มู่นวลนวลพยักหน้า:“ฉันรู้”
เธอหายใจเข้าลึกๆก่อนจะรับโทรศัพท์
คำพูดแรกที่โม่ถิงเซียวพูดคือ:“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอ?”
คำพูดนี้ฟังดูเหมือนว่าถ้าเธอไม่มีอะไรก็จะไม่โทรหาเขายังไงยังงั้น
มู่นวลนวลคิดๆดูแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ปกติถ้าเธอไม่มีอะไรก็จะไม่โทรหาโม่ถิงเซียว
“ไม่มีเรื่องอะไร” มู่นวลนวลพูดจบก็เปลี่ยนเรื่องแล้วถามว่า:“คุณทำงานยุ่งไหม?”
แต่โม่ถิงเซียวไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น เขาไม่เชื่อที่มู่นวลนวลพูด:“ไม่มีเรื่องอะไร คุณโทรหาฉัน?”
มู่นวลนวลถามกลับว่า:“ความหมายของคุณคือถ้าไม่มีเรื่องอะไร ฉันไม่สามารถหาคุณได้?”
หลังจากที่เงียบสองสามวินาที โม่ถิงเซียวก็พูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งกินใจว่า:“คุณโทรมาเพื่อตรวจสอบ?”
มู่นวลนวลไม่ได้โต้ตอบในทันที:“ตรวจสอบอะไร?”
โม่ถิงเซียว:“ไม่เป็นไร คุณไม่มีอะไรก็สามารถโทรหาฉันได้บ่อยๆเลย”
“พู……” โม่เจียเฉินแอบได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
มู่นวลนวลหันไปมองโม่ถิงเซียว แม้ว่าสายตาของเธอจะสยบเขาไม่ได้ โม่เจียเฉินยังคงเคลื่อนไหวปากตาม
โม่ถิงเซียวได้ยินเสียงของโม่เจียเฉิน:“คุณกับเสี่ยวเฉินอยู่ด้วยกันหรอ?”
มู่นวลนวลตื่นตระหนกและพูดว่า:“ใช่ วันนี้ฉันเลิกงานเร็ว ก็เลยกลับไปพร้อมกันกับโม่เจียเฉิน”
“คุณเลิกงานเร็ว เสี่ยวเฉินก็เลิกเรียนเร็ว?”
ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้……
โม่เจียเฉินมองไปที่มู่นวลนวลอย่างไม่แยแส เขาเข้ามาใกล้โทรศัพท์และก็หกอย่างหน้าตาเฉยว่า:“วิชาสุดท้ายของพวกเราคือพลศึกษา ไม่เข้าเรียนก็ไม่เป็นไร”
โชคดีที่โม่ถิงเซียวไม่ได้ถามอะไรอีก:“ฉันจะให้ซือเย่ไปรับพวกคุณกลับบ้าน”
“ไม่ต้องหรอก พวกเราเรียกรถกลับเองได้” มู่นวลนวลโต้ตอบกลับไป
ความหมายของโม่ถิงเซียวคือให้ซือเย่ไปรับเธอกับโม่เจียเฉินกลับบ้าน แต่ความหมายของเธอคือไปรับมาหาโม่ถิงเซียวที่ Shengding
โม่ถิงเซียวเงียบไปชั่วขณะ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต้องสงสัย:“เดี๋ยวจะให้เขาไปรับพวกคุณ”
……
ไม่นานซือเย่ก็ขับรถมารับ
ซือเย่ขับรถมาจอดที่ลาดจอดรถ รูดบัตรแล้วพามู่นวลนวลับโม่เจียเฉินขึ้นลิฟต์ส่วนตัวของผู้อำนวยการ
ก่อนหน้านี้มู่นวลนวลทำงานที่บริษัทเล็กๆข้างนอก แน่นอนว่าที่นั้นไม่มีลิฟต์ส่วนตัว อาคารสำนักงานของมู่กรุ๊ปก็สร้างเสร็จเร็วมาก ดังนั้นจึงไม่มีลิฟต์ส่วนตัวเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้นั่งลิฟต์ส่วนตัว มู่นวลนวลรู้สึกว่ามันแปลกใหม่
“คุณชาย พวกเขามาแล้ว”
