ในห้องอาหาร
มู่นวลนวลกำลังนั่งกินข้าว โม่ถิงเซียวโอบแขนเธอไว้ นั่งตรงข้ามกับเธอและจ้องมองเธอ
สีหน้าของเขาเย็นชา แต่สายตาจดจ้องมองเธอ ราวกับว่าไม่ได้เห็นเธอมาหลายปี
มู่นวลนวลรู้สึกว่าโม่ถิงเซียวติดหนึบเกินไป เขามองเธอจนเธอรู้สึกอึดอัด
ด้วยเหตุนี้เธอจึงถามโม่ถิงเซียวว่า:“หลั๋วหยิ๋ง……เธอเกิดอะไรขึ้น?”
แน่นอนว่าเธอเชื่อใจโม่ถิงเซียว แต่ก็แค่อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
โม่ถึงเซียวไม่ตอบและถามกลับ:“เห็นข่าวแล้วใช่ไหม?”
“อืม เห็นแล้ว” มู่นวลนวลยัดโจ๊กเข้าปากอีกหนึ่งช้อน แล้วหรี่ตาเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจ
ฝีมือของป้าหูอร่อยมาก
แม้ว่าเธอจะทำอาหารเป็น แต่ฝีมือของป้าหูดีกว่าเธอมากๆ
โม่ถิงเซียวสังเกตท่าทางของเธอ พบว่านอกเหนือจากใบหน้าที่พึงพอใจแล้วก็ยังไม่มีร่องรอยของความโกรธเลย
เขาขมวดคิ้วและถามว่า:“ไม่โกรธ?”
“ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่เรื่องจริง แล้วมีอะไรจะต้องโกรธ” มันเป็นเพียงช่องว่างเท่านั้น
ชื่อของโม่ถิงเซียว ถูกเชื่อมโยงกับผู้หญิงคนอื่นๆ เธอก็ไม่ได้สบายมากนัก
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว เธอก็เอาช้อนจิ้มลงในชามสองครั้ง ตอนนี้เธอรู้สึกโกรธนิดหน่อย
โม่ถิงเซียวจ่องมองเธออย่างไม่ละสายตา:“เชื่อใจฉันอย่างนั้นหรอ?”
“ทำไมต้องไม่เชื่อใจคุณ?ถ้าคุณต้องการคนอย่างหลั๋วหยิ๋ง ไม่สู้คุณไปหามู่หวันฉี”
มู่นวลนวลพูดถึงแก่นแท้ด้วยการอุปมา และสีหน้าของโม่ถิงเซียวก็ซึมลง
มู่นวลนวลเหลือบมองเขาอย่างระมัดระวัง และพบว่าสีหน้าของเขาไม่ค่อยดี คำพูดนั้นของเธอยั่วโมโหเขา?
“มู่นวลนวล เธอฟังฉันให้ชัดๆนะ”
“หื้ม?” ต้องการจะด่าเธอ?
“ฉันไม่อนุญาตให้เธอพูดว่าให้ฉันไปหาผู้หญิงคนอื่นอีก”
“หื้ม?” มู่นวลนวลกำลังไตร่ตรองในใจว่า ถ้าโม่ถิงเซียวด่าเธอ เธอจะตอบกลับไปยังไง แต่โม่ถิงเซียวกลับพูดอย่างนี้
เธอทำอะไรไม่ถูก บางครั้งเธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดื้อรั้นยิ่งกว่าเธอ
“ฉันแค่เปรียบเทียบเป็นตัวอย่างเท่านั้น”
“แค่เปรียบเทียบก็ไม่ได้”
“……โอเค” ความเย่อหยิ่งของมู่นวลนวลอ่อนลงทันที
สีหน้าของโม่ถิงเซียวตรงไปตรงมา และพูดกับมู่นวลนวลอย่างถูกต้อง
เขาขมวดคิ้วและพูดว่า:“หลั๋วหยิ๋งกำลังสงสัยตัวตนของฉัน”
มู่นวลนวนกินเกือบจะหมดแล้ว เมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอก็วางช้อนลงแล้วมองไปที่เขา:“งั้นทำยังไงดี?”
โม่ถิงเซียวคร่ำครวญอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า:“ปล่อยให้เป็นไปตามนั้น”
“ปล่อยให้เป็นไปตามนั้น?” มู่นวลนวลตามความคิดของเขาไม่ทัน
ให้เป็นไปตามนั้นความหมายคือ โม่ถิงเซียวจะปรากฏตัวต่อสายตาของสาธารณชนหรอ?
เมื่อเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลโม่ ข่าวลือที่ทำให้เสียหายไม่ต้องชี้แจ้งแก้ไขก็จะยุติไปเอง
และสิ่งที่ตามมาอาจจะเป็น……ผู้หญิงนับไม่ถ้วนที่อยากมาอยู่ใกล้โม่ถิงเซียว
ความรู้สึกในใจของมู่นวลนวลนั้นลึกซึ้งละเอียดอ่อน
ราวกับว่าเธอเก็บของล้ำค่าเอาไว้ และมีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถมองเห็นมันได้ตลอด แม้ว่าเธอจะรู้ว่าของล้ำค่านั้นมีค่ามากแค่ไหน แต่ในวันหนึ่งของล้ำค่านี้ก็ต้องปรากฏต่อสายตาของสาธารณชน และยังเป็นที่ต้องการของผู้คนมากมาย
ความรู้สึกแบบนี้……ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
“อิ่มแล้วหรอ?”
