โม่ถิงเซียวโอบกอดด้วยแขนทั้งสองข้าง ชำเลืองมองอย่างเย็นชาและไม่พูดอะไร
กูจื่อหยานซื่อๆตั้งแต่เด็ก เพื่อนอะไรสามลัทธิเก้าอาชีพ แน่นอนว่าเขาว่ารู้ว่าในเหล้ามีอะไร
ดั้งนั้นเมื่อคืนเขาจงใจให้โม่ถิงเซียวดื่มเหล้าแก้วนั้น
แม้ว่าโม่ถิงเซียวจะระมัดระวังตัวมาก แต่กับกูจื่อหยานนั้นเขาไม่ได้เตรียมป้องกันมากนัก ดังนั้นจึงทำให้เกิดเรื่องอย่างนี้
กูจื่อหยานใจฝ่อ:“เอาเถอะ ฉันยอมรับ ฉันรู้ว่าเหล้าแก้วนั้นมีปัญหา……”
“จะกลับไปคิดบัญชีให้คุณ” โม่ถิงเซียวขัดจังหวะเขาอย่างเย็นชาและหันกลับไปที่ห้อง
กูจื่อหยานได้ยินอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกเย็นๆที่คอ ทำสิ่งที่ดียังจะต้องมาสะสาง?
ตอนนี้เขากำลังรีบวิ่งไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทันไหม
โม่ถิงเซียวเดินไปที่ประตู และพบว่าประตูปิดไม่สนิทเปิดแง้มอยู่
ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาออกไป ก็ปิดประตูสนิทดีแล้ว และยังได้ยินเสียงประตูล็อกด้วย
ผลักประตูเข้าไป เขาก้มหัวลงและเห็นรองเท้าแตะข้างประตู
แอบฟังก็ไม่รู้ว่าจะเป็นการปิดบังความผิดไหม?
โม่ถิงเซียวหยิบรองเท้าแตะและวางไว้ข้างเตียง จากนั้นก็หันไปหยิบเสื้อผ้าจากในตู้แล้วเข้าไปในห้องน้ำ
เมื่อได้ยินเสียงปิดประตู มู่นวลนวลก็โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม
มีเสียงน้ำหยดลงปรอยๆดังออกมาจากในห้องน้ำ มู่นวลนวลลงจากเตียงด้วยความปวดเมื่อย หยิบเสื้อผ้าที่ถูกโยนทิ้งลงบนพื้นขึ้นมาใส่ และถือรองเท้าเดินออกไปอย่างเบาๆ
เมื่ออกมาถึงปากประตู เธอก็สวมรองเท้า และวิ่งหนีไป
……
มู่นวลนวลออกจากลิฟต์ก็เห็นกูจื่อหยานกับฟู่ถิงซี
ฟู่ถิงซีนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสงบ และกูจื่อหยานก็ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เขาส่ายหัวและโบกมือเหมือนกำลังบ่นกับฟู่ถิงซี
เมื่อตะกี้อยู่ในห้อง เธอได้ยินตอนที่โม่ถิงเซียวกับกูจื่อหยานคุยกัน
เซินเหลียงไม่อยากจะสนใจกูจื่อหยาน แน่นอนว่าต้องมีสาเหตุ
ถ้าเธอเป็นเซินเหลียง เธอก็ไม่อยากจะสนใจกูจื่อหยาน
แม้ว่านิสัยของโม่ถิงเซียวจะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายไม่แน่นอน แต่อย่างเขาก็เปิดเผยและเที่ยงตรงกว่ากูจื่อหยาน
มู่นวลนวลเดินผ่านไปอย่างเงียบๆ บังเอิญได้ยินกูจื่อหยานพูด:“ฉันคงจะติดหนี้คุณชายโม่ในชาติที่แล้ว ดังนั้นชาตินี้เลยต้องมาชดใช้ให้เขา เห็นชัดๆว่าเขาเป็นประธานบริษัทShengding Media หากมีเรื่องอะไรเขาแค่สะบัดแขน ฉันก็กระเด็นออกจากบริษัทโดยที่ฉันไม่สามารถต่อต้านได้ ถ้าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนฉันก็แค่หวังดี ในใจเขาไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้างเลยหรอ?ฉัน……”
เขาพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็สังเกตเห็นสายตาของฟู่ถิงซีที่อยู่ข้างหลัง:“คุณมองอะไรอ่ะ?”
กูจื่อหยานมองตามสายตาของฟู่ถิงซี และหันไปมองข้างหลังเมื่อเขาเห็นมู่นวลนวลก็ตกใจมากแล้วพูดว่า:“คุณ……ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”
มู่นวลนวลเอียงหัว สีหน้าเย็นชาของเธอค่อนข้างเหมือนกับโม่ถิงเซียว:“ผ่านมา คุณพูดต่อเถอะ”
กูจื่อหยานจะกล้าพูดได้ยังไง เขาสามารถบอกโม่ถิงเซียวและฟู่ถิงซีได้ว่าเมื่อคืนเขาเรียกมู่ถิงนวลมาเพื่อช่วยโม่ถิงเซียว
แต่อยู่ต่อหน้ามู่นวลนวล เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมาเช่นนั้น
“ไม่มี……ไม่มีอะไรจะพูด ฉันก็แค่……” กูจื่อหยานจ้องมองมู่นวลนวลอย่างเย็นชา และคิดว่าร่างกายเธอมีตรงไหนที่ผิดปกติบ้าง
ฉันเชื่อเรื่องความชั่วร้าย ครั้งก่อนที่ฉันเจอมู่นวลนวล ยังคิดว่าเธอน่าจะเป็นผู้หญิงที่มีอารมณ์ดี
แต่ตอนนี้เขามองเธออย่างเย็นชา และเขารู้สึกได้ถึงเงาของโม่ถิงเซียวบนร่างของเธอ ทำให้เขารู้สึกรำคาญโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ประธานบริษัท Shengding Media?โม่ถิงเซียว?” มู่นวลนวลเลิกคิ้ว:“ดังนั้น จดหมายการสอบสัมภาษณ์ที่Shengding Media ส่งมาให้ฉัน ก็เป็นความคิดเห็นของโม่ถิงเซียว?”
กูจื่อหยานรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี เขาพยักหน้าและหลังจากนั้นก็รีบส่ายหน้า:“ไม่……ไม่ใช่ เป็นความคิดเห็นของฉัน!”
มู่นวลนวลพูดเบาๆว่า:“อ่อ ฉันเข้าใจ”
พูดจบแล้วเธอก็หันหลังเดินจากไป
กูจื่อหยานมองดูเธอจากไป และถามฟู่ถิงซี:“ทำไมฉันรู้สึกว่าเรื่องมันจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว?”
“อืม” ฟู่ถิงซีพยักหน้าเห็นด้วย
สีหน้าของกูจื่อหยานทรุดลง และเขาก็อยู่ในสภาพที่แย่
“ฉันไปก่อนนะ ฉันจะกลับไปเก็บกระเป๋า” กูจื่อหยานก็ลุกขึ้น และกำลังจะหนีออกไปข้างนอก
ขณะที่เขากำลังจะก้าวขาก็ได้ยินเสียงโม่ถิงเซียว:“เห็นมู่นวลนวลไหม?”
