กูจื่อหยานสังเกตได้ว่ามู่นวลนวลไม่มองโม่ถิงเซียวเลยตั้งเเต่เจอหน้าจนถึงตอนนี้
เขามีใจอยากจะช่วยโม่ถิงเซียวจึงพูดขึ้น: ” จะกลับเเล้วหรอ ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ ถิงเซียวขับรถมาเอง อีกเดี๋ยวพอเขาดื่มเหล้าเเล้วคุณจะได้ช่วยเขาขับรถไง ”
” ยังมีซือเย่ไม่ใช่หรอ ถ้าเขาไม่มาช่วยขับก็เรียกบริการขับรถได้หนิ ” มู่นวลนวลยิ้มนิดหน่อย สีหน้าของเธอเป็นปกติมาก
โม่ถิงเซียวเคลื่อนสายตาไปมองมู่นวลนวล
ช่วงนี้เขาออกไปทำงานเร็วเเละกลับบ้านดึก อยู่บ้านก็เจอหน้ากันประเดี๋ยวเดียวเเละไม่ค่อยได้พูดคุยกันสักเท่าไหร่
นี่ถือว่าเป็นครั้งเเรกในสัปดาห์ที่เขาได้มองเธออย่างใกล้ชิดแบบนี้
ทั้งๆที่อยู่ในคฤหาสน์เดียวกัน เเต่พอมองเธอแบบนี้ เขากลับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะคิดถึงเธออยู่บ้างเล็กน้อย
มู่นวลนวลก็รู้สึกว่าโม่ถิงเซียวกำลังมองเธออยู่เเละเธอกลั้นสีหน้าไว้ไม่ไหว หน้าของเธอจึงเริ่มเเข็งทื่อขึ้น
เธอกลัวว่าตัวเองจะอยู่ต่อเเละจะรักษาความราบเรียบบนใบหน้าต่อไปไม่ได้ จึงก้าวเท้าเดินออกไป
ฝีเท้าเพิ่งก้าวออกไป มือของเธอก็ถูกคนจับไว้สะก่อน
ต่อมา น้ำเสียงทุ้มแหบก็ดังขึ้นข้างหูของเธอ: ” ไปด้วยกัน ”
น้ำเสียงราบเรียบ ไม่รับรู้ถึงอารมณ์ใดๆ
อุณหภูมิบนมือของเขาทั้งร้อนทั้งเเห้ง เขากำมือเธอไว้แน่น กลับรู้สึกสบายใจเเละอบอุ่นอย่างน่าประหลาด
มู่นวลนวลงอนิ้วมือนิดหน่อย หลังจากนั้นก็พูดขึ้น: ” ฉันยังต้องกลับไปเขียนบทความอีก ”
โม่ถิงเซียวหน้าหม่นลง เขาไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธอีกจึงลากเธอเข้าไปในลิฟท์ทันที
กูจื่อหยานกับฟู่ถิงซีก็เดินตามเข้ามาเหมือนกัน
มู่นวลนวลโมโหที่เอามือออกมาไม่ได้
ความโกรธในใจก็ค่อยๆเเล่นขึ้นมาช้าๆ
โม่ถิงเซียวก้มมองเธอ เขามองใบหน้าขาวที่กำลังขึงตึง ทั้งๆที่โกรธมาก เเต่เธอกลับไม่สามารถกำเริบออกมาได้ ทำให้อารมณ์กลัดกลุ้มของเขาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีได้อย่างน่าประหลาด
กูจื่อหยานที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นสีหน้าของพวกเขาสองคนอย่างชัดเจน
เขารู้สึกว่าโม่ถิงเซียวไม่รู้จักที่ตายจริงๆ
แหย่เธอจนโกรธขนาดนี้ เขายังมาอารมณ์ดีได้อีก?
คงไม่ใช่โรคจิตใช่ไหม?
พอนึกถึงเซินเหลียง อย่าว่าเเต่จะให้เขาจับมือเลย เซินเหลียงสามารถพูดคุยกับเขาได้ไม่กี่คำ ก็สามารถทำให้เขาดีใจไปได้หลายวันเลยทีเดียว
จริงๆเลยนะ……
มีคนที่ไหนก็มักจะมีการเปรียบเทียบที่นั่นเสมอ!
……
ต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงจะสามารถพาโม่ถิงเซียวขึ้นมาบนรถได้
เพราะเวลาโม่ถิงเซียวเมา นอกจากมู่นวลนวลเเล้ว เขาก็ไม่ให้ใครเเตะตัวเลย
กูจื่อหยานเมาเหมือนหมูเเละให้คนพาเขาขึ้นรถไปแล้ว
ฟู่ถิงซีปิดประตูเเล้วเดินมาที่หน้าต่างรถของโม่ถิงเซียวเเละมู่นวลนวล: ” คุณไหวไหม? ”
” ที่บ้านมีบอดี้การ์ดค่ะ ” ถ้าเธอลากโม่ถิงเซียวไม่ไหวก็ให้บอดี้การ์ดช่วย
ฟู่ถิงซีเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย เเต่ไม่ได้พูดอะไร
มู่นวลนวลรู้สึกมึนงงนิดหน่อยเเละพูดขึ้น: ” อย่างมากก็ต่อยเขาให้สลบเเล้วค่อยให้บอดี้การ์ดพาขึ้นไป ”
ไม่รู้ว่าโม่ถิงเซียวเป็นโรคอะไรนักหนาที่พอเมาเเล้วก็ไม่ให้ใครเเตะตัวเลย ให้เธอแตะได้คนเดียว
เหอะ เธอสงสัยอย่างจริงจังว่าผู้ชายคนนี้กำลังแกล้งเมา
มู่นวลนวลรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในสายตาของฟู่ถิงเซียว ถ้าเธอไม่ได้ตีความผิดไป ในสายตาของฟู่ถิงเซียวมีความนับถืออยู่ในนั้น……
ไม่อย่างนั้นเธอจะทำยังไงล่ะ? เธอแบกเขาไม่ไหวหรอกนะ
มู่นวลนวลขับรถพาโม่ถิงเซียวกลับมาที่บ้าน
โม่ถิงเซียวที่เมาเงียบมาก เขาหลับตาพริ้มเเละปล่อยให้มู่นวลนวลพยุงเขาเข้าไปข้างใน
ถึงเเม้ว่ามู่นวลนวลจะใช้เเรงมากในการพยุงเขา เเต่เธอยังคงกัดฟันเเละลากเขาขึ้นชั้นบนได้ในที่สุด
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงไม่ให้บอดี้การ์ดช่วย
เธอโยนโม่ถิงเซียวลงบนเตียง หลังจากนั้นก็ไปห้องอาบน้ำเเละหยิบผ้าขนหนูเปียกมาเช็ดหน้าให้เขา
เพราะก่อนหน้าตอนอยู่ที่ร้านอาหารจินติ่ง เขาปฏิเสธการช่วยเหลือจากพนักงาน เสื้อเชิ้ตบนตัวจึงยับยู่ยี่ กระดุมที่คอเสื้อก็ถูกปลดออกสามเม็ด เขาเม้มริมฝีปากแน่น หลับตาพริ้ม ดูน่ากลัวน้อยกว่าปกติเล็กน้อยเเละไม่ได้อันตรายขนาดนั้นเเล้ว
มู่นวลนวลสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้เขา
มือของเธอเพิ่งยื่นออกไป อยู่ๆเขาก็ลืมตาขึ้นมา
มู่นวลนวลตกใจเเละชักมือกลับทันที
สายตาของโม่ถิงเซียวค่อนข้างว่างเปล่า อยู่ๆเขาก็ลุกขึ้นมานั่งเเละจ้องมู่นวลนวล
มู่นวลนวล: ” ……คุณ ตื่นเเล้วหรอ? ”
โม่ถิงเซียวโผล่เข้ามากอดเธอทันที หลังจากนั้นก็เรียกเธออย่างนุ่มนวล: ” แม่! ”
มู่นวลนวลมือสั่น ผ้าขนหนูในมือตกลงไปบนเตียง
ผ้าขนหนูค่อนข้างเปียกเเละสามารถทำให้ผ้าปูที่นอนเปียกได้ มู่นวลนวลจึงหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเเละโยนไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่โม่ถิงเซียวกอดเธอ เขาก็ไม่ได้ขยับตัวอีกเลย
เเละมู่นวลนวลเองก็ไม่กล้าขยับเหมือนกัน เพราะโม่ถิงเซียวในสภาพนี้ค่อนข้างอ่อนโยนจนน่ากลัว
ผ่านไปสักพัก มู่นวลนวลก็ตัวเเข็งทื่อ เธอลองเรียกเขา: ” โม่……โม่ถิงเซียว? ”
โม่ถิงเซียวไม่ได้ขานรับ มู่นวลนวลจึงลองยื่นมือไปผลักเขา
ผลก็คือพอเธอขยับตัว โม่ถิงเซียวก็ดูเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกเปิดเครื่อง เขากอดเธอแน่นอีกครั้งเเละร้องเรียกขึ้นมา: ” แม่ ”
มู่นวลนวล: ” …… ”
ผ่านไปสักพัก เธอก็เอื้อมมือไปตบไหล่โม่ถิงเซียวเเละพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ: ” ลูกปล่อยแม่ก่อน แม่จะเปลี่ยนชุดให้ลูก…… ”
พอพูดจบ มู่นวลนวลก็ตัวสั่นทันที
เเต่คำพูดนี้กลับมีผลต่อโม่ถิงเซียวอย่างน่าประหลาด
เขาปล่อยมู่นวลนวลออกอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นก็กางแขนออกเเละรอให้เธอเปลี่ยนชุดให้เขา
เขาหลับตาพริ้ม ความน่ากลัวบนใบหน้าไม่หลงเหลืออีกต่อไป อีกทั้งเชื่อใจมู่นวลนวลสนิท