มู่นวลนวลรู้ตั้งนานแล้วว่ามู่หวันฉีไม่ยออมเลิกรา เธอไม่รับสายของมู่หวันฉีทั้งวัน ตอนนี้มู่วันฉีโกรธมากจนแทบจะระเบิดออหมา
“มีเรื่องบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกเธอ”
โม่ถิงเซียวก็ได้ยินเสียงที่มู่หวันฉีพูด เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม:“คุณอยู่ที่ไหน?”
มู่นวลนวลไม่พูดอะไรมากและวางสายไป
เดิมทีมู่หวันฉีมาหาเธอก็เพราะโม่ถิงเซียว เธอไม่อยากทำให้โม่ถิงเซียวถูกมู่หวันฉีเอาเปรียบ
อืม แม้ว่ามู่หวันฉีจะจ้องมองโม่ถิงเซียว แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามู่หวันฉีเอาเปรียบเขา
มู่หวันฉีมองไปที่มู่นวลนวล ดวงตาของเธอดูเหมือนจะลุกเป็นไฟ:“มู่นวลนวล!ฉันหาเธอมาทั้งวัน เธอสบายดี และยังมีกะจิตกะใจหลบซ่อนมาทานอาหารที่นี่!”
น่าสนใจจริงๆ เธอใช้คำว่าหลบซ่อนมาทานอาหาร!”
“ทำไมฉันจะไม่มีกะจิตกะใจทานอาหาร?และฉันก็ไม่ได้หลบซ่อน แค่ไม่อยากสนใจเธอเท่านั้น” มู่นวลนวลชำเลืองมองไปที่มู่หวันฉีด้วยสีหน้าไม่แยแส โดยไม่ละสายตา
ถ้าไม่ใช่ในที่สาธารณะ มู่หวันฉีคงจะอยากกระโดดขึ้นมาฉีกหน้าของมู่นวลนวล
มู่หวันฉีกัดฟันและพูดว่า:“เธอรู้ตั้งนานแล้วว่า‘โมเจียเฉิน’ก็คือโม่ถิงเซียว?แต่เธอก็ไม่พูดอะไร ทำให้พวกเราทุกคนดูโง่!เธอมันหน้าเนื้อใจเสือ!”
ในตอนแรกที่เธอถูกบังคับให้แต่งงานเข้าตระกูลโม่ แต่ตอนนี้เธอมันหน้าเนื้อใจเสือ!
ปัง!
มู่นวลนวลไม่ทันได้พูด เซินเหลียงยื่นมือออกไปตบโต๊ะอาหารแล้วลุกขึ้นยืน:“มู่หวันฉีเธอจะพอได้รึยัง ในตอนแรกเธอบังคับให้นวลนวลช่วยเธอ เธอไม่ชอบโม่ถิงเซียวก็เลยให้นวลนวลแต่งงานเข้าตระกูลโม่ ตอนนี้เธอรู้ว่าโมถิงเซียวเป็นคนที่ปกติ และยังหล่อหน้าตาดี เธอรู้สึกเสียดายแล้วก็วิ่งมาหาเรื่องนวนวล ตอนออกจากบ้านไม่ได้เอาหน้ามาหรือไง?”
มู่หวันฉีรู้จักเซินเหลียง
เมื่อก่อนตอนที่เธอรังแกมู่นวลนวลก็เคยเจอกับเซินเหลียง และรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของมู่นวลนวลกับเธอนั้นสนิทสนมกันมาก
อยู่ที่บ้านเซินเหลียงก็ถูกตามใจจนโต เธอเป็นลูกสาวเศรษฐีที่เย่อหยิ่ง เธอจ้องมองมู่หวันฉีด้วยสายตาเย็นชา ประกอบกับเสียงตบโต๊ะที่ดังเมื่อตะกี้ ทำให้มู่หวันฉีโกรธ
มู่หวันฉีเพิ่มระดับเสียงเพื่อให้ออร่าของเธอดูเต็มอิ่ม:“เรื่องนี้เป็นเรื่องของฉันกับมู่นวลนวล ไม่เกี่ยวกับเธอ!”
