ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 155 ไม่ใช่แฟน แต่เป็นเมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ปัจจุบันนี้ยังจะมีใครชอบบอสที่ไร้เหตุผลใช้อำนาจรังแกข่มเหงกันบ้างล่ะ มีแต่จะชอบคนที่มีความยับยั้งชั่งใจ ควบคุมสติได้กันต่างหากล่ะ!

เซินเหลียงค้อมตัวเดินไปอยู่ที่มุมกำแพงแล้วมองดูโม่ถิงเซียวกับมู่นวลนวล

เวลาผ่านไปหลายวินาที เธอถึงพึ่งจะมีปฏิกิริยาขึ้นมาว่าที่นี่คือบ้านของเธอเอง!

ที่นี่คือบ้านของเธอ แล้วทำไมเธอถึงจะต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ เหมือนพวกโจรกันด้วยเล่า!

คิดได้ดังนี้ เธอก็กระแอมไอเบาๆ เพื่อให้คอโล่ง จากนั้นจึงเดินจากไป

โม่ถิงเซียวยืนอยู่ข้างหน้ามู่นวลนวล ส่งเสียงเรียกชื่อเธอออกมา

“มู่นวลนวล”

เดิมทีมู่นวลนวลก็เมาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น ทั่วทั้งกายก็พลันสั่นสะท้าน สมองโล่งปลอดโปร่งขึ้นมามากเลยทันที

โม่ถิงเซียวที่มีร่างกายสูงใหญ่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอบดบังแสงเอาไว้ เมื่อดูใบหน้าอันหล่อเหลานั้นแล้วก็ให้ความรู้สึกที่น่าอึดอัดใจ

มู่นวลนวลคว้ามืออย่างสะเปะสะปะไปหยิบหมอนมากอดไว้ในอ้อมแขนตัวเอง ถึงจะรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเล็กๆ

“คุณมาทำอะไร” มู่นวลนวลเอียงหัวถามเขาอย่างห้วนๆ

“พาเธอไปหาหมอ”

ขณะที่โม่ถิงเซียวกำลังพูด สายตาเขาก็มองลงมากระทบที่ข้อเท้าอันบวมเป่งราวกับลูกมะนาวของเธอ

มู่นวลนวลมองลงตามทิศทางของสายตาเขาที่จ้องมองอยู่ เมื่อสักครู่ตอนที่ดื่มไวน์กับเซินเหลียงยังไม่ทันได้สังเกต ตอนนี้ดูบวมเสียจนน่ากลัวจริงๆ

“ฉันมีมือมีตีน ฉันไปหาเองก็ได้” มู่นวลนวลพูดอย่างหมดความอดทน “ผู้ชายตัวโตแบบนาย มาบ้านผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานตอนกลางค่ำกลางคืนแบบนี้คิดว่ามันเป็นยังไง แล้วยิ่งเสี่ยวเหลียงเป็นดาราอีกด้วยนะ! ”

โม่ถิงเซียวตอบกลับอย่างเรียบๆ “อื้ม”

เขาที่มีปฏิกิริยาอบอุ่นแบบนี้ทำให้มู่นวลนวลรู้สึกประหลาดใจอยู่นิดหน่อย

ชั่วขณะถัดไปนั้นเอง จู่ๆ โม่ถิงเซียวก็งอตัวลงมาอุ้มเธอขึ้นมา

“เธอพูดถูก งั้นฉันไปเลยแล้วกัน” โม่ถิงเซียวก็พูดพลางอุ้มเธอเดินไปที่ประตูพลาง

ตอนที่เดินผ่านเซินเหลียงนั่นเอง โม่ถิงเซียวก็กล่าวขึ้นมาอย่างสุภาพว่า “ขอโทษที่รบกวน”

ผ่านไปสักพักเซินเหลียงจึงค่อยพยักหน้า “ไม่ ไม่เป็นไร……….”

“ฉันไม่กลับ! ฉันจะไปหาหมอเอง! ปล่อยฉันลงนะ! ”

มู่นวลนวลไม่สามารถทำเหมือนกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ จึงกลับไปกับโม่ถิงเซียวด้วยสภาพนั้น

โม่ถิงเซียวไม่ได้สนใจคำพูดเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะปล่อยเธอลงเลย

เซินเหลียงเดินไปที่ประตู มองดูมู่นวลนวลที่ดิ้นขัดขืนด่าเขามาตลอดทาง แต่โม่ถิงเซียวกลับยังนิ่งเหมือนหิน อุ้มเธอเข้าลิฟท์ไปอย่างมั่นคง

เซินเหลียงพิงที่กรอบประตู แล้วพึมพำว่า “บอสที่วางอำนาจ ยังไงก็ยังน่าตื่นเต้นอยู่ดี!”

……..

