มู่นวลนวลได้ฟังก็สีหน้าช็อก กูจื่อหยานชี้นิ้วไปที่โม่เจียเฉินแล้วถาม จ้างคนสังหาร? คุณพูดว่าเจ้าเด็กดื้อคนนี้?”
โม่เจียเฉินถลึงตาใส่กูจื่อหยาน “คุณนั่นแหละที่เป็นเจ้าเด็กดื้อ”
ผู้กำกับชีมองกูจื่อหยานอย่างจริงจัง “ตำรวจกำลังดำเนินคดี คุณอย่าพูดแทรกขึ้นมา”
กูจื่อหยานส่ายมือไปมา พยักหน้าและพูด “ได้ได้ได้ คุณสอบถามต่อเลย”
ผู้กำกับชีหันหน้าไปมองที่โม่เจียเฉิน “วันนี้ตอนเช้ามืดหกโมงนายอยู่ที่ไหน?”
ถึงแม้ว่ามู่นวลนวลจะรู้สึกได้โม่เจียเฉินตึงเครียดไปเล็กน้อย แต่ไม่ประหม่าเลยแม้แต่น้อย พูดด้วยท่าทางสง่า “อยู่บ้านนอนหลับ”
ผู้กำกับชีพยักหน้า “มีพยานบุคคลไหม?”
มู่นวลนวลกำลังจะเปิดปากพูด ผู้กับกำชีก็มองเธอ พูดกับโม่เจียเฉิน “คนในบ้านไม่นับ”
เมื่อเป็นแบบนี้ มู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียวก็ไม่สามารถถือว่าเป็นพยานบุคคล
คำให้การมาถึงตรงนี้ก็ไปต่อไม่ได้แล้ว
ถึงแม้ว่าโม่เจียเฉินถูกชี้ตัวตกเป็นที่ต้องสงสัย แต่ว่าก็ไม่มีพยานหลักฐานกับพยานบุคคล ดังนั้นตำรวจทำได้เพียงปล่อยเขาไปก่อน แต่ต้องเตรียมพร้อมรับหมายศาลเรียกทุกเวลา
……
โม่เจียเฉินกับกูจื่อหยานก็รู้จักกัน
ทั้งสองคนออกมาจากสถานีตำรวจ ก็พูดคุยกัน
แต่ความรู้สึกของมู่นวลนวลไม่ได้ผ่อนคลายเหมือนพวกเขา
เถาปิงพูดข่าวเรื่องของแม่โม่ถิงเซียวออกมา ใครเป็นคนบอกเขาล่ะ?
อาจจะเป็นคนที่อยู่ข้างกายเขาคือญาติพี่น้องกับเพื่อน
และปีนั้นแม่ของโม่ถิงเซียว คือถูกโจรที่ลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่จับไปขังไว้ ยังถูกคนข่มขืน คนที่รู้นอกจากกลุ่มโจรที่ลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่กับคนตระกูลโม่ และยังอาจจะมีคนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ
ที่นั่นเป็นโรงงานร้าง เมื่อสิบปีที่แล้วคนอาจจะน้อย แต่เพียงถ้ามีคนอาศัยอยู่ใกล้ๆ ก็อาจจะสามารถรู้เรื่องนี้
พ่อของเถาปิงอาจจะรู้เรื่องราวนี้…
ทันใดนั้นมู่นวลนวลก็คิดมาถึงครั้งก่อนเวลาที่โม่ถิงเซียวไปช่วยเธอ จุดจบของสองคนสุดท้าย บนตัวรู้สึกกลัวจนตัวสั่น
“พี่นวลนวล คุณจะเดินไปไหน ควรจะขึ้นแล้ว”
ในหูก็ได้ยินเสียงพูดของโม่เจียเฉิน ฉับพลันนั้นมู่นวลนวลเพิ่งจะมีสติกลับมา พบว่าคนอื่นๆสามคนยืนอยู่หน้ารถมองตรงไปที่เธอ และเธอยังเดินตรงไปด้านหน้า
เธอรีบกลับมา “ขอโทษ กำลังคิดอะไรเพลิน…”
เธอกำลังจะขึ้นรถ ก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ก็ถามพวกเขา “ตอนนี้พวกคุณจะไปไหน?”
กูจื่อหยานพูด “ผมกลับShengding Media พวกคุณถ้าหากอยากไปด้วยกัน ก็สะดวก ไม่ไปด้วยกันก็ไปส่งพวกคุณกลับโรงเรียนและบริษัท”
มู่นวลนวลส่ายหน้าและพูด “ฉันนั่งรถแท็กซี่กลับก็ได้แล้ว พวกคุณไปส่งเสี่ยวเฉินเถอะ”
เธอพูดจบก็หมุนตัวกลับไปเรียกรถ พอดีมีรถแท็กซี่ผ่านมาสองคัน เธอก็ขึ้นรถและจากไป
โม่เจียเฉินก็รู้สึกถึงความรู้สึกของมู่นวลนวลมีบางอย่างที่ไม่ปกติ สงสัยจนหันหน้ากลับมาถามกูจื่อหยาน “พี่นวลนวลเธอเป็นอะไร?”
สีหน้าของกูจื่อหยานยากมากที่จะไม่เฉื่อยชาเหมือนปกติ ไตร่ตรองเล็กน้อยจึงพูด “อาจจะเป็นเพราะว่านายถูกต้องโทษ ดังนั้นไม่สบายใจ นายจะไปบริษัทหาพี่ชายนายกับผม หรือว่ากลับโรงเรียน?”
“ไม่ไปโรงเรียนแล้ว ผมกลับบ้านเลย”
……
กูจื่อหยานส่งโม่เจียเฉินกลับบ้าน ก็กลับไปที่Shengding Media
เขาตรงไปที่ห้องทำงานผู้อำนวยการ
โม่ถิงเซียวนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานจัดการเอกสาร กูจื่อหยานเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานและนั่งลงตรงหน้า “คุณไม่เป็นห่วงว่าเรื่องเป็นอย่างไร?”
“ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เสี่ยวเฉินทำ ไม่มีพยานหลักฐานพวกเขาไม่สามารถทำอะไรเสี่ยวเฉินได้”โม่ถิงเซียวพูดจบ จึงเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาทั้งสองข้างสงบเงียบ
กูจื่อหยานเงียบไม่พูดจาไปหลายวินาที จึงพูดขึ้น “เรื่องนี้คุณเป็นคนทำใช่ไหม?”
โม่ถิงเซียวหรี่ตามอง แล้วถาม “เรื่องอะไร?”
“คุณรู้ว่าผมพูดเรื่องอะไร!”กูจื่อหยานสูดหายใจเข้าลึกๆ “ถิงเซียว ไม่เพียงแต่ผมที่สงสัย ผมรู้สึกว่ามู่นวลนวลก็สงสัยเหมือนกัน”
โม่ถิงเซียวไม่ลังเลที่จะตอบ “ผมไม่ได้ทำ”
“จริงเหรอ?”เห็นได้ชัดว่ากูจื่อหยานไม่เชื่อ
ถึงแม้โม่ถิงเซียวจะแสดงออกแต่ความเมินเฉยกับความปกติไม่มีอะไรที่แตกต่าง แต่เขากับโม่ถิงเซียวรู้จักกันมาหลายปี เข้าใจเขาชัดเจน เรื่องแม่ของโม่ถิงเซียวสร้างผลกระทบกับเขา
ในเมื่อโม่ถิงเซียวไม่พูด เขาก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
……
มู่นวลนวลกลับมาถึงบริษัท ก็พบกับมู่หวันฉี
“ทำไม? พ่อไม่อยู่บริษัท เธอก็นึกว่าไม่มีคนสนใจเธอแล้ว?อยากมาก็มาอยากไปก็ไป ไม่มีเจตนาที่จะเข้าทำงานแล้ว!”
มู่หวันฉียืนกอดอกมองเธอ น้ำเสียงปลิ้นปล้อนไม่จริงใจ
มู่นวลนวลหัวเราะเยาะ “ไม่อย่างนั้น คุณจะสนใจฉัน?”
“เธอ…”มู่หวันฉีพูดเสียงเย็น ถูกเธอตอกหน้าหงายจนพูดไม่ออก
มู่นวลนวลในใจยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูก
เธอรู้สึกว่าคดีนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับโม่ถิงเซียว เถาปิงสามารถรู้เรื่องแม่ของโม่ถิงเซียว เรื่องคดีโจรลักพาตัวเรียกค่าไถ่เมื่อปีนั้นพ่อเขาอาจจะเป็นหนึ่งในคนที่รู้เรื่องราว
ผ่านไปหลายวัน ตำรวจก็มาหาโม่เจียเฉินอีกครั้ง
ครั้งนี้ยังคงเป็นมู่นวลนวลไปเป็นเพื่อนโม่เจียเฉิน
ฝ่ายตำรวจไม่ได้มีพยานหลักฐานใหม่ เพียงแค่สอบถามเพิ่มเติม
ออกมาจากสถานีตำรวจ มู่นวลนวลก็รับสายโทรศัพท์ของเซินเหลียง “นานแล้วที่ไม่ได้ทานอาหารด้วยกัน วันนี้ตอนเย็นไปดูภาพยนตร์กันนะ”
มู่นวลนวลไม่ได้ปฏิเสธ นัดพบสถานที่กับเซินเหลียงเสร็จเรียบร้อย
เซินเหลียงงานยุ่งมาก มู่นวลนวลไม่มีธุระก็คงไม่มาหาเธอ กลัวจะรบกวนเธอ เพียงแค่เธอไม่มีธุระจึงจะนัดพบมู่นวลนวลทานอาหารและเดินช็อปปิ้ง
……
ทั้งสองคนทานอาหารในห้างสรรพสินค้า ก็ตรงไปดูภาพยนตร์ ก่อนจะเข้าโรงภาพยนต์ ทันใดนั้นเซินเหลียงก็พูด “โม่ถิงเซียวเป็นเจ้าของShengding Mediaที่อยู่เบื้องหลัง เธอรู้ไหม?”
ความจริงวันนั้นที่ออกมาจากห้องทำงานของโม่ถิงเซียว ก็อยากโทรศัพท์ถามมู่นวลนวล แต่เพราะว่าทันใดนั้นมีเรื่องอื่น ก็เลยลืมไป
มู่นวลนวลหยุดไปชั่วครู่หนึ่ง พยักหน้าและพูด “รู้”
“เธอรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องใหญ่ขนาดนี้คาดไม่ถึงว่าเธอไม่บอกฉัน!”เซินเหลียงตบบ่าของเธอ
มู่นวลนวลนึกถึงเหตุการณ์เวลานั้น สีหน้าบนใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไม่เป็นธรรมชาติ “ในเวลานั้นลืมบอกเธอ”
“พอแล้ว ไปดูภาพยนตร์กันก่อนเถอะ”เซินเหลียงก็ไม่ถามอะไรเธออีก นำเธอเข้าไปในโรงภาพยนตร์อย่างตื่นเต้น
อาจจะเป็นเพราะว่าเอ่ยถึงสาเหตุของโม่ถิงเซียว ในเวลาที่มู่นวลนวลดูภาพยนตร์ก็ใจคอไม่ดี
ในเวลาที่ภาพยนตร์กำลังจะจบ เธอรับสายโทรศัพท์ของโม่ถิงเซียว
“จะกลับมาเมื่อไหร่ ฉันไปรับเธอ”
เดิมทีมู่นวลนวลอยากจะปฏิเสธ แต่คิดไปคิดมาก็พูด “ใกล้แล้ว คุณมาได้เลย”
ดูภาพยนตร์จบก็ออกมา เซินเหลียงจะไปส่งเธอ
“เธอกลับไปก่อนสิ โม่ถิงเซียวมารับฉัน เธอเดินทางระวังด้วย”มู่นวลนวลพูดพร้อมหัวเราะ
เซินเหลียงก็หัวเราะขึ้นมา พูดกับมู่นวลนวลด้วยท่าทีมีความลับ “คาดไม่ถึงว่าตอนนี้เธอสามารถให้โม่ถิงเซียวมารับ บอกความจริงฉันมา พวกเธอพัฒนาไปถึงไหนแล้ว?”
“รีบไปเถอะ”มู่นวลนวลผลักเธอ
“พวกเธอได้ทำ…”
มู่นวลนวลไม่มีทางเลี่ยง “ใช่ใช่ใช่ เธอรีบไปสิ!”