ทันทีที่เข้ามาในมู่กรุ๊ป มู่นวลนวลรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดของบริษัท
เธอพบกับมู่หวันฉีที่โต๊ะกาแฟ
ดวงตาของมู่หวันฉีแดงก่ำและเห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนเธอนอนไม่หลับ
เมื่อเธอเห็นมู่นวลนวลเธอก็เหยียบลงบนรองเท้าส้นสูงและเดินเข้าไปหาเธอ:“เธอต้องการทำลายมู่กรุ๊ปให้พังย่อยยับใช่ไหม?ตั้งแต่ที่เธอเข้ามา ไม่เคยมีเลยสักวันที่มู่กรุ๊ปจะสงบสุข”
มู่นวลนวลไม่พูดอะไร
เธอเกิดในตระกูลมู่ มีสักวันไหมที่เธอจะสงบสุข?
เธอถูกบังคับให้แต่งงานเข้าตระกูลโม่ มีวันไหมบ้างที่เธอสงบสุข?
“ฉันไม่ได้ต้องการที่จะทำลายมู่กรุ๊ป ฉันคิดว่าฉันยังไม่มีความสามารถมากขนาดนั้น มู่กรุ๊ปก่อตั้งขึ้นโดยคุณปู่ เป็นธุระกิจที่สร้างแบรนด์อย่างมีคุณธรรมมาหลายสิบปี ในตอนนี้กลายเป็นอย่างนี้แล้ว ในใจคุณไม่ได้คำนวณดูหรอ?”
มู่นวลไม่รู้เรื่องการบริหารธุรกิจมากนัก แต่เธอรู้สถานการณ์โดยทั่วไปของมู่กรุ๊ป
ในปีที่เจ้าสัวมู่ก่อตั้งมู่กรุ๊ปด้วยมือเปล่า เขารู้จักเอาตัวรอดในสังคมและมีคุณงามความดี เขาไม่ได้เก่งเรื่องการทำธุระกิจ แต่เขาเก่งเรื่องปฏิบัติต่อคนอื่น นิสัยของเขาก็ค่อนข้างดึงดันถือทิฐิ
ที่เรียกว่าไม่เจ้าเล่ห์ขี้โกงไม่เป็นพ่อค้า เจ้าสัวมู่ขาดความ“ซื่อสัตย์” ดังนั้นหลายสิบปีมานี้มู่กรุ๊ปนอกจากจะถูกระบุว่าเป็น“แบรนด์เก่า” แล้วยังไม่มีการพัฒนาอีกด้วย
เจ้าสัวมู่ส่งมอบมู่กรุ๊ปให้กับมู่ลี่หยาน มู่ลี่หยานเริ่มทำผลิตภัณฑ์อย่างตรงไปตรงมาในช่วงสองสามปีแรก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามันค่อยๆขยายตัว และเริ่มใช้เลห์เพทุบายมาหลอกลวงคนอื่น
จนกระทั่งช่วงเวลาที่ผ่านมามีช่องโหว่ในโครงการ เงินทุนของบริษัทเริ่มมีปัญหา เบื้องหลังของโรงงานก็โผล่ออกมา มู่กรุ๊ปตกอยู่ในวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งมา
“เถียงข้างๆคูๆ!” มู่หวันฉีไม่ได้สนใจคำพูดของมู่นวลนวล:“ถ้าเธอมีความสามารถก็ตามฉันไปหาพ่อแล้วก็พูดได้นะ”
“ไปก็ไป!”
อันที่จริงมู่นวลนวลไม่อยากเห็นมู่กรุ๊ปล่มสลาย มู่กรุ๊ปมีพนักงานมากมายที่ทำงานมาด้วยกันกับเจ้าสัวมู่ ทำงานอยู่ที่มู่กรุ๊ปมาเกือบตลอดชีวิต พวกเขามีความผูกพันธ์กับมู่กรุ๊ป
เธอไม่ใช่นักบุญ แต่จากมุมมองของบุญคุณความแค้น ถ้าหากมู่กรุ๊ปล่มสลาย ในใจเธออาจจะรู้สึกสุขใจ
แต่ความสุขในใจของเธอเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว มู่กรุ๊ปล่มสลายพนักงานจำนวนมากก็ต้องตกงาน นี่คือผลลัพธ์ที่เป็นไปได้
เธอไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้ เธอไม่รู้ว่าจะต้องเสแสร้งยังไง
โม่ถิงเซียวเป็นประธานบริษัทที่อยู่เบื้องหลังของ Shengding Media ดังนั้นเขาจะต้องวางแผนเรื่องของซือเฉิงยวี่แน่นอน
เพื่อที่จะบังคับให้เจ้าสัวมู่กลับประเทศจีน โม่ถิงเซียวได้ทำการเคลื่อนไหวอย่างลับๆ ถ้าเจ้าสัวมู่ไม่กลับมา ไม่แน่เขาอาจจะทำลายมู่กรุ๊ป
เอากระสุนออกโดยไม่ต้องใช้ยาชา ผู้ชายอายุยี่สิบหกปีที่กลายเป็นผู้นำของวงการบันเทิง มู่ลี่หยานจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ยังไง?
……
“พ่อ มู่นวลนวลมาแล้ว!”
มู่หวันฉีพามู่นวลนวลไปที่ห้องทำงานของมู่ลี่หยาน
“นวลนวล เมื่อวานเธอไปหาซือเฉิงยวี่ พูดคุยเรื่องอะไรกันบ้าง?ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?” มู่ลี่หยานลุกขึ้นจากหลังโต๊ะทำงานและเดินออกมา
มู่นวลนวลส่ายหัว:“ไม่ได้คุยอะไร”
“ไม่ได้คุยอะไร แล้วทำไมมันกลายเป็นแบบนี้?” มู่หวันฉีมองเธออย่างประชดประชัน:“เธอต้องพูดอะไรกับซือเฉิงยวี่แน่ๆ จนทำให้เขาไม่พอใจ หัวข้อบทสนทนาบนอินเตอร์เน็ต เห็นได้ชัดว่าเป็นรายชื่อของผู้ซื้อที่แทรกเข้ามา”
“ตอนแรกเธอโน้มน้าวซือเฉิงยวี่ได้ยังไง?เขายังเคยพูดว่าจะเซ็นสัญญาเป็นแอมบาสเดอร์กับมู่กรุ๊ป?ใช้สมองของเธอคิดให้ดีดี ตำแหน่งกาแฟในวงการบันเทิงของเขาใหญ่ขนาดนั้น ทำไมต้องตอบรับเป็นแอมบาสเดอร์ให้กับมู่กรุ๊ปด้วย?”
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับโม่ถิงเซียวโดยไม่ต้องสงสัย และมันถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่ต้น
“ฮึ ทุกคนมีหัวใจที่รักสวยรักงาม ซือเฉิงยวี่เขามีตำแหน่งกาแฟใหญ่ แล้วก็เป็นผู้ชาย” มู่หวันฉีพูดเป็นนัยๆว่าซือเฉิงยวี่ตกหลุมรักเธอ ดังนั้นเขาต้องตอบตกลงเป็นแอมบาสเดอร์ให้มู่กรุ๊ปแน่
ไม่ต้องพูดถึงมู่นวลนวล แม้แต่มู่ลี่หยานก็ไม่เชื่อ
มู่ลี่หยานโบกมือ:“ตอนนั้นซือเฉิงยวี่บอกเธอว่ายังไง”
“เขา……ชมว่าฉันมีเสน่ห์ หลังจากนั้นก็บอกว่าลองดูก็ได้” ขณะที่มู่หวันฉีพูดจู่ๆหน้าของเธอก็แดงขึ้นมา
มู่นวลนวลหัวเราะเยาะ มู่หวันฉีตกหลุมรักซือเฉิงยวี่?
“ตอนนั้นเธอไม่ใช่บอกว่าซือเฉิงยวี่ตอบตกลงเซ็นสัญญากับบริษัทเราแล้วหรอ?” มู่ลี่หยานขมวดคิ้ว และน้ำเสียงของเขาก็เย็นชา
“ฉันรู้สึกว่านี่มันก็สมควรแล้ว ถ้าฉันรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ วันพรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับเขาเรื่องเซ็นสัญญาด้วยตัวเอง……”
ตอนนี้มู่หวันฉีรู้สึกเสียใจที่ให้มู่นวลนวลไปเจรจาเรื่องเซ็นสัญญา ที่สำคัญคือรู้ว่าซือเฉิงยวี่ให้ความสนใจเธอ เธอไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้มากนัก ต้องปล่อยซือเฉิงยวี่ไปสักพัก รอให้เขาเป็นฝ่ายมาหาเธอเอง
ดูเหมือนสีหน้าของมู่ลี่หยานจะยิ่งเย็นชามากขึ้น มู่หวันฉีก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก
เธอคิดๆดูแล้ว เรื่องนี้เกิดจากซือเฉิงยวี่!