ภายในรถ

โม่ถิงเซียววางเธอให้นั่งลงบนที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับ พร้อมทั้งรัดเข็มขัดนิรภัยให้ ถึงค่อยได้เดินอ้อมมาที่อีกฝั่งก่อนจะขับรถออกไป

มู่นวลนวลได้ยินเสียงล็อครถ “ครึก”

เธอเหลือบมองโม่ถิงเซียวหนึ่งที “ล็อครถทำไม คุณคิดว่าฉันจะกระโดดลงจากรถเพียงเพราะทะเลาะกับคุณอย่างงั้นเหรอ”

“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น” โม่ถิงเซียวมองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์

มู่นวลนวลส่งเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอเบาๆ หลังจากนั้นก็ได้ยินโม่ถิงเซียวพูดขึ้นมาอีกหนึ่งประโยคอย่างแผ่วเบาว่า “แต่ถ้าหากว่าสมองเธอมีปัญหาแล้วคิดจะกระโดดลงไปจะทำยังไงล่ะ”

มู่นวลนวล “………”

เธอคิดว่าคนแบบโม่ถิงเซียวนั้นมีเพื่อนแบบคนธรรมดากับเขาได้ก็เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์แล้ว

……….

มาถึงโรงพยาบาล โม่ถิงเซียวหยิบเสื้อโค้ทตัวหนึ่งมาจากข้างหลัง แล้วเอามาห่อตัวมู่นวลนวลไว้ แล้วจึงอุ้มเธอเข้าไปพบแพทย์

มู่นวลนวลสังเกตว่าเสื้อตัวที่โม่ถิงเซียวเอามาคลุมตัวเธอนั้น เป็นเสื้อของเธอเอง

ตอนที่เธอไปร่วมงานเลี้ยงนั้นหยิบไปแค่ผ้าคลุมไหล่เพียงชิ้นเดียว

ดังนั้น ก่อนหน้านี้ที่โม่ถิงเซียวไปงานเลี้ยง คือเขาต้องการเอาชุดมาให้เธออย่างงั้นหรอกเหรอ

ขณะนั้นเป็นเวลากลางคืน คนในโรงพยาบาลจึงมีไม่เยอะ

แต่ว่าโม่ถิงเซียวอุ้มมู่นวลนวลเข้าไป ก็ยังคงเป็นการเรียกความสนใจจากผู้คนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

มู่นวลนวลเป็นคนหน้าบางจึงพูดกับโม่ถิงเซียวเบาๆ ว่า “ฉัน ปล่อยฉันลง ฉันเดินเองได้”

“โอเค”

โม่ถิงเซียวตอบแบบตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ในใจมู่นวลนวลเลยกลับรู้สึกงงงวยสงสัยแทน

โม่ถิงเซียววางเธอลงให้ยืนบนพื้น คลายมือออก แล้วยืนกอดอกมองดูเธอ “เดินสิ”

ขาของมู่นวลนวลตอนนี้นั้น แค่ขยับเขยื้อนเพียงนิดเดียวก็เจ็บเกินทน ความจริงตอนนี้ไม่สามารถยืนบนพื้นได้เลยเสียด้วยซ้ำ

คิดเหรอว่าเธอเป็นแบบนี้แล้วจะเดินไปไม่ได้

มู่นวลนวลงอขาข้างที่เจ็บขึ้น เอามือพิงกำแพงแล้วกระโดดขาเดียวไปที่ห้องตรวจวินิจฉัยโรค

นาทีนั้นเธอรู้สึกยินดีอยู่นิดๆ ที่ร่างกายเธอยังไหวอยู่

สีหน้าของโม่ถิงเซียวก็มืดขรึมขึ้นทันที ทางด้านข้างของพวกเขาก็มีคุณนายสูงอายุคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี

คุณนายมองดูโม่ถิงเซียวแล้วจึงหันไปคุยกับคนที่อยู่ข้างๆ ว่า “ดูผู้ชายสมัยนี้สิ ไม่ดูแลใส่ใจแฟนเลยสักนิดเดียว เท้าของแม่หนูคนนั้นบวมจนจะไม่ไหวแล้ว นี่แค่ดูก็ปวดใจแล้ว……”

สีหน้าของโม่ถิงเซียวยิ่งขรึมเข้มหนักเข้าไปอีก แต่ก็ได้ส่งเสียงพูดแก้เรื่องราวให้ถูกต้องออกไปว่า “ไม่ใช่แฟน แต่เป็นเมีย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งน่าหดหู่เกินไปแล้ว ผู้ชายแบบนี้ รีบๆ หย่าเสียจะดีกว่านะ”

คุณนายท่านนี้อารมณ์ขึ้นพอสมควร และก็ยังพูดออกมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง ที่แม้แต่มู่นวลนวลที่กำลังกระโดดขาเดียวนำล่วงหน้าไปก่อนแล้วก็ยังได้ยินเข้าเต็มๆ เลย

“อุ๊ป” เธอหลุดส่งเสียงขำออกมา

คุณนายสูงวัยหันมายิ้มให้มู่นวลนวลก่อนจะพูดว่า “แม่หนู ฉันมีหลานชายทำงานเป็นผู้ดูแลอยู่ที่ Shengding Media หน้าที่การงานก็ใช้ได้ หน้าตาก็ดูดี หนูไปหย่ากับสามีแล้วก็พิจารณาหลานฉันด้วยนะ”