เซินเหลียงเลิกคิ้ว และแสดงท่าทีไม่สนใจ:“ฉันก็ด่าของฉันไป เกี่ยวอะไรกับเธอ?”
“เธอ……” มู่หวันฉีชะงักและไม่รู้จะพูดอะไร
มู่นวลนวลเรียกผู้จัดการร้านมา:“รบกวนพาผู้หญิงคนนี้ออกไปหน่อย เธออยู่ตรงนี้ทำให้ฉันไม่มีอารมณ์จะทานอาหาร”
ผู้จัดการรีบเรียกบริกรสองคนมาและชี้ไปที่มู่หวันฉี:“พาคุณผู้หญิงท่านนี้ออกไป”
มู่หวันฉีโกรธจนหน้าเขียว:“พวกคุณทำอะไร ฉันมาทานอาหารนะ!”
เซิยเหลียงมีเงิน แน่นอนว่าต้องเป็นร้านอาหารระดับไฮเอนด์ แม้แต่ผู้จัดการก็ไปต่างประเทศเพื่อรับการฝึกอบรมด้านการจัดเลี้ยงและการจัดการโรงแรมพิเศษ
เสียงของมู่หวันฉีที่ดังขึ้นเมื่อตะกี้ ทำให้ลูกค้าคนอื่นๆในร้านไม่พอใจ ผู้จัดการไม่สนว่าเธอจะพูดอะไร และโบกมือให้บริกรทั้งสองคนรีบพามู่หวันฉีออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่มู่หวันฉีออกไป ในร้านอาหารก็สงบลงอีกครั้ง
เซินเหลียงเอนหลังพิงโซฟาและพูดว่า:“ร้านอาหารนี้ยังคิดค่าบริการด้วย แต่ประสิทธิภาพในการทำงานนั้นใช้ได้เลย”
โม่เจียเฉินนั่งเฉยๆและเฝ้าดูเรื่องตลกอย่างเงียบๆ ราวกับเป็นมนุษย์ล่องหน จากนั้นเขาก็ค่อยๆพูดว่า:“ขอถามหน่อย ป้าคนเมื่อตะกี้พูดว่า‘โม่เจียเฉินก็คือโม่ถิงเซียว’ มันหมายความว่าไง?”
มู่นวลนวลก็นึกขึ้นได้ว่าโม่เจียเฉินก็อยู่ที่นี่ด้วย
โม่เจียเฉินเห็นมู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นมองตัวเอง ก็เลยถามต่อว่า:“พี่นวลนวลถูกบังคับให้แต่งงานกับพี่ชายของผมหรอ?”
เด็กน้อยถามอย่างตรงไปตรงมา
มู่นวลนวลยังไม่ได้คิดว่าจะพูดยังไง ก็เห็นว่าเซินเหลียงยกคางขึ้นชี้ไปข้างหลัง
เธอหันไปมอง และเห็นว่าโม่ถิงเซียวกำลังเดินมาทางด้านนี้
รูปร่างที่สูงดูทรงพลังและบุคลิกที่โดดเด่นของเขา เมื่อเดินเขามาในร้านก็ดึงดูดความสนใจของผู้คน
โดยเฉพาะลูกค้าผู้หญิง
มู่นวลนวลเหลือบมองไปที่โม่เจียเฉิน
แน่นอนว่าต้องเป็นโม่เจียเฉินที่บอกที่อยู่ให้กับโม่ถิงเซียว
โม่เจียเฉินเอามือแตะๆจมูก แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องโดยหันไปมองทางอื่น
เซินเหลียงยิ้มเหมือนดอกทานตะวัน และลุกขึ้นจากที่นั่งข้างๆมู่นวลนวล:“บอสใหญ่ คุณนั่งตรงนี้!”
