เช้าตรู่ เซินเหลียงโทรให้ไปจับชู้ที่โรงแรม และยังเป็นชู้ของโม่ถิงเซียว
แต่โม่ถิงเซียวก็อยู่ข้างๆเธอ ตั้งแต่กลับมาถึงเมื่อวานตอนเที่ยง ทั้งสองคนก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย
เรื่องนี้ดูยังไงก็แปลก
“เกิดอะไรขึ้น?” มู่นวลนวลพลิกตัวและลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง:“ตอนนี้โม่ถิงเซียวอยู่ข้างๆฉัน”
“หา?” เซินเหลียงแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด
โม่ถิงเซียวได้ยินมู่นวลนวลพูดถึงเขา เขาก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ และยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ของเขา ปัดนิ้วไปมาบนหน้าจอสักพัก และสุดท้ายก็ส่งให้มู่นวลนวล
ด้านบนพาดหัวข่าวสดๆร้อนๆ หัวข้อข่าวเป็นที่สะดุดตาและเต็มไปด้วยลูกเล่น
“ทายาทของตระกูลโม่ที่ไม่ปรากฏตัวตามงานสังคมมานานกว่าสิบปี เปิดเผยความลับ……กับผู้หญิงหลายคน……”
คีย์เวิร์ดเหล่านี้ถูกรวมเข้าด้วยกัน แล้วซัดสาดเขามาในสายตาของมู่นวลนวล ในสองของเธอก็แจ่มแจ้ง
เขาพึมพาออกมาว่า:“เสี่ยวเหลียง ตอนนี้โม่ถิงเซียวอยู่ข้างๆฉัน มีอะไรค่อยมาว่ากันทีหลัง”
หลังจากวางสายแล้วมู่นวลนวลก็หยิบโทรศัพท์ของโม่ถิงเซียวมา และคลิกเข้าไปอ่านข่าว
ในนั้นไม่ได้มีแค่รูปของโม่ถิงเซียว แต่ยังมีรูปของผู้หญิงคนอื่นๆของเขาที่เข้าออกโรงแรมด้วยกัน
ข่าวล่าสุดยังบอกอีกว่าโม่ถิงเซียวพาผู้หญิงสองสามคนมาค้างคืนที่โรงแรมนี้เมื่อคืน
โม่ถิงเซียวไม่เคยเห็นทุกคนในรูปมาก่อน ข่าวนี้ไม่เพียงแต่เปิดเผยตัวตนของโม่ถิงเซียว แต่ยังเปิดเผยรูปร่างหน้าตาของเขาด้วย เซินเหลียงจึงเชื่อว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ทันใดนั้นโม่ถิงเซียวที่อยู่ด้านข้างก็ยื่นมือมาหยิบโทรศัพท์ออกจากมือของเธอ และพูดเสียงต่ำ:“ไม่ต้องดูแล้ว มันเป็นรูปตัดต่อ”
มู่นวลนวลปล่อยให้เขาหยิบโทรศัพท์ออกไป และถามว่า:“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ตัวตนของฉันก็จะถูกประกาศออไปไม่ช้าก็เร็ว ยังไงหลั๋วหยิ๋งก็รู้อยู่แล้ว อย่างนั้นก็ไม่สู้ประกาศออกไปเลย” น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวเบาลง เห็นได้ชัดว่าเขาวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว
มู่นวลนวลนึกถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อวานนี้ว่า “ปล่อยให้เป็นไปตามนั้น” ที่แท้นี่ก็คือความหมายของสิ่งนี้
