เรื่องที่มีคนแอบถ่ายเซินเหลียงเมื่อครั้งก่อน เพราะสุดท้ายเเล้วไม่ประสบผลสำเร็จ จึงปล่อยไปอย่างละเลย
ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุ เพราะเรื่องแบบนี้มีเยอะมากในวงการบันเทิง จึงไม่สามารถตรวจสอบได้ทุกเรื่อง
บริษัทที่เซินเหลียงเคยอยู่มาก่อน ปัจจุบันเป็น Shengding Media มีหลายคนที่อยากจะเเข่งขันเเละมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเซินเหลียง หลายคนจึงอยากจัดการกับเซินเหลียง
เเละผู้กำกับที่เซินเหลียงตามหาก็เป็นชายชู้ของหลั๋วหยิ๋งพอดี นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน หลั๋วหยิ๋งคงรู้อยู่เเล้วว่าช่วงนี้เซินเหลียงกำลังหาฉินอัน เพื่อให้เขาช่วยดูบทละครให้ จึงจงใจให้ฉินอันเบี้ยวเซินเหลียง เเละอยากให้เซินเหลียงอับอาย
นี่คงจะวางแผนไว้ล่วงหน้ามานานเเล้วสิ
เรื่องที่บาร์ครั้งก่อนก็ผ่านมาตั้งนานเเล้ว เเต่หลั๋วหยิ๋งยังคงหาโอกาสมาเป็นอริกับเซินเหลียงอยู่เสมอ เธอคงเกลียดเซินเหลียงเข้าไส้ละมั้ง
” ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดเหลวไหลอะไรอยู่! ” หลั๋วหยิ๋งจ้องมู่นวลนวลเขม็ง เเละพูดขึ้นเสียงสูง: ” ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไร เซินเหลียงไปล่วงเกินคนอื่นจนทำให้ถูกแอบถ่าย เเล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยล่ะ? อีกอย่าง ตอนนี้เซินเหลียงก็ยังอยู่ดีไม่ใช่หรือไง! เธอเป็นโรคประสาทหรอห๊ะ! ”
” อย่าเอาเรื่องต่ำช้ามาใส่ร้ายฉันเพียงเพราะผู้กำกับฉินไม่อยากเจอพวกเธอนะ! ฉันไม่มีเวลามาสิ้นเปลืองกับพวกเธอหรอก ฉันขอตัวเข้าไปก่อนล่ะ ”
หลั๋วหยิ๋งพูดจบก็หมุนตัวเข้าไป สายตาของเธอเหลือบไปเห็นเงาคนที่อยู่ไม่ไกลออกไป เเละได้พูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย: ” ใครคนนั้นอ่ะเธอเร็วหน่อยได้ไหม ไปห้องน้ำอะไรตั้งนาน อย่าทำให้ประธานชิวต้องรอนานสิ ”
มู่นวลนวลมองตามสายตาของหลั๋วหยิ๋งไป ตอนเธอเห็นคนคนนั้นอย่างชัดเจนก็ได้ชะงักไปทันที
ทำไมมู่หวันฉีมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? เธอกำลังทำอะไรกับหลั๋วหยิ๋ง?
มู่หวันฉีรู้สึกสับสนนิดหน่อย เมื่อสักครู่เธอเห็นมู่นวลนวลเเล้ว จึงกำลังจะอ้อมไปทางอื่นเเล้วค่อยวกกลับมาใหม่ เเต่ไม่คิดว่าจะถูกหลั๋วหยิ๋งเห็นเข้าก่อน
ถึงเเม้ว่าในใจมู่หวันฉีจะไม่พอใจท่าทีที่หลั๋วหยิ๋งปฏิบัติต่อเธอ เเต่บนใบหน้าของเธอยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม: ” ฉันก็มาเเล้วนี่ไง! ”
” รีบเข้าไปเถอะ กว่าฉันจะช่วงชิงโอกาสมาให้เธอได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอต้องคว้าเอาไว้ให้แน่นนะ ” หลั๋วหยิ๋งเหลือบมองมู่หวันฉีนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ส่งเสียงฮึออกมาเเละเดินเข้าไปด้านใน
มู่หวันฉีรู้สึกว่ามู่นวลนวลกำลังมองเธออยู่ จึงหันไปจ้องเขม็ง: ” มองอะไร? ”
” ไม่มีอะไร ก็เเค่สงสัยว่าถ้าปู่รู้ว่าพี่มาคลุกคลีกับคนพวกนี้ เขาจะคิดยังไงก็เท่านั้น ” มู่นวลนวลกอดแขนเเละมองมู่หวันฉีนิ่งๆ
วันนี้มู่หวันฉีมีการเตรียมตัวมาอย่างเห็นได้ชัด เธอเเต่งหน้าสวยงาม ใส่ชุดเดรสเว้าอกเก็บทรง ตรงคอเสื้อสามารถเห็นร่องอกได้อย่างชัดเจน……
ถ้าทิ้งเรื่องไร้สาระของเธอก่อนหน้านี้ออกไป อันที่จริงเธอก็ค่อนข้างสวยมากเลยทีเดียว
” เเกกล้าบอกเรื่องฉันกับปู่หรอ เป็นแบบนั้นฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่! ” มู่หวันฉีพูดขู่เธอ
มู่นวลนวลไม่สนใจ เธอจับเซินเหลียงเเละกำลังจะเดินออกไป
เเต่ไม่คิดว่ามู่หวันฉีจะพูดขึ้นมาอีก: ” ทางที่ดีช่วงนี้แกก็ควรทำตัวให้ดีๆหน่อย รอให้ฉันกลายเป็นนักแสดงดีเด่นเเละเเต่งงานกับซือเฉิงยวี่เเล้ว ในฐานะคนของตระกูลมู่ บนหน้าแกก็จะได้มีแสงสว่างเหมือนกัน ”
มู่นวลนวลยังไม่ทันหัวเราะ เซินเหลียงก็ได้หัวเราะออกมาก่อนเเล้ว
” ฮ่าฮ่าฮ่า…… ” เซินเหลียงหัวเราะจนตัวงอ: ” เธอน่ะหรอนักแสดงดีเด่น? ”
มู่นวลนวลก็รู้สึกอยากขำเหมือนกัน
สิ่งที่เธอต้องการจะหัวเราะไม่ได้เกี่ยวกับการที่มู่หวันฉีกลายเป็นนักแสดงดีเด่น หรือต้องการแต่งงานกับซือเฉิงยวี่ เเต่อยากหัวเราะเพราะประโยคสุดท้าย
——ในฐานะคนของตระกูลมู่ บนหน้าแกก็จะได้มีแสงสว่างเหมือนกัน
คนของตระกูลมู่งั้นหรอ?
เธอไปเป็นคนของตระกูลมู่ตอนไหนกัน?
ไม่เคยเลย ไม่เคยมาตั้งเเต่ไหนเเต่ไร
พอเห็นว่าใบหน้าของมู่หวันฉีใกล้จะโมโหจนเบี้ยวเเล้ว มู่นวลนวลจึงจับเซินเหลียงเเล้วพูดขึ้น: ” ไปกันเถอะ ”
เมื่อสักครู่ตอนที่มู่นวลนวลพูดกับมู่หวันฉี หลั๋วหยิ๋งยังไม่ได้เข้าไป เธอเห็นมู่หวันฉีรู้จักกับมู่นวลนวล จึงเกิดความสงสัยขึ้นในใจ: ” ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับเธอ? ”
มู่หวันฉีกำลังโกรธขึ้นหน้า น้ำเสียงของเธอจึงไม่น่าฟังนัก: ” ไม่ได้เป็นอะไรกัน ”
หลั๋วหยิ๋งไม่ใช่คนที่หลอกง่ายอะไรขนาดนั้น เธอถนัดเรื่องการสังเกตคนจากคำพูด บทสนทนาของพวกเธอเมื่อสักครู่ หลั๋วหยิ๋งฟังได้อย่างชัดเจน จึงถามอย่างซักไซ้: ” ปู่ของมู่นวลนวลก็คือปู่ของเธอเหมือนกันหรอ? เเสดงว่ามู่นวลนวลเป็นน้องสาวของเธองั้นสิ? ”
” ลูกของเเม่เลี้ยง พ่อกับปู่ของฉันไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่ ” อาการหงุดหงิดของมู่หวันฉีเเสดงออกมาทางสีหน้า
หลั๋วหยิ๋งกลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เเต่เธอไม่ได้สนใจปฏิกริยาของมู่หวันฉีเเม้เเต่นิดเดียว เอาเเต่ถามเรื่องของมู่นวลนวล
เธอพูดขึ้น: ” เธอคือน้องสาวของเธอที่เเต่งเข้าไปในตระกูลโม่? ”
” คุณคิดจะทำอะไร? ” มู่หวันฉีชะงักไป เเละได้ตระหนักถึงจุดประสงค์อื่นของหลั๋วหยิ๋ง
หลั๋วหยิ๋งยกยิ้ม ในตาของเธอมีเเสงของความโลภเกิดขึ้น: ” สามีของน้องสาวเธอเป็นทายาทของตระกูลโม่ อยากได้เงินก็ได้เงิน อยากได้อำนาจก็จะได้อำนาจ ถ้าเธออยากเข้าวงการบันเทิง ไปขอความช่วยเหลือจากเขาก็ได้หนิ? ”
” ไปหาคนพิการนั้นจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? ” มู่หวันฉีมีสีหน้าเหน็บแนม เธอไม่สนใจคำพูดของหลั๋วหยิ๋ง
หลั๋วหยิ๋งยกยิ้มเเละรู้สึกว่ามู่หวันฉีคนนี้โง่จริงๆ
ตระกูลโม่เป็นตระกูลที่มีอิทธิพลอันดับต้นๆของเซี่ยงไฮ้ ต่อให้โม่ถิงเซียวจะเป็นคนพิการที่ไร้ประโยชน์เเละหน้าตาอัปลักษณ์เเล้วยังไง มีเงินมีอำนาจก็พอเเล้วไม่ใช่หรอ?
ถ้าเธอเจอโม่ถิงเซียวเเละได้รับความนิยมชมชื่นจากเขา เธอจะไม่ต้องโยนความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายที่แตกต่างกันอีกต่อไป……
……
มู่นวลนวลกับเซินเหลียงเดินไปที่ห้องรับรองพิเศษเเละพูดคุยกันไปด้วย
เซินเหลียงถามเธอ: ” สมองส่วนไหนของมู่หวันฉีที่ผิดปกติไปถึงทำให้เธอคิดอยากจะเข้าวงการบันเทิง? ปู่ของเธออนุญาติให้มู่หวันฉีเข้าวงการบันเทิงหรอ? ”
” ปู่น่าจะยังไม่รู้เรื่องนี้ ” ตั้งเเต่มู่เจิ้งซิวกลับมา ช่วงนี้มู่หวันฉีก็ทำตัวดีขึ้นไม่น้อยเลย ถึงอย่างไรมู่เจิ้งซิวก็มีความน่ากลัวกว่ามู่ลี่หยานอยู่เเล้ว
เเต่ที่เธอนึกไม่ถึงคือมู่หวันฉีดูเหมือนต้องการจะจับซือเฉิงยวี่จริงๆ เเละเธออยากแต่งงานกับซือเฉิงยวี่เพื่อต้องการเข้าวงการบันเทิงเป็นนักเเสดงดีเด่น
” ไม่รู้ว่าในหัวเธอกำลังคิดอะไรอยู่จริงๆ…… ”
เซินเหลียงยังพูดไม่ทันจบ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาสะก่อน
พอเธอรับโทรศัพท์เสร็จก็หันมาพูดกับมู่นวลนวล: ” ที่บ้านโทรมา มีธุระนิดหน่อยน่ะ ฉันต้องขอตัวกลับก่อนนะ ”
” เธอมีธุระก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวฉันกลับเอง ”
หลังจากที่เซินเหลียงกลับไปมู่นวลนวลก็กลับมาที่ห้องรับรองพิเศษอีกครั้ง เธอไม่มีอารมณ์ดื่มชาอะไรเเล้ว จึงหยิบกระเป๋าเเละลงลิฟท์ไป
ลงมาถึงชั้นหนึ่ง พอประตูลิฟท์เปิดออก ผู้ชายร่างใหญ่สามคนก็ปรากฏตัวที่ประตูลิฟท์อย่างเป็นระเบียบ
” นวลนวล ”
คนที่พูดขึ้นก่อนคือกูจื่อหยาน
ผู้ชายสามคนนี้ก็คือโม่ถิงเซียว กูจื่อหยานเเละฟู่ถิงซี
ฟู่ถิงซีขี้เกียจมองชายหนุ่มสองคนนี้ทำงานเหมือนเป็นบ้าไปแล้ว จึงลากพวกเขาออกมาดื่ม เเต่ไม่คิดว่าพอมาถึงก็จะเจอเข้ากับมู่นวลนวล
โม่ถิงเซียวเดินอยู่หน้าสุด สายตาของมู่นวลนวลมองผ่านหน้าเขาไปหยุดที่กูจื่อหยาน: ” พวกคุณมาทานอาหารกันหรอ ”
” ใช่ครับ คุณ……มาคนเดียวหรอ? ” กูจื่อหยานมีท่าทีอยากจะพูดเเต่ก็ไม่พูด เเต่มู่นวลนวลรู้ว่านัยยะในคำพูดของเขาคืออะไร
” ใช่ค่ะ เดิมทีมากับเซินเหลียง เเต่เธอมีธุระจึงกลับไปก่อนเเล้ว ” มู่นวลนวลดึงสายกระเป๋าบนไหล่เเละพูดขึ้น: ” พวกคุณไปทานอาหารเถอะ ฉันขอตัวกลับก่อน ”