พอคิดได้ดังนั้น สีหน้าของมู่นวลนวลก็เย็นชาขึ้นทันที
คนแก่พวกนั้นคุยกับมู่นวลนวล มู่นวลนวลก็ขานรับนิ่งๆ ไม่ได้มีความกระตือรือร้นอะไร
บางครั้งคนที่มีอายุเยอะเเล้วก็มักจะสนใจในศักดิ์ศรีของตัวเอง หนึ่งในนั้นพอเห็นมู่นวลนวลเป็นแบบนี้ ก็ได้ล้อเล่นกับศักดิ์ศรีของเธอ
อาหารมื้อนี้ทานไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่
หลังเลิกจากงานเลี้ยงอาหาร มู่นวลนวลกับมู่เจิ้งซิวก็กลับไปที่โรงเเรม
ระหว่างทางกลับโรงเเรมทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกัน จนถึงโรงเเรม ตอนที่กำลังขึ้นลิฟท์อยู่ๆมู่เจิ้งซิวก็พูดขึ้น: ” นวลนวล เธออย่าคิดว่าฉันกำลังหลอกใช้เธอนะ ทุกสิ่งที่ฉันทำในตอนนี้ก็เพื่อตระกูลมู่ ”
คำพูดของมู่เจิ้งซิวยืนอยู่บนจุดสูงสุดของศีลธรรม
เพื่อตระกูลมู่
——พี่ของแกควรเเต่งงานกับคนที่ดีกว่านี้
——อย่าลืมว่าแกก็เป็นคนของตระกูลมู่เหมือนกัน
——ฉันทำเพื่อตระกูลมู่
ตอนที่ทุกคนหลอกใช้เธอมักจะมีเหตุผลของตัวเองกันทั้งนั้น
เเล้วเธอล่ะ?
เธอสมควรโดนพวกเขาหลอกใช้ สมควรยอมรับชะตาชีวิตอย่างนั้นหรอ?
มู่นวลนวลหันไปมองเขา ใบหน้าขาวของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชาและภายใต้แสงไฟในลิฟต์ มันก็เย็นยะเยือกมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอมองมู่เจิ้งซิวอย่างแน่วแน่: ” แต่การบาดเจ็บที่ฉันได้รับตั้งแต่เด็กทั้งหมดล้วนมากจากฝีมือของคนตระกูลมู่นะคะ ”
มู่เจิ้งซิวได้ยิงดังนั้นใบหน้าของเขาก็ตึงขึ้นทันที สีหน้าของเขาก็สับสนด้วยเช่นกัน
เป็นอย่างที่โม่ถิงเซียวบอก มู่เจิ้งซิวเป็นคนที่ฉลาด เวลาคุยกับเขาก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมาย
ผ่านไปสักพัก มู่เจิ้งซิวก็พูดขึ้น: ” ก่อนหน้านี้พ่อกับพี่สาวของเธอกำลังสบสน ต่อไปคงไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกเเล้ว ”
ติ้ง——
พอถึงชั้นที่เลือกไว้ ลิฟท์ก็เปิดออก
มู่นวลนวลเดินออกไปก่อน: ” ที่มู่หวันฉีส่งคนมาทำร้ายหนูก็เป็นเรื่องสับสนหรอคะ? ”
พูดจบเธอกำลังจะเดินไป เเต่อยู่ๆกลับนึกขึ้นได้ เธอจึงหันกลับมามองมู่เจิ้งซิวเเละพูดขึ้นเสียงเบา: ” ปู่คะ หนูมีอีกเรื่องที่รู้สึกสับสนมาโดยตลอด ”
มู่เจิ้งซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาทำหน้าขรึม คงเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากการพูดคุยกับเธอเมื่อสักครู่ สีหน้าของเขาจึงดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
” ตอนนั้น ทำไมตระกูลโม่ถึงยอมให้มู่หวันฉีหมั้นกับโม่ถิงเซียวล่ะคะ? ต่อให้โม่ถิงเซียวจะเป็นผู้ชายที่เสียโฉมเเละไร้มนุษยธรรมจริง เเต่เขาก็สามารถหาผู้หญิงที่ดีเด่นกว่ามู่หวันฉีให้มาเป็นคุณหญิงได้หนิคะ ”
ทักษะเล็กๆของมู่นวลนวลอาจหลอกลวงมู่ลี่หยานได้ เเต่ต่อหน้ามู่เจิ้งซิว ทักษะพวกนั้นกลับไม่จำเป็นอีกต่อไปเเล้ว
ในเมื่อมู่เจิ้งซิวสามารถสืบรู้ได้อย่างง่ายดายขนาดนั้นว่าเธอเป็นคนให้นักข่าวไปแอบถ่ายโรงงาน เรื่องอื่นก็ยากที่จะหลอกเขาได้อีก
จึงพูดออกมาเลยดีกว่า
ในตาของมู่เจิ้งซิวมีเเสงแหลมคมพัดผ่านไปเเละเขาก็ได้พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาทันที: ” ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอทำหน้าที่คุณหญิงของตระกูลโม่ให้ดีก็พอเเล้ว ไม่ว่าเธอจะเกลียดพ่อกับพี่สาวของเธอขนาดไหน เเต่พวกเขาก็เป็นญาติพี่น้องของเธอเเละในเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเธอก็เป็นของตระกูลมู่ ”
นี่ไม่ใช่ครั้งเเรกที่มู่นวลนวลได้ยินคำนี้
เธอไม่ได้หวังให้มู่เจิ้งซิวตอบคำถามของเธอ เเต่วิธีแบบนี้มันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ทันใดนั้นเธอก็ได้พูดขึ้นเสียงเย็น: ” หัวใจเป็นตัวผลิตเลือด ปู่สามารถให้หัวใจของฉันกลายเป็นตระกูลมู่ได้ไหมล่ะคะ? ”
เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของมู่เจิ้งซิวเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มู่นวลนวลหัวเราะเเละเดินจากไป
มู่เจิ้งซิวกับโม่ถิงเซียวเป็นเหมือนกัน ทั้งสองเป็นคนที่ถนัดเรื่องการควบคุมคนอื่น
เพียงเเต่วิธีควบคุมของมู่เจิ้งซิวแพร่ผ่านทางด้านนอก วิธีของโม่ถิงเซียวกลับไม่เเสดงอาการใดๆออกมา เเต่กลับแข็งแกร่งมาก
……
เธอไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกับมู่เจิ้งซิวตลอดสองสามวันที่ผ่านมา มู่นวลนวลก็รู้สึกล้าไปทั้งตัว
มู่เจิ้งซิวคาดว่าจะกลับวันมะรืน เเต่มู่นวลนวลไม่อยากอยู่ต่อเลยสักวัน เธออยากกลับพรุ่งนี้ให้รู้เเล้วรู้รอดไปเลย
พอเธอเปิดกระเป๋าสัมภาระเพื่อเตรียมจัดของ ก็ได้รับโทรศัพท์จากโม่ถิงเซียวสะก่อน
” เพิ่งกลับโรงเเรมหรอ? ”
” อืม ” มู่นวลนวลนั่งลงข้างเตียง เรื่องสองสามวันนี้ทำให้เธอได้รับผลกระทบนิดหน่อย
โม่ถิงเซียวเงียบไปสักครู่ อยู่ๆก็ได้ยินเขาพูดขึ้น: ” เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า? ”
เขาคงรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของมู่นวลนวลผิดปกติไป เขาจึงลดเสียงลงอย่างไม่รู้ตัว
มู่นวลนวลรู้สึกอบอุ่นในใจเเละเธอก็พูดขึ้น: ” ไม่มีอะไร ก็เเค่อยากกลับเเล้ว ”
” กลับพรุ่งนี้? ”
” อืม พรุ่งนี้ ”
” ฉันไปรับคุณเอง ”
หลังจากที่ได้พูดโทรศัพท์กับโม่ถิงเซียวสักพัก มู่นวลนวลก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองดีขึ้นเยอะเลย เธอจึงรีบไปจัดของให้เสร็จเเละหลับไป
ตอนเช้าวันต่อมา เธอไม่ได้สนใจมู่เจิ้งซิว พอเธอออกจากโรงเเรมก็มุ่งหน้าไปที่สนามบินทันที
เธอรู้สึกเหนื่อยกับเรื่องเเละคนของตระกูลมู่เเล้วจริงๆ
ตอนนั่งอยู่บนเครื่องบิน มู่นวลนวลก็ส่งข้อความหาโม่ถิงเซียว ส่งเสร็จเธอก็ปิดเครื่อง
พอคิดว่าหลังจากนี้สองชั่วโมงเธอก็จะได้เจอโม่ถิงเซียวเเล้ว ในใจของเธอก็ลิงโลดเล็กน้อย
ตอนลงจากเครื่องบิน พอเธอออกมาจากสนามบินก็เปิดโทรศัพท์เเละพบว่าโม่ถิงเซียวไม่ได้ตอบกลับข้อความของเธอ เเต่มีสายที่ไม่ได้รับหลายสายจากเซินเหลียงเเทน
” นวลนวล? ”
ด้านหลังมีคนเรียกเธอ
มู่นวลนวลคิดว่าตัวเองฟังผิดไปจึงไม่ได้สนใจ จนกระทั่งมีคนตบไหล่เธอเบาๆ เธอถึงจะหันกลับไปมองเเละเจอกับซือเฉิงยวี่
มู่นวลนวลรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย: ” พี่? ”
หลังจากอธิบายเรื่องที่งานเลี้ยงเมื่อครั้งก่อนอย่างชัดเจนเเล้ว มู่นวลนวลก็ไม่ได้กีดกันซือเฉิงยวี่ขนาดนั้นเเล้ว
ซือเฉิงยวี่ใส่เสื้อคลุมยาวลายตาราง ด้านในเป็นเสื้อไหมพรมคอเต่าสีขาว ผมปล่อยลู่ลงมาไม่ได้จัดทรงเเต่อย่างใด เขาดูอบอุ่นเเละเป็นมิตร
สายตาของเขาไปหยุดที่กระเป๋าสัมภาระข้างมือของเธอ: ” คุณไปไหนมาหรอ? ”
” ฉันเพิ่งกลับมาจากไปทำงานนอกสถานที่ที่เมืองซีมาค่ะ ” ตอนนี้มู่นวลนวลถึงเห็นว่าข้างกายของซือเฉิงยวี่ไม่มีทั้งเอเจนซี่ทั้งผู้ช่วย เเละยังไม่มีกระเป๋าสัมภาระอีกด้วย: ” เเล้วคุณล่ะ? ”
” ผมเพิ่งกลับมาจากไปถ่ายรายการนอกสถานที่ครับ พอดีซื้อตั๋วไม่ได้ พวกเขาจึงมาเครื่องลำถัดไปแทนน่ะครับ ” ซือเฉิวยวี่มองไปรอบๆ: ” โม่ถิงเซียวไม่ได้มารับคุณหรอครับ? ”
” เขาอาจจะยังไม่ถึงมั้งคะ ฉันขอโทรหาเขาก่อนนะคะ ”
เเละในตอนนี้ โทรศัพท์ของมู่นวลนวลก็มีสัญญาณของข้อความใหม่ดังขึ้น
เป็นข้อความจากโม่ถิงเซียว: ” มีงานด่วน ฉันจะให้ซือเย่ไปรับคุณ ”
สีหน้าของมู่นวลนวลชะงักไปนิดหน่อย หลังจากนั้นเธอก็ตอบข้อความโม่ถิงเซียวกลับด้วยคำว่า ” อืม ”
การเปลี่ยนเเปลงทางสีหน้าของมู่นวลนวลหนีไม่พ้นสายตาของซือเฉิงยวี่: ” อีกเดี๋ยวกลับไปรถก็คงจะติดเเล้ว ถ้าโม่ถิงเซียวยังไม่มารับคุณ ผมขับรถไปส่งคุณก็ได้นะครับ ”
มู่นวลนวลพยักหน้า: ” งั้นก็รบกวนคุณหน่อยนะคะ ”
ซือเฉิงยวี่หยิบผ้าปิดปากขึ้นมาสวม หลังจากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสัมภาระในมือมู่นวลนวลมาถือ: ” ตามผมมา ”
มู่นวลนวลอยากบอกว่าเธอถือเองได้ เเต่ซือเฉิงยวี่เดินไปไกลเเล้ว เธอจึงทำได้เพียงเดินตามเขาไป
รู้สึกว่าสาวๆที่เดินผ่านไปผ่านมากำลังมองไปที่ซือเฉิงยวี่ เธอถึงนึกขึ้นได้ว่าซือเฉิงยวี่คือคนที่มีชื่อเสียง ถ้าเขาถูกคนจำได้ล่ะ……
ดังนั้น เธอจึงเดินให้ช้าลงเเละจงใจเว้นระยะห่างกับซือเฉิงยวี่
ซือเฉิงยวี่วางกระเป๋าสัมภาระของมู่นวลนวลลงบนรถ พอหันกลับมาก็เห็นมู่นวลนวลกำลังวิ่งมาทางนี้ด้วยท่าทางลับๆล่อๆ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมา: ” คุณทำท่าทางลับๆล่อๆแบบนี้ ยิ่งดูน่าสงสัยนะครับ ”