“แต่ทำไมต้องทำอย่างนี้?” สายตาของมู่นวลนวลมองไปที่รูปและข่าวในโทรศัพท์
รูปนี้แสดงให้เห็นโม่ถิงเซียวกับผู้หญิงคนอื่น เป็นคู่ที่เข้าและออกจากโรงแรม
ถึงแม้โม่ถิงเซียวจะบอกว่ามันเป็นรูปตัดต่อ แต่เห็นแล้วก็รู้สึกบาดตา
“เดิมทีต้องพึ่งพาเรื่องของหลั๋วหยิ๋งเพื่อที่จะเปิดเผยตัวตนต่อสาธารณชน จึงปล่อยให้เป็นไปตามนั้น”
หลังจากที่โม่ถิงเซียวอธิบายเสร็จ ก็เห็นมู่นวลนวลหน้าตาบูดบึ้ง เขาเม้มริมฝีปากและโน้มตัวจะไปจูบเธอ
เขากำลังจะจูบเธอ
มู่นวลนวลหันหน้าไปด้านข้าง:“ยังไม่ได้แปรงฟัน”
“ฉันไม่รังเกียจคุณ” โม่ถิงเซียวเอียงหัว และจะจูบเธออีกครั้ง
มู่นวลนวลยื่นมือมาปิดปากเขา:“ฉันรังเกียจคุณ”
พูดจบเธอก็ยกผ้าห่มออกและลุกจากเตียง
เขาพยายามจับมือของเธอข้างหนึ่ง และเปลี่ยนท่าไปด้านข้างเพื่อจูบเธอ และส่งสายตามองเธอเข้าไปในห้องอาบน้ำ
มู่นวลนวลปิดประตูห้องน้ำ และยื่นอยู่ที่หน้ากระจก
ชุดนอนของเธอ เป็นโม่ถิงเซียวที่อุ้มเธอไปอาบน้ำ และช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอเมื่อคืนนี้
ตั้งแต่คอไปจนถึงคอเสื้อ มีรอยยืดออกของเสื้อผ้า ทั้งหมดเป็นหลักฐานการใช้ความรุนแรงอย่างไม่เกรงใจของโม่ถิงเซียว
ในใจเธอรู้ดีว่าโม่ถิงเซียวจะประกาศตัวตนของเขาด้วยวิธีนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกและเป็นปกติที่สุด แต่เธอเห็นรูปในข่าวนั่นแล้วก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้หงุดหงิด
มู่นวลนวลอบน้ำอย่างเชื่องช้า เมื่อออกมาก็พบว่าโม่ถิงเซียวเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาสวมชุดสูทอย่างเนี้ยบจนเกิดความรู้สึกห่างเหิน
ในมือเขาถือเน็กไท เมื่อเห็นมู่นวลนวลออกมา เขาก็เงยหน้ามองไปที่เธอ และพูดเสียงต่ำว่า:“มานี่”
เธอเดินเขาไป แล้วเขาก็เอาเน็กไทใส่มือเธอ:“รอฉันออกมาผูกเน็กไท”
จากนั้นเขาก็หันหลังเข้าไปในห้องน้ำ
มู่นวลนวลมองเน็กไทในมือของเธอด้วยความตะลึง
ผู้ชายคนนี้จริงๆเลย……
……
มู่นวลนวลเพิ่งกลับมาจากไปทำธุระกับมู่เจิ้งซิว พอดีวันนี้เป็นวันศุกร์ และเธอได้รับการอนุมัติเป็นพิเศษให้หยุดพักเพิ่มอีกหนึ่งวัน
หลังจากที่โม่ถิงเซียวออกไป มู่นวลนวลวางแผนจะเอาคอมพิวเตอร์มาเขียนบท
ถึงแม้ว่าครั้งสุดท้ายที่เซินเหลียงแนะนำผู้กำกับให้เธอจะล้มเหลว แต่เธอก็ยังต้องเขียนบทละครของเธอ เธอไม่เชื่อว่าบทละครของตัวเองจะขายไม่ได้!