จู่ๆโม่ถิงเซียวถาม มู่นวลนวลพยักหน้า:“อืม”
หลังจากนั้นมู่ถิงนวลก็ถูกโม่ถิงเซียวลากกลับไปที่ห้องนอน พอเข้าประตูมาก็จูบอย่างรุนแรงดุจพายุพัดโหม
ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนในใจของมู่นวลนวลก็ถูกจูบที่แนบสนิทนั้นชะล้างจนหายไป
ก่อนหน้านี้เคยได้ยินว่าไม่ได้พบเพียงหนึ่งวัน เหมือนไม่ได้พบกันนานสามปี มู่นวลนวลรู้สึกว่ามันเกิดจริงไปหน่อย
แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามู่นวลนวลก็รู้สึกเช่นนี้เช่นกัน
มู่นวลนวลคล้อยตามและให้ความร่วมมือ ทำให้โม่ถิงเซียวยิ่งอารมณ์ดี
เมื่ออารมณ์เข้มข้น โม่ถิงเซียวก็เล้าโลมเธอด้วยเสียงที่แผ่วเบา:“เรียกสามีสิ”
“สามี……!”
……
มู่นวลนวลขึ้นเครื่องบินตอนเช้า หลังจากกลับมาถึงเธอก็กินโจ๊กเพียงหนึ่งชาม และถูกโม่ถิงเซียวจับตัวเข้าไปในห้อง
เมื่อตื่นขึ้นว่าก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว
ไฟดวงใหญ่ในห้องยังไม่ได้เปิด มีเพียงแสงไฟอ่อนๆด้านข้าง
มู่นวลนวลหันหน้าไปมองโม่ถิงเซียวนั่งอ่านเอกสารอยู่บนโซฟาไม่ไกลจากเตียงนอน ด้านข้างมีโคมไฟตั้งพื้นส่องแสงสีเหลืองสลัว
โม่ถิงเซียวอาบน้ำแล้ว ผมบนหน้าผากของเขานุ่มสลวย และสวมเสื้อผ้าสบายๆ แสงไฟสีเหลืองสลัว ทำให้ออร่าบนตัวเขาลดลงไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรเขาดูอ่อนโยนมาก
มู่นวลนวลจ้องมองเขาสักพัก และอดไม่ได้ที่จะยิ้มและกลิ้งไปมา
การเคลื่อนไหวของเธอดึงดูดความสนใจของโม่ถิงเซียว
เขาเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเขาเหมือนกับระบายสีด้วยหมึกเข้ม จนไม่สามารถแยกแยะอารมณ์ความรู้สึกของเขาได้ เห็นได้ชัดถึงความอ่อนโยน
และพูดเสียงต่ำว่า:“หิวไหม?”
“หิว” มู่นวลนวลอ้าปากก็พบว่าเสียงของตัวเองแหบแห้ง เธอจึงพยักหน้า
โม่ถิงเซียววางเอกสารในมือ ลุกขึ้นเดินมานั่งที่ข้างเตียง และโน้มตัวไปจูบที่หน้าผากเธอ
พอจะปลีกตัวออกก็พบว่าดวงตาที่สวยงามของมู่นวลนวลจ้องมองมาที่เขา
เขาชอบดวงตาของเธอมากที่สุด สวยงามยังไม่พอ เวลาที่เธอมองมาก็รู้สึกว่ามันดึงดูดเขา
เขาอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปจูบอีกครั้ง
มู่นวลนวลหายใจไม่ออก ดิ้นๆแล้วยื่นมือผลักเขาออกไป:“ฉันหิวมาก!”
ลมหายใจของโม่ถิงเซียวกระวนกระวาย:“จะลงไปกินชั้นล่างหรือให้เอาขึ้นมา?”
“ลงไปกินชั้นล่าง!” ถ้าให้เอาขึ้นมาชั้นบน ป้าหูจะไม่รู้ได้อย่างไรกันว่าเธอกับโม่ถิงเซียวทำอะไรกันในห้องเมื่อตอนบ่าย!
โม่ถิงเซียวมองความคิดของเธอออก เขาเม้มริมฝีปากและหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาดูมีความสุขและอิ่มอกอิ่มใจ
มู่นวลนวลรู้สึกว่าเขากวนตีน และยื่นมือออกไปทุบที่หน้าอกเขาสองที
……
เช้าวันต่อมา
มู่นวลนวลถูกโทรศัพท์ปลุก
เธอยื่นมือออกไปหาโทรศัพท์ โม่ถิงเซียวที่อยู่ข้างๆหาโทรศัพท์ของเธอเจอ และช่วยวางสายให้เธอ
เขาดึงเธอกลับเข้ามาในอ้อมแขน:“ยังเช้าอยู่ นอนต่ออีกสักหน่อย”
เธอจ้องมองและกำลังจะนอนต่อ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
มู่นวลนวลก็ตื่นขึ้นมา เมื่อโม่ถิงเซียวเห็นว่าเธอถูกปลุก สีหน้าของเขาก็ไม่ค่อยดี จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกำลังจะปิดเครื่อง
“อย่าปิดเครื่อง เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน” มู่นวลนวลหยิบโทรศัพท์มาจากมือของโม่ถิงเซียว
เสียงของเซินเหลียงดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เห็นได้ชัดว่าเธอทั้งตื่นเต้นและโมโห:“เธอยังหลับอยู่ใช่ไหม!รีบลุกขึ้นมาเลย พวกเราต้องไปจับชู้ที่โรงแรม!”
“ห่ะ?จับใคร?” มู่นวลนวลสับสนงงงวย จับใครแต่เช้า?
เซินเหลียงพูดด้วยน้ำเสียงกังวล:“แน่นอนว่าเป็นสามีของเธอ โม่ถิงเซียว!”
มู่นวลนวลเหลือบมองโม่ถิงเซียวที่กำลังจะจูบตัวเอง:“……”