ถึงแม้ว่ามู่เจิ้งซิวจะไม่ได้อยู่ในตระกูลมู่หลายปี แต่เขายังคงมีอำนาจในบ้าน
ในเวลาที่ทานข้าว ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
หลังจากทานเสร็จ โม่ถิงเซียวก็ลุกขึ้นยืนและพูด “ผมยังมีงานต้องทำ ขอตัวกลับก่อน”
มู่นวลนวลแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าโม่ถิงเซียวจะกลับเร็วขนาดนี้
มู่เจิ้งซิวได้ฟัง ก็เงยหน้าไปมองเขา “พวกเธอกลับเถอะ”
จริงๆแล้วมู่เจิ้งซิวพูดกับโม่ถิงเซียวไม่กี่ประโยค แต่ว่ามู่นวลนวลรู้สึก ว่าพวกเขาเหมือนกับพูดกันเยอะมาก
โม่ถิงเซียวนำมู่นวลนวลที่ยังงงงวยออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลมู่
กลับมาถึงรถ มู่นวลนวลยังมีสีหน้ามึนงง
“คุณกับคุณปู่ พวกคุณเป็นอะไรกัน?”เธอมองไม่ออกจริงๆผู้ที่มีฝีมือสูงใช้กลยุทธ์วิธีการที่ไม่พูดออกเสียง
“เขาต้องมาหาฉันแน่”โม่ถิงเซียวกระตุกริมฝีปาก ยิ้มจางๆ
มู่เจิ้งซิวจะไปหาโม่ถิงเซียวไหม มู่นวลนวลไม่รู้ แต่มู่เจิ้งซิวมาหามู่นวลนวลเร็วมาก
……
วันที่สองเป็นวันศุกร์
มู่นวลนวลไปบริษัทตั้งแต่เช้า ก็ได้ยินพวกเขาพูดว่าท่านประธานคนเก่ามาบัญชาการด้วยตนเอง
มู่นวลนวลเพิ่งจะนั่งลง ก็รับโทรศัพท์ของมู่หวันฉี
น้ำเสียงของเธอไม่ค่อยจะเต็มใจ “คุณปู่ให้เธอมาหาที่ห้องทำงาน”
เธอพูดจบก็ตัดสายโทรศัพท์ไป
มู่นวลนวลไปที่ห้องทำงานประธานคณะกรรมการการบริหาร จึงพบว่ามู่ลี่หยานกับมู่หวันฉีก็อยู่
ดูเหมือนว่ามู่เจิ้งซิวไม่ใช่ต้องการหาเธอเพียงคนเดียว
เพียงแต่ สีหน้าของมู่ลี่หยานกับมู่หวันฉีไม่ค่อยจะดี
มู่ลี่หยานสีหน้าไม่ดีมากๆ ใบหน้าเย็นชามองก็รู้ว่าถูกทำให้โกรธ ดูเหมือนว่าถูกมู่เจิ้งซิวดุด่า
แต่มู่หวันฉีรู้สึกได้ว่ามู่นวลนวลมองเธอ เธอก็ถลึงตามุ่งกลับไปที่มู่นวลนวลอย่างเยือกเย็น
มู่เจิ้งซิวไม่ได้เห็นการกระทำเล็กๆของพวกเธอ ทักทายมู่นวลนวลให้นั่งลง “นวลนวล นั่งลง”
นี้ทำให้มู่นวลนวลในใจเพิ่มความยากที่เข้าใจ
มู่ลี่หยานกับมู่หวันฉีก็ยืนอยู่ มู่เจิ้งซิวให้เธอนั่งลงคนเดียว?
“ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา เธอนั่งลง ฉันมีเรื่องจะถามเธอ”ในเวลาที่สายตาของมู่เจิ้งซิวหยุดอยู่บนตัวของมู่ลี่หยาน พูดด้วยน้ำเสียงเย็น“ลูกล้างผลาญครอบครัว”
เขาพูดแบบนี้ มู่นวลนวลจำใจต้องนั่งลง
“หลายปีมานี้อยู่ที่ตระกูลมู่ ไม่ยุติธรรมกับเธอ เรื่องที่พวกเขาทำ ฉันรู้หมดแล้ว”มู่เจิ้งซิวเปิดปากพูด คาดไม่ถึงว่าจะพูดคำพวกนี้
นี่ทำให้มู่นวลนวลตั้งตัวรับไม่ทัน
เธอเดาไม่ออกความหมายของมู่เจิ้งซิว เพียงแค่ตอบรับตามคำพูดของเขา “ไม่เป็นไร พวกเราครอบครัวเดียวกัน ไม่มีอะไรที่ยุติธรรมไม่ยุติธรรม”
เธอไม่แน่ใจว่าคำพูดของมู่เจิ้งซิวหมายความว่าอะไร ดังนั้นก็ไม่ได้พูดความจริงออกไป
มู่เจิ้งซิวส่ายหน้า “เวลาที่ฉันจากไปเธอยังเล็ก แต่ก็คิดไม่ถึงว่า เธอจะเป็นเด็กในสามคนนี้ ที่ฉลาดที่สุด”
ฉลาดที่สุด…
มู่นวลนวลก้นบึ้งในหัวใจเต้นฉับพลันขึ้นมา รู้สึกกระวนกระวาย
หรือว่ามู่เจิ้งซิวจะรู้เรื่องอะไร?
“พี่ชายกับพี่สาวก็ดีเด่นมาก ฉันเปรียบเทียบกับพวกเขาไม่ได้หรอกค่ะ”มู่นวลนวลหลบตา ไม่กล้ามองไปที่ดวงตาของมู่เจิ้งซิว
“นวลนวลคือเด็กที่ถ่อมตัว”ทันใดนั้นมู่เจิ้งซิวก็ยิ้มออกมา ยกมือขึ้นโบก และพูด “ลี่หยานกับหวันฉี พวกเธอสองคนออกไปก่อน”
“ค่ะ”
มู่หวันฉีถึงแม้จะไม่ยอม แต่ก็ทำได้เพียงออกมาก่อน
ก่อนจะออกไป เธอก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่มู่นวลนวลอย่างโหดเหี้ยม
เมื่อก่อนคุณปู่ชอบเธอที่สุด เมื่อกี้ไม่เพียงแต่ด่าเธอ ตอนนี้ยังหน้าตายิ้มแย้มพูดจาอ่อนโยนกับมู่นวลนวลผู้หญิงขี้เหร่คนนั้น!
……
จนกระทั่งในเวลาที่ในห้องเหลือเพียงมู่นวลนวลกับมู่เจิ้งซิวสองคน มู่เจิ้งซิวจึงมีสีหน้าจริงจัง และพูด “เมื่อก่อนมองไม่ออกว่าเธอเป็นเด็กที่มีความรู้และกล้าหาญ คาดไม่ถึงว่าจะกล้าให้ปาปารัสซี่มาทำข่าวโรงงานของตัวเอง เรื่องราวที่เธอทำถูกตีแผ่มากมายแต่เธอก็ไม่ร้อนใจ”
มู่นวลนวลในใจตื่นตกใจ เป็นไปอย่างที่คิดมู่เจิ้งซิวรู้แล้ว!
มู่ลี่หยานไม่ได้สงสัยเธอ เป็นเพราะว่าที่ผ่านมาที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลมู่แสดงเป็นคน“คนโง่”เหมือนในละคร นี้ก็พอแล้วที่ทำให้มู่ลี่หยานสะเพร่า
ยิ่งกว่านั้น เรื่องโรงงานครั้งก่อน เป็นมู่นวลนวลที่“ขอร้อง”โม่ถิงเซียวให้ช่วยแก้ไขปัญหาให้มู่กรุ๊ป
แต่มู่เจิ้งซิวไม่เหมือนกัน สมองของเขาฉลาด กลับมาอยู่ในตระกูลมู่ไม่นาน ก็ดูออกว่าเรื่องนั้นมีลับลมคมใน
“คุณปู่ตำหนิหนูที่ให้ปาปารัสซี่เข้ามาทำข่าวเรื่องของโรงงาน?”ในเมื่อมู่เจิ้งซิวไม่พูดพล่ามทำเพลง เธอก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนปกปิดอะไรอีก
ทุกคนก็พูดชัดเจนแล้ว ก็ดี
“เธอก็รู้เพราะว่าเรื่องโรงงาน ทำให้มู่กรุ๊ปสูญเสียเงินไปเท่าไหร่ไหม?”
“แต่ว่า ฉันแค่อยากใช้โอกาสนี้ทำให้ชื่อเสียงในสังคมของมู่กรุ๊ปโด่งดังขึ้นเท่านั้นเอง หลังจากนั้นโม่ถิงเซียวก็ช่วยมู่กรุ๊ปข้ามผ่าน
อุปสรรคและความยากลำบากไปได้ และชื่อเสียงในสังคมของมู่กรุ๊ปก็ดังขึ้นแล้ว คนที่อยากร่วมมือก็มาหามู่กรุ๊ปเพิ่มมากขึ้น”
มู่นวลนวลรู้สึกว่าตัวเองมีฝีมือในการพูดโกหกยิ่งยอดเยี่ยมขึ้นมากแล้ว
ถูกคนชื่นชมว่าฉลาดเป็นเรื่องที่น่าดีใจ ถ้าหากว่าฝ่ายตรงข้ามน่าจะเป็นศัตรูมากกว่าเป็นมิตร ก็ต้องเสแสร้งทำเป็นคนโง่
มู่นวลนวลรู้สึกว่า มู่เจิ้งซิวคือน่าจะเป็นศัตรูมากกว่าเป็นมิตร
สัมผัสที่หกของมนุษย เป็นสิ่งที่ถูกต้องแม่ยำและมหัศจรรย์โดยตลอด
มู่เจิ้งซิวหรี่ตามอง คล้ายกับว่ากำลังแยกแยะคำพูดเธอว่าเป็นจริงหรือว่าปลอม
มู่นวลนวลค่อยๆเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อย เม้มริมฝีปาก ให้ตัวเองดูเหมือนบุคคลที่ไม่มีความผิด
เร็วมาก มู่เจิ้งซิวก็พูดเสียงเย็นขึ้นมา โบกมือและพูด “ออกไปเถอะ”
“อ้อ”
มู่นวลนวลได้ฟังก็ลุกขึ้นยืนเดินตรงออกไป เดินไปสองสามก้าว ฉับพลันนั้นเธอก็หันหน้ากลับไปมองที่มู่เจิ้งซิว “คุณปู่ จริงๆแล้วคุณเรียกหาฉันเพราะเรื่องอะไร?”
“ไม่มีอะไร ไปเถอะ”น้ำเสียงของมู่เจิ้งซิวเห็นได้ชัดว่ารำคาญเล็กน้อย เหมือนกับรำคาญอยากให้เธอรีบออกไป
สีหน้าของมู่นวลนวลที่แสดงออกมาจืดจางลง หันหน้ากลับเดินตรงออกไป
ถึงแม้ว่ามู่เจิ้งซิวจะดีกับเธอกว่าคนอื่นในตระกูลมู่เล็กน้อย. แต่เขาก็เป็นคนของตระกูลมู่ ธาตุแท้ของคนตระกูลมู่เหมือนกับว่าไม่ชอบเธอ
เมื่อกี้มู่เจิ้งซิวก็ยังพูดว่าที่ผ่านมาเธออยู่ในตระกูลมู่ถูกเอาเปรียบไม่มียุติธรรม หลังจากนั้นก็กลับถามเรื่องที่โรงงาน ก็รำคาญทำกับมู่นวลนวลเหมือนคำสั่งให้ส่งแขก
ยังเป็นจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนไม่ชักช้ายืดยาด
ในเวลาพักเที่ยง มู่เจิ้งซิวเริ่มเรียกประชุมผู้บริหารชั้นสูง เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของมู่กรุ๊ปปรึกษาหารือกับแผนรับมือด้วยกัน
มู่หวันฉีกับมู่ลี่หยานก็เข้าร่วม มู่นวลนวลไม่ได้ไป
เพราะว่ามู่เจิ้งซิวไม่ได้เรียกมู่นวลนวล
อาจเป็นเพราะมู่เจิ้งซิวที่ช่วงบ่ายเข้ามาทดสอบหยั่งเชิงกับมู่นวลนวล ทำให้เขารู้สึกว่ามู่นวลนวลโง่จริงๆ ดังนั้นก็ขี้เกียจจะสนใจเธอ
แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นแบบนี้ คนตระกูลมู่ไม่ว่าจะทำเรื่องใดๆก็ต้องกำจัดเธอมาอยู่ด้านนอก
มู่นวลนวลเข้าใจมาโดยตลอด ดังนั้นก็ไม่ได้รู้สึกเป็นทุกข์กับเรื่องนี้
ไม่เข้าร่วมประชุมนั่น เธอก็สามารถเลิกงานเร็ว แบบนี้ไม่ใช้ดีมากเหรอ?
……
เพราะว่าเป็นวันศุกร์ มู่นวลนวลก็ไม่ได้คิดจะกลับบ้านเลย หลังจากที่รอให้โม่เจียเฉินเข้ามาก็ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยกัน
โม่เจียเฉินขึ้นรถแล้วก็พูด “ได้อิสรภาพแล้ว!”
“ทำไม?”
“อาทิตย์หน้าก็ปิดภาคเรียนฤดูหนาวแล้ว”โม่เจียเฉินทรุดตัวนั่งอยู่ที่นั่งด้านหลัง ใบหน้าตื่นเต้นดีใจ
มู่นวลนวลเตือนสติเขาอย่างใจดำ “ก่อนหน้าที่จะปิดภาคเรียนฤดูหนาวก็มีสอบ”
โม่เจียเฉินก็สีหน้าบึ้งตึงลงทันที