เธอเตรียมจะเดินลงไปที่ชั้นล่าง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วพบว่ามู่หวันฉีโทรมา
มู่นวลนวลรู้ว่าทำไมมู่หวันฉีถึงโทรมาหาเธอ เธอไม่รับสาย
ตัวตนของโม่ถิงเซียวได้ประกาศต่อสาธารณชนแล้ว และแน่นอนว่ามู่หวันฉีต้องคับอกคับใจ
ก่อนหน้านี้มู่หวันฉีจ้องจะเขมือบโม่ถิงเซียวที่ยังคงเป็น“โม่เจียเฉิน” ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เธอรู้แล้วว่า“โม่เจียเฉิน” ก็คือโม่ถิงเซียว เธอคงไม่ยอมวางมืออย่างแน่นนอย
มู่หวันฉีโทรติดต่อกันหลายครั้ง มู่นวลนวลก็ไม่ได้ปิดเครื่อง แต่อดทนให้วางสายไปทีละสาย
เธอสามารถจินตนาการถึงการแสดงออกของมู่หวันฉีได้ ในตอนนี้จมูกของเธอเบี้ยวเพราะความโกรธ
มู่หวันฉีโทรต่อเนื่องกันหลายสิบครั้งด้วยความเพียรพยายามอย่างมาก และในที่สุดก็หยุดลง
ไม่นานเสี่ยวชูเหอก็โทรมา และหลังจากนั้นก็เป็นมู่ลี่หยาน……
แต่มู่นวลนวลก็ไม่ได้รับสายเลย
เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะโทรมาหาเธอด้วยความเป็นห่วง
พอกลับไปที่ห้องและหยิบคอมพิวเตอร์ออกมา โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นโม่เจียเฉินโทรมา
“พี่นวลนวล ผมกับพี่เสี่ยวเหลียงกำลังจะออกไปช๊อปปิ้ง พี่อยากออกไปเที่ยวด้วยกันไป”
โม่เจียเฉินกับเสี่ยวเหลียง?
เด็กคนนี้กับเสี่ยวเหลียงนัดกันไปเที่ยวด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่?
เดิมทีมู่นวลนวลก็ไม่ได้คิดอยากจะเขียนบทมากนัก เธอจึงตอบตกลง
เธอนั่งรถไปตามที่อยู่ที่มู่เจียเฉินส่งถึงเธอ หลังจากที่มาถึงก็พบว่าที่นี่คือสวนสนุก
เซินเหลียงกับโม่เจียเฉินทั้งสองคนปิดบังอย่างมิดชิด ในมือถือไอศกรีมและขนมสายไหม
เซินเหลียงมีแสนยานุภาพ คนปกติองเธอไม่ออก
“ในที่สุดเธอก็มาแล้ว!” เซินเหลียงยื่นขนมสายไหมให้มู่นวลนวล ซึ่งเธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน
มู่นวลนวลรับไว้และพูดเงียบๆ:“ช่วงนี้คุณดูเหมือนจะว่างมาก”
ดูเหมือนการแสดงของเซินเหลียงเพิ่มสูงขึ้น น่าจะมีประกาศออกไปมากมาย
“ฉันก็แค่เป็นห่วง” เซินเหลียงกลอกตา:“ไปเล่นด้วยกันเถอะ”
ในตอนบ่ายทั้งสามคนเล่นในสวนสนุกอย่างบ้าคลั่ง แล้วโม่ถิงเซียวก็โทรมาหามู่นวลนวล แต่เธอก็ไม่ได้รับสาย
มีหลายคนมาทานข้าวที่ห้องอาหาร โม่ถิงเซียวก็โทรศัพท์หาเธออีกครั้ง
ทันทีที่เธอรับสาย โม่ถิงเซียวก็พูดด้วยความโกรธ:“อยู่ไหน?ทำไมไม่รับโทรศัพท์?”
“อยู่ข้างนอก ไม่ได้ยิน” มู่นวลนวลดูเมนูไปพลางรับสายไปพลาง เลยไม่ได้สังเกตถึงความโกรธในน้ำเสียงของโม่ถิงเซียว
จู่ๆในห้องอาหารก็มีเสียงแหลบของผู้หญิงดังขึ้น
“มู่นวลนวล!”
มู่นวลนวลได้ยินเสียงแล้วก็เงยหน้าขึ้น เธอเห็นมู่หวันฉีเดินเข้ามาหาเธอจากประตูร้านอาหารด้วยความกระวนกระวาย
มู่หวันฉีมองเธอด้วยสายตาดุร้าย ราวกับว่าเธอเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อของเธอ