“………..” คราวนี้มู่นวลนวลหัวเราะไม่ออกแล้ว

โม่ถิงเซียวเดินหน้าเคร่งไปด้านหน้าเธอ “พวกเราไม่มีทางหย่ากันแน่! ”

สีหน้าของเขาเกินคำว่าเคร่งขรึมไปไกล คุณนายก็ราวกับว่าตกใจจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ แล้วไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก เพียงแค่หันมามองมู่นวลนวลด้วยสีหน้าเป็นกังวลหนึ่งทีก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป

มู่นวลนวลหันไปยิ้มเพื่อขออภัยให้คุณนาย

ความคิดของคุณนายท่านนี้ค่อนข้างจะเป็นสมัยใหม่มาก ผู้สูงวัยโดยทั่วไปจะคะยั้นคะยอให้คนคู่กันไม่ให้เลิกหย่าร้างกันทั้งนั้น

“ดูอะไรอยู่อีกล่ะ! เดิน!” โม่ถิงเซียวพูดออกมาอย่างหมดความอดทน

……..

มู่นวลนวลตรวจเท้าเสร็จแล้วก็ออกมา ตอนนั้นเป็นเวลาตีสองกว่าๆ แล้ว

หน้าหนาวที่เซี่ยงไฮ้นั้นหนาวมาก อุณหภูมิตอนกลางคืนอยู่ที่ประมาณลบสิบกว่าๆ นั้นถือเป็นเรื่องปกติ

ครั้งนี้โม่ถิงเซียวอุ้มเธอออกมา และเธอก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรอีก

ทั้งสองคนกลับบ้านโดยไม่แวะที่ไหนอีกเลย

ตอนที่โม่ถิงเซียวอุ้มเธอขึ้นบ้านไปนั้น โม่เจียเฉินในสภาพที่หัวหยักศกยุ่งเหยิงตาหรี่จนหยีเล็ก ยื่นหน้าโผล่ออกมาจากบริเวณปลายบันได

เมื่อได้เห็นว่าคนที่โม่ถิงเซียวอุ้มอยู่คือมู่นวลนวล ตาเขาก็พลันเบิกกว้างขึ้นมาทันที “พี่นวลนวล! พี่กลับมาแล้ว! ”

“ทำไมนายยังไม่นอน”

โม่เจียเฉินขยำผมตัวเองไปมาแล้วพูดว่า “ผมตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ…….”

ตาเขาแทบจะปิดแล้วแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าง่วงจนแทบทนไม่ไหว บนใบหน้าไม่มีร่องรอยว่าได้นอนหลับพักผ่อนไปก่อนหน้าแล้วเลยแม้แต่น้อย ฟันธงได้เลยว่ายังไม่ได้นอน

ทั้งสองคนกลับเข้าไปในห้อง โม่ถิงเซียวก็เข้าห้องอาบน้ำไปเปิดน้ำ

มู่นวลนวลนอนลงบนเตียง รู้สึกปวดหัวอยู่นิดหน่อย

ไปร่วมงานเลี้ยงมา สุดท้ายก็ดันเข้าไปพัวพันจนเกิดเรื่องขึ้นมากมาย จิตใจว้าวุ่นไปหมด

ผ่านไปไม่นาน โม่ถิงเซียวก็ออกมา “น้ำเต็มอ่างแล้ว มาอาบน้ำ”

มู่นวลนวลค่อยๆ กระโดดขาเดียวเข้าไปในห้องอาบน้ำ แต่โม่ถิงเซียวกลับยังไม่ได้ออกไปจากห้องน้ำ

เธอหันหน้าไป น้ำเสียงหมดแล้วซึ่งความอดทน “นายยังยืนอยู่ที่นี่………”ทำอะไร!

คำสุดท้ายของประโยคถูกโม่ถิงเซียวตัดบทด้วยการจู่โจมเข้ามาจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว

ท่อนแขนของโม่ถิงเซียวโอบรัดเอวคอดของมู่นวลนวลอย่างแน่น พละกำลังของเขาเยอะมาก ซ้ำยังจูบอย่างหนักหน่วง

เธอถอดรองเท้าส้นสูงออกไปแล้ว จึงไม่มีส่วนสูงที่จะพอเป็นต่อกับเขาได้ มู่นวลนวลทำได้เพียงเงยหน้ารับการจูบของเขาอย่างไม่สมยอม

มู่นวลนวลถูกเขากดแนบเข้ากับกำแพง โดยที่ด้านหนึ่งก็คือกำแพงที่หนาวเย็น ส่วนอีกด้านก็คือแผ่นอกที่ร้อนแรงราวกับไฟ ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย

โม่ถิงเซียวไม่ได้ให้โอกาสในการต่อต้านเขากับเธอเลยเสียด้วยซ้ำ มีแต่คลำหาวิธีดึงทึ้งเสื้อผ้าของเธอทิ้ง

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท