี่เป็นคนมีชื่อเสียง จะเปิดประตูรถคุยกันไม่ค่อยดีเท่าไร เธอจึงขึ้นไปคุยในรถ
พอเธอนั่งลง ซือเฉิงยวี่ก็ถาม : “มู่หวันฉีคือพี่สาวคุณหรอ?”
“ใช่” มู่นวลนวลตกใจเล็กน้อย: “ถามถึงเธอทำไม”
ซือเฉิงยวี่ไม่ได้ตอบคำถามเธอแล้วถามอีกว่า : “บริษัทของพวกคุณมีปัญหาก็เลยอยากให้ผมมาเป็นนายแบบรับรองสินค้าให้หรอ?”
มู่นวลนวลแปลกใจ : “คุณรู้ได้อย่างไร?”
ท่าทางของเขาดูอบอุ่นมาก พูดเหมือนพอใจ : “คุณแค่ตอบผมมาว่าใช่ไหม?”
“………ใช่” มู่นวลนวลเดามู่หวันฉีคงทำอะไรบ้าๆลงไป ซือเฉิงยวี่ถึงได้รู้เรื่องนี้
มู่นวลนวลอธิบาย : “เรื่องนี้เป็นเพียงแค่คนในบริษัทเสนอขึ้นมาเท่านั้น ฉันรู้ว่าคุณไม่……….”
ซือเฉิงยวี่ที่กำลังฟังเธออธิบายก็พูดตัดบทเธอ : “ถ้าคุณอยากให้ผมทำผมจะลองดู”
ลองดูหรอ?
สีหน้ามู่นวลนวลแสดงออกมาทันทีว่าไม่อยากจะเชื่อ ซือเฉิงยวี่เขาหมายความว่าอย่างไร?
สิ่งที่เขาพูดคือถ้าเกิดว่ามู่นวลนวลพูดออกไปว่าให้เขาช่วยเขาก็เต็มใจช่วย?
สักครู่มู่นวลนวลก็เข้าใจ ซือเฉิงยวี่พูดแบบนี้คงเป็นเพราะเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับโม่ถิงเซียว
“คุณไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ มู่กรู๊ปมีปัญหาครั้งนี้ก็เพราะเราทำไม่ถูก อีกอย่างมันอาจกระทบต่อชื่อเสียงของคุณ” เธอรู้สึกขอบคุณซือเฉิงยวี่มาก แต่เธอมิอาจดึงเขาลงมาให้ลำบากด้วย
ซือเฉิงยวี่หัวเราะ ท่าทางที่อ่อนโยนของเขาชวนให้หลงใหล
เขาจ้องมองไปที่มู่นวลนวล : “ไม่ใช่เพราะถิงเซียวหรอก เพราะคุณผมถึงมาที่นี้ ถ้าคุณต้องการผมผมจะช่วยคุณ สำหรับผมแล้วชื่อเสียงไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”
รอยยิ้มในดวงตาของเขาไม่ได้หายไป แต่สายตาของเขามีสมาธิมากราวกับมองไปที่หมู่นวลนวลและในขณะเดียวกันก็เหมือนมองไปที่คนอื่นโดยผ่านมู่นวลนวล
ไม่ว่าเขาจะมองใคร คำพูดของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนคิดมาก