เมื่อมู่ลี่หยานได้ยินที่มู่นวลนวลพูด ก็ครุ่นคิดอย่างทันที
สักพักเขาก็ส่ายหัว:“ไม่ได้”
ปีนั้นที่เจ้าสัวมู่ออกนอกประเทศไป เคยบอกว่าให้เขาบริหารมู่กรุ๊ปให้ดี ถ้าไม่มีเหตุสุดสุดวิสัย เจ้าสัวมู่ก็จะใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ที่ต่างประเทศ
“พ่อ สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีเอามากๆ ภาพลักษณ์ของแบรนด์มีความสำคัญต่อบริษัทมากแค่ไหน คุณรู้ชัดเจนดียิ่งกว่าฉัน ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ส่งผลกระทบอย่างมากมายกับมู่กรุ๊ป……”
มู่นวลนวลยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆมู่ลี่หยานก็พูดขัดจังหวะเธอ:“ความสัมพันธ์ของเธอกับโม่ถิงเซียวเป็นยังไงบ้าง?”
“ความสัมพันธ์ของนวลนวลกับโม่ถิงเซียวเป็นยังไงฉันไม่รู้ แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับ‘โม่เจียเฉิน’นั้นไปได้ดี วันนี้ทั้งสองคนไปทานข้าวด้วยกัน และจูบกันในที่สาธารณะ”
หลังจากที่มู่หวันฉีพูดจบ เธอก็ยิ้มแล้วหันไปมองที่มู่นวลนวล:“ฉันพูดถูกไหม?”
มู่นวลนวลไม่มองมู่หวันฉี แต่หันไปพูดกับมู่ลี่หยาน:“โม่ถิงเซียวปฏิบัติต่อฉันทั้งดีและร้าย”
เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องช่วยโม่ถิงเซียวโกหก
มู่ลี่หยานขมวดคิ้วอย่างเย็นชา:“นวลนวล โม่ถิงเซีวเป็นสามีของเธอ ทำไมคุณ……”
มู่หลานนวลรู้ดีว่ามู่ลี่หยานกำลังเล่นตลกกับความคิดของโม่ถิงเซียว และเธอก็รู้สึกรำคาญกับคำพูดนั้น
เธอขัดจังหวะมู่ลี่หยาน น้ำเสียงของเธอแน่วแน่:“คุณต้องการให้โม่ถิงเซียวช่วยคุณเหมือนครั้งที่แล้ว?เป็นไปไม่ได้ ถ้ามู่กรุ๊ปยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกคนซื้อไป ฉันว่าไม่สู้ถือโอกาสนี้ขายหุ้นของมู่กรุ๊ป ยังจะคุ้มค่าเงิน”
มู่ลี่หยานได้ยินอย่างนั้นสีหน้าก็เปลี่ยน:“มู่นวลนวล เธอจะบ้าหรอ!”
“เกรงว่าจะไม่ใช่ฉันคนเดียวที่มีความคิดที่จะขายหุ้น คนอื่นๆที่ถือหุ้นของบริษัทก็คงจะคิดเช่นเดียวกันกับฉัน ปล่อยหุ้นของมู่กรุ๊ปในมือทิ้งไป ไม่ดีเท่ากับหาคนเข้ามาซื้อ”
กล่าวได้ว่าคำพูดของมู่นวลนวล เป็นดาบคมที่แขวนอยู่บนหัวของมู่ลี่หยาน
มู่ลี่หยานจ้องไปที่มู่นวลนวลและพูดอย่างเคร่งขรึม:“เธอกล้า!”
“ทำไมฉันจะไม่กล้า?หุ้นในมือของฉันถูกต้องตามกฎหมาย ฉันจึงสามารถซื้อและขายได้ด้วยตัวเอง!”
เมื่อมู่ลี่หยานได้ยินที่เธอพูดก็โกรธมาก และพูดไม่ออก
“เธอคิดเอาเองเถอะ” มู่นวลนวลพูดจบก็หันหลังออกไป
ทันทีที่เธอออกไปโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
ด้านบนแสดงหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยในเซี่ยงไฮ้
มู่นวลนวลรับโทรศัพท์ ในสายเป็นเสียงของผู้ชายวัยกลางคน
“ขออนุญาตถาม คุณเป็นพี่สาวของโม่เจียเฉินใช่ไหม?”
มู่นวลนวลตะลึง:“ใช่ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวของเขา”
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ฉันเป็นครูประจำชั้นของโม่เจียหลิน เขามีเรื่องที่โรงเรียนนิดหน่อย จึงต้องเชิญผู้ปกครองให้มาช่วยเราแก้ไขปัญหา”
มู่นวลนวลถามด้วยความเป็นห่วง:“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
“โม่เจียเฉินไม่เป็นไร เขา……” ครูประจำชั้นชะงักแล้วพูดว่า:“เขากับเพื่อนร่วมชั้นมีเรื่องชกต่อยกัน เขาเองไม่เป็นอะไร แต่เพื่อนร่วมชั้นคนนั้นถูกเขาทำร้าย”
มู่นวลนวลถอนหายใจ:“อืม ฉันรู้แล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
……
มู่นวลนวลออกจากมู่กรุ๊ป เรียกรถและขึ้นรถไป เธอโทรหาโม่ถิงเซียว
แต่โม่ถิงเซียวน่าจะกำลังยุ่งอยู่ เลยไม่ได้รับโทรศัพท์
โรงเรียนของโม่เจียเฉินอยู่ไม่ไกลจากมู่กรุ๊ป สิบกว่านาทีก็ถึง
เมื่อมู่นวลนวลไปถึงก็เจอกับครูประจำชั้นโม่เจียเฉิน
เธอพยักหน้า:“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ” ครูประจำชั้นพยักหน้า ครูประจำชั้นของโม่เจียเฉินยังดูเด็กอยู่ เขาไม่คิดว่าพี่สาวของโม่เจียเฉินจะสวยขนาดนี้ เป็นที่น่ายินดีของวงศ์ตระกูล
เมื่อมู่นวลนวลเห็นครูประจำชั้นจ้องมองมาที่เธอ เธอจึงถามว่า:“คุณช่วยบอกฉันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหย่อยได้ไป?”
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ เล่ากันว่าโม่เจียเฉินกับเพื่อนร่วมชั้นมีปากเสียงกัน เด็กๆโกรธกันด้วยความไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็เลยทะเลาะกันขึ้น แต่โม่เจียเฉินทำร้ายฝั่งตรงข้ามจนได้รับบาดเจ็บ พวกคุณเป็นผู้ปกครองจะต้องอบรมสั่งสอนหน่อย……”
มู่นวลนวลขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบน้ำเสียงของครู
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง:“ครู ตอนนี้คุณยังไม่รู้รายละเอียดของเรื่องที่ชัดเจน ก็ให้ฉันอบรมสั่งสอนโม่เจียเฉินให้ดี?มันไม่ยุติธรรมไปหน่อยหรอ?”
เมื่อมูนวลนวลยิ้ม ดวงตาที่สวยหยาดเยิ้มของเธอ เมือจ้องมองไปที่เขาก็สามารถทำให้เขารับรู้ได้ถึงความเย็นชา
ครูประจำชั้นรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว:“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่รู้สึกว่าโม่เจียเฉินทำรุนแรงเกินไป……”
มู่นวลนวลพูดว่า:“ฉันเข้าใจ แต่ฉันอยากเจอน้องชายก่อน”
ครูประจำชั้นพยักหน้า:“ตอนนี้เขาอยู่ที่ห้องทำงานของฉัน พวกเราไปกันเลย”
เมื่อมู่นวลนวลมาถึงห้องทำงานก็เจอกับโม่เจียเฉิน
บนใบหน้าของเขามีร่องรอยนิดหน่อย ส่วนผมของเขาก็ยุ่งเหยิง และเสื้อผ้าของเขาก็ฉีกขาด ดูเหมือนสุนัขจรจัดที่ถูกหยิบขึ้นมาจากกองขยะ
เขายืนยืดหลังตรง ท่าทางดื้อรั้น ดูเย่อหยิ่งไม่ยอมใคร
เป็นไปได้ว่าอยู่ด้วยกันกับโม่ถิงเซียว ใบหน้าไม่แสดงแสดงอารมณ์ของเขาแทบจะไม่สามารถยับยั้งได้ แต่ยังไม่แท่าโม่ถิงเซียว
เมื่อเห็นมู่นวลนวลสีหน้าของเขาก็เศร้า กระพริบตาและมองไปที่มู่นวลนวลด้วยความน่าสงสาร:“พี่นวลนวล”
มู่นวลนวลเห็นเขาแล้วก็รู้สึกสงสาร
มู่นวลนวลเดินเข้าไปลูบหัวเขา:“เจ็บตรงไหนไหม?”
“ไม่เป็นไร” โม่เจียเฉินส่ายหัว จากนั้นเขาก็พูดกระซิบว่า:“ผมแค่เสื้อผ้าขาด พวกเขาน่าเวทนากว่า”
พวกเขา?
มู่นวลนวลหันกลับไปมองก็เห็นว่ายังมีเด็กผู้ชายอีกสองคนในห้องทำงาน
แต่ใบหน้าของทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บมากกว่าโม่เจียเฉิน ทั้งสองคนนั่งอยู่ มีเพียงโม่เจียฉินที่ยืนอยู่คนเดียว
โม่เจียเฉินไม่ใช่เด็กที่ไม่มีเหตุผล ยิ่งเป็นไปได้ได้ที่จะทำร้ายคนอื่น แต่ทั้งสองคนนั้นได้รับบาดเจ็บหนัก จึงสามารถนั่งได้ แต่โม่เจียเฉินต้องยืน?
มู่นวลนวลหันกลับไปมองครู:“ไหนบอกว่าบาดเจ็บสาหัส?ทำไมถึงไม่พาส่งโรงพยาบาล?”
“นี่……เป็นความต้องของผู้ปกครองพวกเขา” ครูประจำชั้นดูอึดอัดใจ
โม่เจียเฉินไม่ได้เรียนในโรงเรียนที่ตระกูลร่ำรวยเขาเรียนกัน ครอบครัวของนักเรียนก็จะเป็นคนธรรมดา เมื่อพวกเขารู้ว่าลูกมีเรื่องจนได้รับบาดเจ็บ พฤติกรรมของพ่อแม่ทั้งสองก็ทำเป็นเพียงว่ามันเป็นความผิดพลาด
มู่นวลนวลเม้มริมฝีปากอย่างเย้ยหยัน
และเสียงของหญิงวัยกลางคนก็ดังขึ้นด้านนอกประตู:“ลูกฉันอยู่ที่ไหน?”
เมื่อเสียงนั้นจบลงก็มีผู้หญิงอ้วนคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา สายตาของเธอมองไปที่เด็กชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟา แล้วเธอก็น้ำตาไหล:“ลูกชายของฉันทำไมถึงถูกทำร้ายจนเป็นอย่างนี้……”
เธอร้องไห้เสียงดัง มู่นวลนวลปิดหูแล้วเหลือบมองไปที่ครูประจำชั้น
ครูประจำชั้นก็เข้ามาพูดเกลี้ยกล่อม:“คุณหยุดร้องก่อน พวกเรามาชี้แจ้งเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อน”
“ชี้แจ้งให้ชัดเจน?เรื่องนี้ยังต้องชี้แจ้งอะไรให้ชัดเจนอีก ลูกชายของฉันเป็นอย่างนี้แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล!” หญิงอ้วนพูดเสียงดัง
มู่นวลนวลได้ยินอย่างนั้นแล้วก็พูดว่า:“พวกเราสามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ได้ แต่ต้องชี้แจ้งเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อน เสี่ยวเฉิน เธอพูดมาสิ ทำไมเธอถึงชกต่อยกับพวกเขา”
มู่เจียเฉินไม่ได้ตอบในทันที แต่ก้มหน้าลง
มู่นวลนวลแปลกใจ:“เป็นอะไรไป?”
โม่เจียเฉินซึมและไม่พูดอะไร
หญิงอ้วนคนนั้นก็หยุดร้องไห้ และพูดด้วยท่าทางที่ไม่จริงใจว่า:“จะมีสาเหตุอะไร เพราะเขาเกเรนิสัยไม่ดีน่ะสิ ไม่อย่างนั้นจะชกต่อยกับเพื่อนร่วมชั้นได้ยังไง สงสารก็แต่ลูกชายของฉัน……”