ก่อนหน้านี้มู่นวลนวลได้อธิบายเรื่องข่าวกับเซินเหลียงแล้ว ดังนั้นตอนนี้โม่ถิงเซียวในใจของเซินเหลียงก็ยังเป็นบอสใหญ่เก่งกาจ และยังเป็นผู้ชายที่น่านับถือ
“ขอบคุณ” โม่ถิงเซียวพยักหน้าและนั่งลงข้างๆมู่นวลนวล
ทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกับเซินเหลียงและโม่เจียเฉิน ที่ส่งสัญญาณลับและร่วมกันดูเมนูอาหารโดยไม่สนใจมู่นวลนวล
โม่ถิงเซียวบีบมือของเธอไว้ และถามเธอเบาๆ:“มู่หวันฉีมาหาคุณหรอ?”
“ไปแล้ว” มู่นวลนวลพยักหน้า ก่อนหน้านี้โม่เจียเฉินน่าจะได้ยินเสียงทางโทรศัพท์แล้ว จึงไม่มีอะไรต้องปิดบัง
มันไม่ค่อยชัดเจน แต่ก็ทำให้มู่นวลนวลอบอุ่นหัวใจ และรู้สึกเหมือนกับมีอะไรบางอย่างล้นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
แต่เมื่อเธอคิดว่ามู่หวันฉีอยากจะได้โม่ถิงเซียว เธอก็กัดฟันและพูดว่า:“เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้ คุณไม่ต้องเข้ามายุ่ง และไม่อนุญาตให้คุณเจอมู่หวันฉี!”
น้ำเสียงที่จริงจังของเธอ โม่ถิงเซียวก็ฟังออก
เขาใช้ฝ่ามือที่ว่างเปล่าของเขาปิดริมฝีปากและกะแอมเพื่อปิดบังรอยยิ้ม จากนั้นก็ตอบอย่างเคร่งขรึม:“อืม”
มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสายตาที่แพรวพราวของเขามองมาที่เธอ เธอรู้ว่าใจของเธอหนีไม่พ้นสายตาของเขา เธอเม้มริมฝีปากและหยิกฝ่ามือของเขา
ฝ่ามือของเขาแห้งและอบอุ่น ถึงถูกหยิกก็คงไม่เจ็บ
แต่โม่ถิงเซียวแกล้งเธอ เขาโน้มตัวเข้ามาเหมือนกับว่าจะจูบเธอ
ช่วงนี้โม่ถิงเซียวมักจะจับเธอมาจูบบ่อยๆ ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร
มู่นวลนวลถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว แต่โม่ถิงเซียวก้จับไหล่ของเธอไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า:“ผมของคุณพันอยู่ คุณจะหนีทำไม?”
“……” เหอะๆ
โม่เจียเฉินแบบเงยหน้าขึ้นมองมู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียว เซินเหลียงรีบกดหัวของเขาลงอย่างรวดเร็วและกระซิบว่า “ผู้ใหญ่กำลังมีความรัก เด็กๆห้ามแอบมอง”
โม่เจียเฉินแบะปาก:“คนในชั้นเรียนของพวกเราก็มีคนมีความรัก”
“แล้วนายมีคนรักไหม?”
“ไม่มี……”
เซินเหลียงเยาะเย้ยเขา:“ฮ่าๆ คนโสด”
โม่เจียเฉิน:“……”
ทุกคนทานอาหารเสร็จแล้วก็กลับบ้าน
เมื่อมู่นวลนวลและมู่ถิงเซียวกลับถึงบ้าน ก็เห็นป้าหูมาต้อนรับพวกเขาด้วยหน้าตาที่โศกเศร้า
“คุณชาย คุณหญิง พวกคุณกลับมาแล้ว”
“ป้าหู” มู่นวลนวลสังเกตเห็นสีหน้าผิดปติของป้าหู
ป้าหูยิ้มและพูดกับโม่ถิงเซียวว่า:“เมื่อกี้ที่บ้านหลังเก่าโทรมาบอกว่าให้พวกคุณกลับไปพรุ่งนี้”