ซือเย่พาพวกเขาทั้งสองคนถึงประตูห้องทำงานของโม่ถิงเซียวแล้วก็จากไป
มู่นวลนวลผลักประตูเข้าไป และเห็นมู่ถิงเซียวนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน
เขาปิดเอกสารที่อยู่ในมือ และกำลังจะลุกขึ้นยืน
ทันที่ที่เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นมู่นวลนวล มุมปากของเขาก็ยกขึ้น:“มาแล้ว”
“อืม” น้ำเสียงของมู่นวลนวลไม่ค่อยสบอารมณ์ แล้วเดินไปนั่งบนโซฟา
และโม่เจียเฉินก็อยู่ในห้องทำงานของเขาด้วยท่าทางที่แปลกๆ มองดูแล้วก็จับๆ
โม่ถิงเซียวเดินไปข้างหลังมู่นวลนวล วางมือลงบนโซฟาแล้วเอนตัวไปมองหน้าเธอ และถามว่า:“อยากดื่มอะไรหน่อยไหม?”
“ไม่อยากดื่มอะไร เมื่อไหร่คุณจะเลิกงาน?”
โม่ถิงเซียวยกมือขึ้นมองนาฬิกา:“ใกล้แล้ว”
เดิมทียังมีประชุม แต่ถ้ามู่นวลนวลอยากรีบกลับ เขาก็สามารถเลื่อนออกไปได้
พอดีเลขาก็มาเคาะประตู :“ผู้อำนวยการ การประชุมตอนสี่โมงครึ่ง ฉันได้จัดเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว”
มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นมองเขา:“คุณต้องเข้าประชุม?”
เมื่อเธอมองขึ้นไปที่เขา ภาพสะท้อนในดวงตาของเธอทั้งหมดเป็นเขา
โม่ถิงเซียวพูดเสียงเบาลง:“ไม่สำคัญอะไรมาก”
มู่นวลนวลรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงอ่อนโยนที่ผิดปกตอของเขา หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นทันที:“ถ้าคุณมีธุระก็ไปทำเถอะ ฉันจะรอคุณ”
เธอเขินอายอย่างเห็นได้ชัด
แต่เธอบอกว่าจะรอเขาสักพัก เธอเป็นเด็กดีมาก
รู้สึกว่าอยากจูบเธอนิดหน่อย
โม่ถิงเซียวเงยหน้าขึ้นไปมองโม่เจียเฉิน โม่เจียเฉินกำลังหยิบหนังสือขึ้นมาดู
โม่ถิงเซียวยกมือขึ้น และบอกใบ้ให้เขาหันไปทางอื่น
โม่เจียเฉินกลอกตา แล้วหันหลังไปอย่างไม่เต็มใจ และแสร้งทำเป็นหาหนังสือบนชั้น
มู่นวลนวลไม่เห็นการกระทำของโม่ถิงเซียว แต่รู้สึกว่าเขายังไม่เดินไป และอดไปได้ที่จะหันไปเร่งรัดเขา:“คุณรีบไปเถอะ”
เธอพูดจบ โม่ถิงเซียวก็จูบเธอทันที
จูบนั้นกะทันหันเกินไปจนมู่นวลนวลไม่ทันได้หลีกเลี่ยง
หลักจากจูบแล้ว โม่ถิงเซียวก็จิกริมฝีปากของเธอ:“ไม่นานเดี๋ยวฉันก็กลับมา”
มู่นวลนวลมีกะจิตกะใจจะฟังเขาพูดที่ไหนกัน เธอหันไปมองโม่เจียเฉิน แต่เห็นว่าโม่เจียเฉินกำลังอ่านหนังสือโดยหันหลังให้พวกเขาอยู่ เธอถอนหายใจโล่งอก
โม่เจียเฉินได้ยินเสียงปิดประตูก็เหลือบมองกลับไปอย่างเงียบๆ จากนั้นเขาก็วางหนังสือไว้ในมือแล้วหันกลับไป บนใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความสดใส
วอทเดอะฟัค!คิดไม่ถึงเลยว่าพี่ชายก็มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง!จูบก็เป็นด้วย!