มู่ลี่หยานนั่งลงบนโซฟากุมหน้าผากและถอนหายใจเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า:“มีคนต้องการจะจัดการมู่กรุ๊ป”
“ใช่ เนื่องจากซือเฉิงยวี่ไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญของมู่กรุ๊ปโดยตรง นี่มันเป็นหลุมพลาง” มู่นวลนวลครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า:“บางทีอาจจะเร็วกว่านั้น”
มู่ลี่หยานหันหน้าไปมองมู่นวลนวลราวกับว่าเขาเพิ่งรู้จักเธอเป็นครั้งแรก เขาสังเกตเธออย่างละเอียด
มู่ลี่หยานเผชิญหน้ากับสายตาของเขา และพูดต่อว่า:“เพราะว่าซือเฉิงยวี่ไม่สามารถเป็นแอมบาสเดอร์ของมู่กรุ๊ปได้ มีบางอย่างผิดปกติ จะต้องมีกลลวง”
มู่ลี่หยานจ้องมองไปที่มู่นวลนวนอย่างเย็นชาสักพัก แล้วก็พยักหน้า:“ที่เธอพูดก็มีเหตุผล”
หลังจากที่โม่ถิงเซียวช่วยมู่กรุ๊ป ในใจของมู่ลี่หยานก็โล่งมากขึ้น เขาเห็นความสามารถของโม่ถิงเซียวแล้วรู้สึกว่าถ้าจะให้ซือเฉิงยวี่ที่อาศัยการแสดงในการทำมาหากินมาเป็นแอมบาสเดอร์ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดหายนะครั้งใหญ่ ทำให้มู่กรุ๊ปที่เพิ่งจะดีขึ้นกลับแย่ลง
เมื่อมู่หวันฉีเห็นมู่ลี่หยานชื่นชมมู่นวลนวล ในใจเธอก็รู้สึกไม่ยินดี
“พ่อ ที่เธอพูดมีเหตุผลอะไร ซือเฉิงยวี่แตกต่างกับฉันมาก ฉันคิดว่าเขาต้องชอบฉันแน่ๆ เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง ฉันจะหาวิธีทำให้เขาสารภาพว่าชอบฉันต่อหน้าสื่อมวลชน และเขาต้องตอบรับเป็นแอมบาสเดอร์ของมู่กรุ๊ป!”
มู่หวันฉีมันใจในตัวเองอย่างนี้ ทำให้มู่นวลนวลแปลกใจ
มั่นใจในตัวเองเป็นเรื่องที่ดี แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่ามู่หวันฉีจะมั่นใจเกินไป เป็นครั้งแรกที่เธอเห็น
เธอไม่รู้ว่าซือเฉิงยวี่ชอบผู้หญิงแบบไหน
บางทีเขาอาจจะชอบคนที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียง หรืออาจจะชอบผู้หญิงหน้าตาธรรมดาที่มีชาติตระกูล แต่ทุกคนต้องมีข้อดี
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้หญิงแบบมู่หวันฉี มู่หวันฉีมีข้อดีอะไร?เคยนอนกับผู้ชายหลายคน?หรือว่ามันใจในตัวเองมากกว่าปกติ?
“ปัง!”
มู่ลี่หยานตบโต๊ะกาแฟอย่างรุนแรง และตะโกนด้วยความโกรธ:“อย่าก่อเรื่องวุ่นวาย!”
“ฉันไม่ได้ก่อเรื่อง” มู่หวันฉีเชิดคางขึ้นอย่างมั่นใจ เหลือบมองมู่นวนนวลแล้วเดินออกไป
มู่ลี่หยานชี้ไปทางประตูด้วยความโกรธ และไม่ได้พูดอะไร
“ฉันออกไปก่อนนะ”
มู่นวลนวลก็ไม่อยู่เพื่อปลอบมู่ลี่หยาน
ลูกสาวที่ตัวเองตามใจจนเป็นนิสัย สมน้ำหน้าที่ถูกทำให้โกรธ!