ฟู่ถิงเซียวตอบว่า:“เธอเพิ่งไปตะกี้”
กูจื่อหยานหันกลับมา โม่ถิงเซียวก็เงยหน้าขึ้นเห็นเขาเข้าพอดี
กูจือหยานใจฝ่อและพูดติดอ่าง:“ถิง……ถิงเซียว”
“กลัวอะไร?ฉันไม่คิดบัญชีกับคุณหรอก คำพูดพวกนั้นเอาไว้ให้มู่นวลนวลฟัง” โม่ถิงเซียวมีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า:“กลับไปฉันจะเลี่ยงเหล้านาย”
“……” กลัวว่ากลับไปโม่ถิงเซียวไม่เพียงแต่จะเลี้ยงเหล้าเขา แต่กลัวว่าจะฆ่าเขาด้วย
โม่ถิงเซียวคิดจะเดินตามมู่นวลนวลไป
แต่คิดๆดูแล้ว ถึงแม้ว่าเมื่อคืนทั้งสองทำสิ่งที่ใกล้ชิดกันที่สุด แต่ก็เป็นครั้งแรกของมู่นวลนวล ก็เป็นปกติที่จะต้องเขินอาย
ถ้าเขาตามไปตอนนี้ ไม่แน่เธออาจจะอยากเจอเขา
ดังนั้นเขาจึงหันกลับไปมองกูจื่อหยาน:“ไปบริษัทกัน”
“ไม่ต้อง ฉันยังไม่ได้กินข้าว”
โม่ถิงเซียวพยักหน้า:“ฉันก็ยังไม่ได้กิน ไปกินด้วยกัน”
กูจื่อหยาน:“……” เขาแค่อยากจะหนีเท่านั้น
……
เมื่อหมู่นวลนวลกลับมาถึงคฤหาสน์ ก็ยังเป็นเวลาเช้าอยู่
เมื่อคืนเธอไม่ได้นอน เธอรู้สึกเหนื่อย แต่ไม่งาวงเลยสักนิด
ตอนที่กำลังจะขึ้นไปชั้นบนก็เจอกับโม่เจียเฉินที่สะพายกระเป๋าจะลงไปชั้นล่าง
โม่เจียเฉินหาวและมองไปที่มู่นวลนวลด้วยความประหลาดใจ:“เอ๊ะ พี่นวลนวล เมื่อคืนคุณออกไปข้างนอกหรอ?”
“ใช่ ออกไปหาเพื่อน เขามีเรื่องนิดหน่อย” สีหน้าของมู่นวลนวลดูไม่เป็นปกติ
โม่เจียเฉินคิดว่าเธอกลัวโม่ถิงเซียวจะรู้ว่าเธอไม่กลับมาทั้งคืน ดังนั้นเขาจึงตบที่หน้าอกตัวเองเพื่อเป็นการรับรอง:“วางใจได้ ฉันจะไม่บอกพี่ชาย ถึงอย่างไรพวกเราก็ลงเรือลำเดียวกัน!”
“ใช่ นายรีบไปเรียนเถอะ”
มู่นวลนวลวิ่งเข้าไปในห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว
เธอหยิบเสื้อผ้าของเธอเข้าไปในห้องน้ำ มองดหน้าซีดขาวของตัวเองในกระจก ทันใดนั้นหน้าของเธอก็แดง
เรื่องที่เธอวู่วามที่สุดในชีวิตก็คือเมื่อคืน……
ในสมองของเธอมีแต่คำพูดของกูจื่อหยาน
ถึงอย่างไรโม่ถิงเซียวก็เป็นประธานบริษัทที่อยู่เบื้องหลังของ Shengding Media
Shengding Media ในระยะเวลาสั้นๆสิบปีนี้ กลายเป็นผู้นำของการบันเทิง
แต่ปีนี้โม่ถิงเซียวเพิ่งจะอายุยี่สิบปีเท่านั้น
ถ้าหากไม่ได้ยินคำพูดของกูจื่อหยาน จนถึงตอนนี้เธอก็คงไม่รู้ว่าโม่ถิงเซียวเป็นประธานบริษัทที่อยู่เบื้องหลังของ Shengding Media
เขามีความลับซ่อนอยู่มากมาย เป็นผู้ชายที่ลึกล้ำจนน่ากลัว
การตัดสินใจของเธอเมื่อคืน……วู่วามเกินไป?
……
เมื่อคืนมู่นวลนวลไม่ได้นอน สีหน้าของเธอไม่ค่อยดี เธอแต่งหน้าแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปที่มู่กรุ๊ป
ระหว่างทางเธอนึกถึงบทสนทนาออนไลน์เมื่อวานนี้
มู่กรุ๊ปเรียกประชุมเมื่อวานต้องเป็นเรื่องด่วนแน่ๆ
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของซือเฉิงยวี่ เกรงว่ามันจะไม่ง่ายเลยที่จะหาทางออก
บางทีเรื่องนี้ อาจจะต้องให้มู่ลี่หยานเชิญเจ้าสัวมู่กลับมาประเทศจีน