เมื่อตะกี้น่าจะถ่ายรูปไว้ให้แม่ดู!
แม่ของเขาเอาแต่บอกเขาว่า เป็นห่วงว่าพี่ชายจะหาคนรักไม่ได้และจะต้องโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต
……
โม่ถิงเซียวบอกว่าไม่นานก็จะกลับมา แล้วเร็วมากจริงๆ
หลังจากที่เขาออกไปแล้วกลับมา ใช้เวลาเพียงสิบนาที
ทั้งสามคนขึ้นลิฟต์ไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน
โม่ถิงเซียวมองไปที่โม่เจียเฉิน:“ชกต่อยกับคนอื่นหรอ?”
โม่เจียเฉินแบะปาก:“ใช่”
แม้ว่าจะไม่สามารถให้โม่ถิงเซียวรู้เหตุผลในการชกต่อยของเขาได้ แต่บนหน้าของเขาติดพลาสเตอร์ยาเยอะขนาดนั้น โม่ถิงเซียวคงไม่ต้องใช้เวลานานที่จะเห็นมัน?
ในที่สุดเขาก็เข้าใจประโยคนั้น“มีเพศตรงข้ามแล้วไม่มีมนุษยธรรม”หมายความว่าอย่างไร
พูดไปแล้วก็เหมือนกับพี่ชายของเขา
การแสดงออกบนใบหน้าของโม่ถิงเซียวยังคงเดิม:“นั่นคือเหตุผลที่มู่นวลนวลไปที่โรงเรียนของนาย?”
“ไม่อย่างนั้นล่ะ?หรือว่าต้องโทรหาพี่……”
“คำพูด” คำสุดท้ายติดอยู่ในลำคอของเขา โม่เจียเฉินพูดออกมาก็ไม่ได้ ไม่พูดออกมาก็ไม่ได้
เขาหดตัวกลับเข้าไปในลิฟต์ และพยายามลดตัวตนของตัวเองลง
ทำไม……พูดออกมาแล้ว!
มู่นวลนวลมองโม่เจียเฉินด้วยความเย็นชา เข้าด้ายเข้าเข็ม เธอก็ช่วยเขาไม่ได้แล้ว!
โม่ถิงเซียวหัวเราะอย่างไม่ชัดเจน โม่เจียเฉินสั่นสะท้านนิดหน่อย และหลบซ่อนอยู่ข้างหลังมู่นวลนวล
มู่นวลนวลก้มลงมองที่ปลายเท้าของเธอ และแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไร
เมื่อออกจากลิฟต์โม่ถิงเซียวเดินนำหน้า และมู่นวลนวลกับโม่เจียเฉินเดินตามหลัง
มู่นวลนวลรู้สึกว่าเธอกับโม่เจียเฉินเหมือนเด็กสองคนที่ทำผิดแล้วกลัวโดนผู้ปกครองด่า และโม่เจียเฉินก็คือผู้ปกครองคนนั้น
เธอตกตะลึงกับคำอุปมาของตัวเอง
มู่นวลนวลหมุนตัวและดึงแขนของเธอกลับจากโม่เจียเฉินอย่างเงียบๆ:“เสี่ยวเฉินนายดูแลตัวเองนะ”
“……”
ตอนที่ขึ้นรถมู่นวลนวลตัดสินใจที่จะช่วยโม่เจียเฉิน และไปนั่งที่เบาะหลังด้วยกันกับโม่ถิงเซียว
เพียงแต่เธอนั่งข้างๆโม่ถิงเซียวไม่ถึงสามวินาที เธอก็ต้องเสียใจ