ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 141 โม่ถิงเซียว คุณไม่ต้องพูดแล้ว

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

มู่นวลนวลลงมาชั้นล่าง ในเวลาที่ผ่านห้องอาหาร มองเห็นโม่เจียเฉินนั่งตาปริบๆอยู่ที่โต๊ะอาหาร และไม่ได้ขยับตะเกียบ

เขามองเห็นมู่นวลนวลเข้ามา ก็ถามเธอ “พี่ชายเขาเป็นยังไงบ้าง?”

“ก็ดีขึ้น ฉันนำอาหารไปให้เขาข้างบน นายทานก่อนเลย”มู่นวลนวลพูดจบเดินตรงไปในห้องครัว

มู่นวลนวลทำอาหารเสร็จแล้ว ยกถาดอาหารออกมาจากห้องครัว ก็มองเห็นโม่ถิงเซียวที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารแล้ว

ได้ยินการเคลื่อนไหว เขาเงยหน้าขึ้นมามองมู่นวลนวล

มู่นวลนวลก้มมองถาดอาหารที่อยู่ในมือ พูดออกไป “คุณลงมาแล้ว”

“อืม” โม่ถิงเซียวตอบกลับเสียงเย็นชา ก้มหน้าลงเริ่มกินข้าว

มู่นวลนวลนำถาดอาหารวางลง นั้งลงด้านข้างของโม่ถิงเซียว

เธอแอบชายตามองโม่ถิงเซียว พบว่าสีหน้าของเขาเป็นปกติ ดูไม่ออกว่ามีที่ไหนที่ไม่ถูก เงียบสงบเป็นพิเศษ

……

ในระหว่างที่กำลังทานอาหาร โม่ถิงเซียวก็ไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว

หลังจากทานอาหารเสร็จ เขาก็ยืดตัวลุกขึ้นไปชั้นบนกลับไปห้องหนังสือ

มู่นวลนวลไม่ไปรบกวนเขาและกลับเข้าใปในห้องนอน

แต่โม่ถิงเซียวก็ไม่กลับมา

มู่นวลนวลนอนหลับไปอย่างเลอะเลือน เที่ยงคืนก็ตื่นขึ้นมากะทันหัน

จิตใต้สำนึกของเธอสั่งให้ยื่นมือออกไปคลำตำแหน่งด้านข้าง พบว่าข้างกายว่างเปล่า

โม่ถิงเซียวยังอยู่ในห้องหนังสือ?

เธอลุกขึ้นนั่ง หยิบโทรศัพท์มาดูเวลา พบว่าตีหนึ่งแล้ว

มู่นวลนวลหยิบเสื้อมาคลุมไหล่ ลุกเดินออกไปห้องหนังสือของโม่ถิงเซียว

ห้องหนังสือไม่ได้ล็อค เธอผลักประตูเดินเข้าไป ก็ได้กลิ่นเข้มข้นของบุหรี่ ในห้องหนังสือไม่มีไฟ ภายในห้องมืดมิด เธอมองเห็นแสงไฟจำนวนน้อย

คือโม่ถิงเซียวกำลังสูบบุหรี่

มู่นวลนวลไม่ได้เปิดไฟ ท่ามกลางความมืดมิดใช้มือคลำหา ค่อยเดินช้าๆเข้าไป

ท่ามกลางความมืดมิดทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างมองไม่เห็นใบหน้า แต่สามารถรับรู้ถึงลมหายใจของทั้งสองฝ่ายได้

มู่นวลนวลนั่งลงด้านข้างเขา กลิ่นควันบุหรี่ทำให้เธอสำลักไอออกมา

แสงไฟเล็กๆนั่นค่อยๆกระพริบ หลังจากนั้นก็ดับหายไป

ท่ามกลางความมืดมิด น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวเสียงต่ำเหมือนกับปีศาจร้าย

“เธอมาทำไม?”

“มาดูคุณ”น้ำเสียงของมู่นวลนวลเบาๆ คลำหามือของเขาจับไว้

แต่ไหนแต่ไรมือของเขาอุ่นๆ ในเวลานี้เย็นจนทำให้คนตกใจกลัว

มู่นวลนวลจับมือของเขาไว้ นำอุณหภูมิของฝ่ามืออุ่นๆส่งผ่านไปให้เขา

แต่เร็วมาก โม่ถิงเซียวก็เอามือของตัวเองดึงออกไป

ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง เสียงของเขาก็ดังขึ้นมา

“เวลานั้นถูกทิ้งไว้ใช้งานในโรงงานเก่า พวกเขาใช้ผมเป็นเครื่องมือในการคุกคามเธอ”

มู่นวลนวลรู้“เธอ”คือแม่ที่ให้กำเนิดของโม่ถิงเซียว

เป็นคำพูดที่เรียบง่าย แต่ก็อธิบายทั้งหมด

โม่ถิงเซียวโต้ตอบก่อนหน้านี้ ก็ยืนยันแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง แต่ในเวลาที่ได้ยินโม่ถิงเซียวยอมรับ มู่นวลนวลก็ยังรู้สึกช็อก

“อยู่ต่อหน้าฉัน” โม่ถิงเซียวพูดต่อ “ฉันถูกพวกเขามัดเอาไว้ พวกเขาล้อมรอบเธอ…”

สิบห้าปีที่แล้ว โม่ถิงเซียวพึ่งจะอายุสิบเอ็ดขวบ

เด็กน้อยอายุสิบเอ็ดขวบ เห็นด้วยตาของตัวเองว่าแม่ที่ให้กำเนิดอยู่ต่อหน้าของตัวเอง ถูกผู้ชายกลุ่มนั้น…

มู่นวลนวลหวาดกลัวขึ้นมาฉับพลัน ยื่นมือไปกอดโม่ถิงเซียวทันที

“โม่ถิงเซียว คุณไม่ต้องพูดแล้ว”

“สุดท้าย ในเวลาโม่ชิงเฟิงก็พาคนเข้ามา…”

มู่นวลนวลสั่นเทาพูดหยุดคำพูดของเขา “โม่ถิงเซียว ฉันบอกให้คุณหยุดพูด!”

เสียงของโม่ถิงเซียวสงบเงียบเกินไป สงบเงียบจนทำให้เธอกลัว

โม่ถิงเซียวไม่ได้หยุดลง ยังคงพูดต่อไป มู่นวลนวลก็ตรงไปจูบเขา

ท่ามกลางความมืดมิด มู่นวลนวลก็มองไม่เห็นหน้าของเขาแม้แต่น้อย จูบลงไปที่บนคางของเขา หลังจากนั้นจึงจะพบริมฝีปากของเขา

เดิมทีโม่ถิงเซียวไม่สะทกสะท้าน แต่เร็วมากก็เปลี่ยนจากฝ่ายรับเป็นฝ่ายลุก นำเธอมากอดไว้ในอ้อมอกอย่างแน่น ใช้แรงเหมือนอยากจะทำให้เอวของเธอขาด

มู่นวลนวลไม่ยอมแพ้กัดริมฝีปากของเขา ทั้งสองคนเหมือนกับกำลังประลองฝีมือกัน ไม่ยอมซึ่งกันและกัน

จนกระทั่งมู่นวลนวลถูกผลักลงบนโซฟา เธอจึงรู้สึกตัวว่าต่อไปโม่ถิงเซียวจะต้องทำอะไร แต่ว่าโม่ถิงเซียวไม่ให้โอกาสเธอได้โต้ตอบ ก็ตรง…เข้ามาแล้ว

ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็เคยทำกันครั้งหนึ่งที่ร้านอาหารจินติ่ง

ครั้งก่อนถึงแม้ว่าโม่ถิงเซียวถูกวางยา แต่ก็ยังบังคับตัวเองได้ทำกับเธอนุ่มนวลเล็กน้อย แต่ครั้งนี้การกระทำของเขาเห็นได้ชัดเจนถึงความป่าเถื่อน

มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเบาๆ “เจ็บ……”

“ผ่อนคลาย”

“คุณออกไปก่อน……”

“ไม่ได้”

เพิ่งจะพูดจบ ผู้ชายก็ไม่ยอมถอยออกไป กลับกระแทกเอวเข้ามาหนักๆ

ถึงแม้ว่ามู่นวลนวลกัดริมฝีปากแน่น ก็ยังมีเสียงเล็กดังออกมา

เสียงนี้คล้ายกับกระตุ้นโม่ถิงเซียว การกระทำของเขายิ่งรุนแรงขึ้น และยิ่งไม่เกรงใจ

……

มู่นวลนวลจำไม่ได้ว่าสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ เวลาที่ตื่นขึ้นมา ก็เช้าตรู่ของวันต่อมา

เธอไม่ได้อยู่บนโซฟาของห้องหนังสือ แต่อยู่บนเตียงของห้องนอน ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย มีคนมาชำระล้างตัวให้เธอเเล้ว

ไม่ต้องดูก็รู้ว่าโม่ถิงเซียวไม่ได้อยู่ในห้องห้อง เพราะว่าในห้องไม่มีกลิ่นอายของเขา

โม่ถิงเซียวเป็นคนที่ถ้าอยู่ที่ไหนก็มีแตต่คนต้องจดจำ

ในเวลาที่กำลังล้างหน้าบ้วนปากอยู่ในห้องน้ำ มู่นวลนวลพบว่าริมฝีปากของตัวเองบวม ที่บนลำคอก็มีรอยประทับ

รอยพวกนี้เป็นเธอกับโม่ถิงเซียวเมื่อคืน…ทิ้งร่องรอยไว้

มู่นวลนวลหาเสื้อคอเต่าและสวมเสื้อนอกทับเอาไว้ และปล่อยผมลงมาปิด ปกปิดร่องรอยบนร่างกายตัวเองอย่างแน่นหนา

ถ้าหากไม่ใช่เมื่อคืนโม่ถิงเซียวดูน่าสิ้นหวังแบบนั้น เธอก็ไม่เป็นฝ่ายรุก…เข้าไปหาถึงประตู

หลังจากนี้ก็ไม่อาจที่จะปล่อยให้โม่ถิงเซียวทำอย่างนี้อีกแล้ว

ห้องโถงใหญ่

โม่เจียเฉินก็มองเห็นมู่นวลนวลลงมา ก็กระโดดขึ้นมาจากโซฟา “พี่นวลนวล ในที่สุดคุณก็ตื่นแล้ว”

“…ทำไมเหรอ?” ในใจเธอรู้ดีว่าโม่เจียเฉินไม่อาจที่จะรู้ว่าเธอกับโม่ถิงเซียวเมื่อคืนทำอะไรกัน แต่คำพูดของโม่เจียเฉินก็ยังทำให้เธอขาดความมั่นใจ

“ในเวลาที่พี่ชายจะไปบอกให้ผมอยู่บ้านรอไปพร้อมคุณ ผมคิดไว้ว่าจะเข้าไปปลุกคุณให้ตื่น”

โม่เจียเฉินหยิบกระเป๋าหนังสือเดินไปถึงตรงหน้าเธอ “ผมห่ออาหารเช้าให้คุณแล้ว คุณไปกินในรถเถอะ ไม่อย่างนั้นต้องสายแน่นอน

มู่นวลนวลได้ยินเขาเอ่ยถึงโม่ถิงเซียว ใบหูก็อดไม่ได้ที่จะร้อนผ่าว พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“อาจจะเป็นหวัด ตื่นสายนิดหน่อย

“มิน่าล่ะพี่ชายไม่ยอมให้ผมไปปลุกคุณให้ตื่น” โม่เจียเฉินพยักหน้า เชื่อว่าเป็นความจริง

บนรถ มู่นวลนวลถามเขา “วันนี้นายไปโรงเรียนคนเดียวมีปัญหาหรือเปล่า?”

“ไม่มีปัญหา เถาปิงได้รับบาดเจ็บต้องลาป่วยแน่นอน ถ้าหากว่าเขาก็ไปโรงเรียน ผมก็ไม่กลัวเขา ถึงอย่างไรเขาก็ต่อยไม่ชนะผมหรอก…”

โม่เจียเฉินสนใจถึงสีหน้าของมู่นวลนวลไม่ค่อยเป็นมิตร รีบเปลี่ยนคำพูด “ถ้าหากว่าเขามาทะเลาะกับผม ผมก็จะไปฟ้องอาจารย์”

ถ้าไม่ใช่เด็กชั้นประถม ยังจะต้องฟ้องอาจารย์

มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่ยิ้มออกมา“เจ้าเด็กดื้อ!”

โม่เจียเฉินเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “คุณอายุเยอะแล้ว คุณเป็นคุณป้า!”

“เรียกอีกทีสิ”

“…ไม่กล้า”

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท