มู่นวลนวลอึดอัดวางตัวไม่ถูก แต่ก็ยังรู้สึกระวังความปลอดภัยมากขึ้น
เธอดึงประตูรถและเข้าไปนั่งในรถ
เนื่องจากซือเฉิงยวี่เป็นคนขับรถ ถ้านั่งที่เบาะหลังก็จะรู้สึกว่าซือเฉิงยวี่กลายเป็นโชเฟอร์ มันจะดูไม่มีมารยาทเกินไป มู่นวลนวลก็เลยมานั่งที่ตำแหน่งด้านข้างคนขับ
รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น มู่นวลนวลหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรกลับไปหาเซินเหลียง
โทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย จนมันตัดสายโดยอัตโนมัติ
มู่นวลนวลรู้สึกไม่สบายใจ คงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเซินเหลียงนะ?
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว เซินเหลียงก็โทรมาหาเธอ
มู่นวลนวลรีบรับโทรศัพท์:“เสี่ยวเหลียง”
“นวลนวล เธออยู่ที่ไหน?ทำไมก่อนหน้านี้โทรศัพท์ปิดเครื่อง?” น้ำเสียงของเซินเหลียงดูจริงจัง
หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก?
มู่นวลนวลรู้สึกกระวนกระวายใจ:“ก่อนหน้านี้อยู่บนเครื่องบิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอ?”
“เธอไม่เห็นข่าว……” เซินเหลียงพูดถึงตรงนี้แล้วจู่ๆก็หยุดพูดไป ดูเหมือนไม่รู้ว่าจะพูดออกมายังไง
“ข่าวอะไร?” ในใจของมู่นวลนวลมีลางสังหรณ์ไม่ดี
“คือหลั๋วหยิ๋ง……” เซินเหลียงม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนี้ยังไง และพูดอย่างร้อนใจว่า:“ฉันส่งรูปให้เธอ เธอไปดูเอาเอง”
แล้วก็วางสาย ไม่นานมู่นวลนวลก็ได้รับข้อความวีแชทแจ้งเตือน
เธอคลิกเข้าไปที่วีแชท แล้วพบว่าเซินเหลียงได้ส่งรูปให้เธอหลายรูป และเป็นรูปขนาดยาวทั้งหมด รูปไม่ชัดแต่สามารถเห็นข่าวและภาพหน้าจอเวยป๋อ
มู่นวลนวลคลิกเปิดรูปและขยายให้ใหญ่ขึ้น นที่สุดเธอก็เห็นเนื้อหาในนั้น
“นักแสดงสาวอันดับที่สองและคุณชายตระกูลร่ำรวย คฤหาสน์ส่วนตัว……”
เนื้อหาของข่าวเป็นการคาดเดาทั้งหมดและไม่มีเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญ แต่ในรูปด้านล่าง เป็นเงาของผู้หญิงและคฤหาสน์ด้านหลังของเธอ มู่นวนวลก็จำได้
เธอเคยเจอหลั๋วหยิ๋งหลายครั้ง และเธอก็รู้สึกประทับใจกับหลั๋วหยิ๋ง เพียงแวบเดียวเธอก็จำได้ว่าผู้หญิงที่สวมแว่นกันแดดคือหลั๋วหยิ๋ง
และคฤหาสน์ด้านหลังหลั๋วหยิ๋งก็คือคฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว!
มู่นวลนวลพลันนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้หลั๋วหยิ๋งไปหาเธอที่มู่กรุ๊ป ไม่เพียงแค่มาขอโทษเธอ แต่ยังซื้อของแบรนด์ดังมามอบให้เธอเพื่อเป็นการขอโทษด้วย
ในตอนนั้นเธอยังรู้สึกว่าหลั๋วหยิ๋งมีจุดประสงค์อื่น แต่เธอไม่ได้คิดไปถึงตัวของโม่ถิงเซียว เธอคิดว่าเธอปฏิเสธหลั๋วหยิ๋งก็จบแล้ว คิดไม่ถึงว่าหลั๋วหยิ๋งจะไปหาที่คฤหาสน์ของโม่ถิงเซียว
มันเหมือนกับที่เธอคิด ถึงแม้ในสายตาของคนนอก โม่ถิงเซียว“ทั้ง
เลวและไร้มนุษยธรรม” เป็นเพียงคุณชายของตระกูลโม่ ก็เพียงพอที่จะให้ผู้หญิงมาหาถึงหน้าประตู
ตอนนี้ความรู้สึกของนวลนวลค่องข้างยุ่งเหยิง
ก่อนหน้านี้โม่ถิงเซียวบอกว่าจะไม่มารับเธอชั่วคราว พูดแล้วก็คงเป็นเรื่องนี้?
รูปในเวยป๋อด้านล่างวิเคราะห์สถานะของหลั๋วหยิ๋งกับเจ้าของคฤหาสน์
การวิเคราะห์ในเวยป๋อเป็นข้อความยาว มีเหตุมีผล ถ้าไม่รู้ว่าโม่ถิงเซียวเย่อหยิ่งอวดดี มู่นวลนวลก็คงจะเชื่อที่ในเวยป๋อพูดกัน “ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ แต่คนที่มักมากในกามจนติดเป็นนิสัย ก็จะไม่ปฏิเสธคนที่มาหาถึงที่”
เวลาที่โม่ถิงเซียวอยู่บนเตียง เขาเหมือนหมาป่าที่ดุร้าย
ถึงจะไม่ปฏิเสธคนที่มาหาถึงที่?
โม่ถิงเซียวต้องการผู้หญิงแบบไหนก็ไม่มี?
มู่นวลนวลหักล้างคำพูดของบล็อกเกอร์คนนั้นอยู่ในใจ และเซินเหลียงไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่ยังคงส่งข้อความถึงเธอ
“ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกว่ามู่หวันฉีกับหลั๋วหยิ๋งคงไม่สบกันทำเรื่องไม่ดี ความทะเยอทะยานอันร้องแรงของผู้หญิงคนนั้นมากจริงๆ!”
“รู้อย่างนี้ ก่อนหน้านี้ฉันน่าจะฆ่าเธอซะ ทำให้เธอออกจากวงการบันเทิงไป!”
“นวลนวล?เธอเห็นข้อความของฉันไหม?ฉันคิดว่าถ้าบอสใหญ่เจตนาจะนอกใจ ก็ไม่ถึงกับว่าต้องไปหาผู้หญิงอย่างหลั๋วหยิ๋ง อย่างน้อยก็ต้องหาดอกไม้ประจำชาติ สาวสวยที่มีชื่อเสียง”
มู่นวลนวลเห็นแล้วก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นี่เธอปลอบคนแบบนี้หรอ?
ซือเฉิงยวี่ที่อยู่ข้างๆเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของมู่นวลนวล จึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า:“เป็นอะไร?”
“ไม่มีอะไร” มู่นวลนวลเงยหน้ามองซือเฉิงยวี่ มือก็ไม่ว่าง พิมพ์ข้อความส่งให้เซินเหลียง
ข้อความที่เธอส่งไปคือ:“ข่าวพวกนี้กับเวยป๋อถูกถอนออกไปแล้วไม่ใช่หรอ?
เซินเหลียงตอบกลับ:“ถอนนานแล้ว”
อย่างนั้นก็ดี
“ฉันยังอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน รอฉันกลับบ้านไปลองถามสถานการณ์ของโม่ถิงเซียวก่อค่อยว่ากัน” มู่นวลนวลส่งข้อความนี้กลับไปให้เซินเหลียง และวางโทรศัพท์ลง
“เสี่ยวเฉินเป็นยังไงบ้าง?” วันนี้ไม่เห็นโม่เจียเฉิน ก็เลยรู้สึกคิดถึงเขา
“เชิญป้ามาทำอาหารให้เขา อยู่บ้านทั้งวันไม่เล่นเกมส์ก็ดูหนัง เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาบอกฉันว่าฉันอยากกลับไปที่โม่ถิงเซียว” ซือเฉิงยวี่พูดถึงตรงนี้แล้วก็ยิ้ม:“ฉันรู้สึกว่าพี่ชายของฉันคนนี้ค่อนข้างไร้ความสามารถ”
ถึงแม้ว่าโม่เจียเฉินจะแวะโม่ถิงเซียวกับเขาว่าทั้งดุทั้งเย็นชา และยังไม่ให้เงินเขาใช้ แต่ภายในไม่กี่วันหลังจากไปที่บ้าน เขาก็เอะอะโวยวายว่าอยากกลับไปที่บ้านของโม่ถิงเซียว
สักพักก็บอกว่าอยากทานอาหารที่มู่นวลนวลทำ สักพักก็บอกว่าตัวเองลืมเอาหนังสือเรียนมา……
พูดไปพูดมาแล้ว โม่เจียเฉินก็ยังอยากที่จะอยู่กับโม่ถิงเซียว
มู่นวลนวลไม่ยอมให้ซือเฉิงยวี่ไปส่งเธอกลับบ้าน เธอจึงลงจากรถที่ใจกลางเมืองแล้วเรียกรถกลับไปคฤหาสน์
“เป็นคุณนายรองที่ดี!”
เมื่อเธอลงจากรถ ยามหน้าประตูทักทายเธอทันที หลักจากนั้นก็เดินมาข้างหน้าแล้วช่วยเธอถือสัมภาระ
มู่นวลนวลเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับถามว่า:“คุณชายของพวกคุณล่ะ?”
บอดี้การ์ดพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า:“คุณชายออกไปตั้งแต่เช้า”
เมื่อมาถึงประตูห้องโถง ป้าหูออกมาต้อนรับ:“ฉันอยู่ที่นี่ได้ยินพวกเขาเรียกคุณ คุณกลับเที่ยวบินตอนเช้าหรอ?คงจะยังไม่ได้ทานอาหารเช้า ตอนเช้าฉันต้มโจ๊กให้คุณชาย เขาก็กินนิดหน่อย ฉันจะไปอุ่นให้ทาน”
“ขอบคุณค่ะป้าหู”
มู่นวลนวลพูดขอบคุณ และขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชั้นบน
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เปิดประตู ก็ถูกโอบกอดด้วยความอบอุ่นและจิตใจที่โอบอ้อมอารี
ลมหายใจที่คุ้นเคยพุ่งเข้ามาที่จมูก มู่นวลนวลยื่นมือออกไปกอดกลับ
โม่ถิงเซียวก้มหน้าลงและจูบเบาๆ:“คุณกลับมาได้ยังไง?ซือเย่บอกว่าเขาไม่ได้ไปรับคุณที่สนามบิน”
มู่นวลนวลก็ไม่ปิดบัง:“บังเอิญเจอพี่ชายคนโตที่สนามบิน เขาพาฉันนั่งรถมาถึงใจกลางเมือง และฉันก็เรียกรถกลับมา”
เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าลมหายใจของโม่ถิงเซียวเปลี่ยนไป ราวกับว่าเธอไม่พอใจ
“ครั้งก่อนที่งานเลี้ยง พี่ชายคนโตไม่ได้ตั้งใจ และบังเอิญเจอที่สนามบิน เขาบอกว่าอยากมาส่งแต่ฉันปฏิเสธ”
มู่นวลนวลอธิบายกับเขาด้วยความอดทน แต่สิ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้คือเธอรู้สึกอึดอัดใจ
โม่ถิงเซียวบอกชัดเจนว่าจะไปรับเธอที่สนามบิน เธอยังคิดว่าลงเครื่องแล้วจะได้เจอกับโม่ถิงเซียว สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดว่าจะไปรับ
“อืม” โม่ถิงเซียวตอบด้วยอารมณ์ที่ไม่แน่นอน จากนั้นเขาก็ก้มลงจะไปจูบมู่นวลนวล
มู่นวลนวลรีบผลักเขาออก:“ป้าหูยังรอให้พวกเราลงไปทานอาหาร ฉันยังไม่ได้ทานอาหารเช้า หิวมาก”
โม่ถิงเซียวได้ยินอย่างนั้นแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้”