มู่นวลนวลนั่งรถไปที่ชุมชนที่ซือเฉิงยวี่อาศัยอยู่
พอไปถึงเธอก็โทรหาซือเฉิงยวี่
ซือเฉิงยวี่รับโทรศัพท์เร็วมาก เขาพึ่งออกกำลังกายเสร็จ : “รอผมห้านาที”
พอถึงห้านาทีซือเฉิงยวี่ก็ออกมาจริงๆ
เขาใส่ชุดออกกำลังกายสีดำ ผมชุ่มเหงือและรอยยิ้มที่อบอุ่นราวกับพี่ชายข้างบ้าน
ก่อนที่เขาจะมองไปที่มู่นวลนวล เขายิ้มอย่างมีความสุข
เขาโบกมือให้กับมู่นวลนวล: “นวลนวล ตามผมมา”
หลังจากนั้นดูเหมือนเขาจะรู้ตัวว่าเรียกผิดและถามเธออย่างขอโทษเล็กน้อย: “คุณเรียกผมว่าพี่ใหญ่เหมือนกับถิงเซียว ผมเรียกคุณว่านวลนวลได้ไหม”
มู่นวลนวลได้ยินเช่นนั้นก็อึดอัดเล็กน้อย: “……..ได้ค่ะ”
ซือเฉิงยวี่พาเธอไปที่บ้าน เข้าประตูบ้านแล้วหยิบร้องเท้าแตะให้กับเธอ ร้องเท้าแตะเป็นร้องเท้าที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง
“รกหน่อยนะ คุณป้าทำความสะอาดอาทิตย์นี้ที่บ้านมีเรื่องมาทำให้ไม่ได้ ผมก็ยุ่งมากไม่มีเวลาทำ” เขาเดินเข้าไปในบ้านพร้อมอธิบายให้เธอฟัง
จริงๆแล้วบ้านเขาเป็นระเบียบมาก เพียงแต่ว่าว่างของไม่ค่อยเป็นระเบียบ
มู่นวลนวลแอบยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
ซือเฉิงยวี่พาเธอไปนั่งที่โซฟาแล้วเทน้ำให้เธอ : “เมื่อก่อนผมไปอยู่ที่ต่างประเทศบ่อยๆ ที่บ้านไม่ค่อยมีของอะไร ตอนนี้มีแค่น้ำ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ”
มู่นวลนวลและซือเฉิงยวี่ไม่ค่อยสนิทกัน ตอนนี้เธอมาอยู่ที่บ้านเขาก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เธอดื่มน้ำ ก็เริ่มคุยงานกับเขา: “คุณรับเป็นนายแบบสินค้าให้กับมู่กรุ๊ป?”
“ใช่ รับแล้ว แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา” ซือเฉิงยวี่นั้งลงตรงข้ามเธอ ยิ้มอย่างอบอุ่น: “มู่กรุ๊ปให้คุณมาคุยเรื่องสัญญากับผมหรอ?”
“ใช่ค่ะ” มู่นวลนวลยิ้มแล้ววางแก้วน้ำลง: “คุณจะเป็นนายแบบรับรองสินค้าให้กับมู่กรุ๊ปจริงๆหรอ?”
“ไม่แน่ใจ ฉนั้นพวกเขาเลยส่งคุณมาคุยกับผม” ซือเฉิงยวี่ดูสบายๆท่าทีของเขาเหมือนกับโม่ถิงเซียวมาก
มู่นวลนวลคิด เป็นลูกพี่ลูกน้องกันทำไมหน้าตาจะเหมือนกันขนาดนี้?
“อย่างไรก็ตามดูเหมือนคุณจะไม่เห็นด้วยอย่างมาก” ดวงตาที่ยิ้มของซือเฉิงหยี่มีความเฉลียวฉลาดซ่อนอยู่
เมื่อมู่นวลนวลเห็นเขาพูดตรงๆเธอก็อธิบาย: “ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เห็นด้วยแม้ว่าฉันจะเป็นคนในตระกูลมู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่างานนี้จะมีผลต่ออาชีพการแสดงของคุณ ก่อให้เกิดอิทธิพลที่ไม่ดี”
ซือเฉิงยวี่ถอยหลังพิงโซฟาแล้วหรี่ตาคิดอะไรสักอย่าง ช่างเหมืนกับโม่ถิงเซียวจริงๆ
แต่น้ำเสียงของเขาไม่เหมือนกับน้ำเสียงของโม่ถิงเซียวที่เย็นชา น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและอบอุ่น : “คุณดีกับทุกคน?”
“…………” มู่นวลนวลพูดไม่ออก
เขาเก็บสีหน้าที่มีแต่รอยยิ้ม พูดอย่างจริงจัง : “อย่าดีกับคนอื่นจนเกินไป เดี๋ยวจะโดนโม่ถิงเซียวรังแก”
มู่นวลนวลรู้สึกว่าวันนี้ซือเฉิงยวี่พูดเยอะเกินไปแล้ว
ซือเฉิงยวี่พูดถึงโม่ถิงเซียว จากที่เหม่อลอยอยู่ก็ตอบสนองกลับมา
“เสี่ยวเฉินก็กลัวเขา เขาชอบรังแกคนอื่นหรอ?” มู่นวลนวลเกิดความอยากรู้อยากเห็น
ซือเฉิงยวี่พูด “ก็ไม่เชิง อย่างน้อยตอนที่เขาอายุ11ปีเขาเป็นเด็กดีมากไม่ดื่อไม่ซน”
ไม่ดื่อไม่ซน
ใช้คำนี้มาพรรรนณาโม่ถิงเซียวไม่ได้จริงๆ
…………
พอถึงเวลากลับเธอพึ่งนึกขึ้นได้ว่า ที่มาวันนี้คือมาคุยเรื่องสัญญา แต่ทั้งสองคนกลับคุยเรื่องอื่นไม่ได้นึกถึงเรื่องสัญญาเลย
มู่นวลนวลทำอะไรไม่ถูกแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา
เขาคิดตลอดว่าซือเฉิงยวี่รับงานนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ต้องลองสักตั้ง ถ้าไปไม่รอดค่อยว่ากัน
ตอนบ่ายเธอไม่ได้เข้าไปที่บริษัท เพราะถึงจะเข้าไปก็ไม่มีอะไรทำ
เธอโทรเรียกเซินเหลียงออกมาดื่มกาแฟ
มู่นวลนวลพูดเรื่องที่ซือเฉิงยวี่รับเป็นนายแบบรับรองสินค้าให้มู่กรุ๊ปให้เธอฟัง เธอตกใจมาก
ปฏิกริยาของเซินเหลียงคือไม่เชื่อ : “จะเป็นไปได้อย่างไร? เธอโกหกฉันหรือเปล่า?”
“วันนี้ฉันไปหาเขา เขาตอบตกลง” มู่นวลนวลใส่น้ำตาลลงในแก้วกาแฟ: “แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา”
เซินเหลียงที่กำลังอ่านเวยป๋ออยู่ ฟังเธอพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมองเธอ มองเสร็จก็มองโทรศัพท์ ทันใดนั้นเธอก็เจอเข้ากับข่าวร้อนของวันนั้น
เขาอ่านออกเสียง: “มีบริษัทหนึ่งขณะนี้กำลังมีปัญหา พวกเขาได้ข่มขู่ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังให้มาเป็นนายแบบรับรองสินค้าให้กับบริษัท……..”
มู่นวลนวลได้ยินเช่นนั้นก็คิดว่า ข่าวในเวยป๋อนั้นกำลังพูดถึงมู่กรุ๊ป
มู่นวลนวลยื่นมือขอโทณศัพท์จากเซินเหลียง : “ให้ฉันดูหน่อย”
มู่นวลนวลขมวดคิ้วลึกขึ้นแล้วอ่านความคิดเห็นที่ร้องแรงอยู่ขณะนั้น
“พวกคุณยังจำเรื่องที่โรงงานของมู่กรุ๊ปป่วนเมื่อครั้งก่อนได้ไหม ฉันสงสัยว่าจะเป็นมู่กรุ๊ป”
ข้างล่างมีความคิดเห็นเหมือนกันอีกเยอะ
“แต่ว่า ซุปเปอร์สตาร์ที่โดนข่มขู่คนนั้นคือใคร?”
“หากบริษัทที่ผลิตของใช้ประจำวันสามารถระงับข่าวทางอิเตอร์เน็ตได้ในระยะเวลาสั้นๆ แสดงว่าพวกเขามีแบ็คหลังที่แกร่ง ถ้ามีแบ็คหลังที่แกร่งและจะข่มขู่ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังมาเป็นนายแบบรับรองสินค้าให้ แน่นอนว่าต้องหาคนที่มีฐานแฟนคลับแน่นและเยอะ และมีผลกระทบเยอะที่สุดต่อตัวซุปเปอร์สตาร์! ช่วยบอกฉันดังๆหน่อยว่าซุปเปอร์สตาร์คนนี้คือ………”
“ซือเฉิงยวี่!”
“ข้างบนบวก1”
“แน่นอนว่าเป็นซือเฉิงยวี่!”
“………..”
ความคิดเห็นช่วงแรกมีประโยชน์ให้เราคิดตาม แต่หลังๆเริ่มเป็นการด่า
มู่นวลนวลคืนโทรศัพท์ให้กับเซินเหลียง เอาโทรศัพท์ตนเองออกมาเปิดเวยป๋อแล้วเข้าดูความคิดเห็นในเวยป๋อของมู่กรุ๊ป
เธอเปิดเข้าไปดูเห็นว่าเวยป๋อของมู่กรุ๊ปโพสข้อความ: [หวังว่าซุปเปอร์สตาร์ซือจะร่วมทำงานกับเรา]
เพราะเรื่องครั้งก่อนเวยป๋อของมู่กรุ๊ปจึงปิดไม่ให้ใครเข้ามาเขียนความคิดเห็น
แต่ตอนนี้เวยป๋อของเธอกำลังจะระเบิด เพราะมีผู้คนมากมายเข้ามาด่ามู่กรุ๊ปในเวยป๋อของเธอ
“เฮอะ! ซุปเปอร์สตาร์ของเราไปรับงานขยะแบบนั้นได้อย่างไร? ตลกจริงๆ”
“ครั้งก่อนของแบรนด์XXระดับนานาชาติเขายังปฏิเสธเลย เรื่องอะไรถึงรับงานจากบริษัทนี้? พวกคุณทำอะไรกับซือเฉิงยวี่ ทำไมถึงข่มขู่เขา?”
“รีบๆล้มละลายเถอะ!”
“…………”
เซินเหลียงเข้ามาดูโพสของมู่กรุ๊ป
ถามมู่นวลนวล : “เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญไหม?”
“ฉันไม่เชื่อ” เธอโมโหแล้วส่ายหน้า
ฝังซือเฉิงยวี่พูดว่าจะรับรองสินค้าให้เอง มันเป็นเพียงแค่เกมตั้งแต่แรก
และมู่นวลนวลก็เข้าใจอย่างโจ่งแจ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่ใช่ว่ามีเจ้าสัวโม่อยู่หรอ?
คำที่โม่ถิงเซียวเคยพูดทันใดขึ้นก็ผุดขึ้นมาในหัวของมู่นวลนวล