โม่ถิงเซียวกับมู่นวลนวลทานอาหารเช้าเป็นเพื่อนเจ้าสัวโม่ แล้วก็วางแผนที่จะจากไป
ก่อนที่จะจากไปเจ้าสัวโม่ก็เรียกมู่นวลนวล:“เธออยู่นี่ก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
หลังจากที่ได้อยู่ด้วยกันวันนี้ มู่นวลนวลรู้สึกว่าอันที่จริงแล้วเจ้าสัวโม่ก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ถึงจะมีนิสัยแปลกๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา
ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินว่าเจ้าสัวโม่มีเรื่องจะคุยกับเธอ เธอจึงไม่ลังเลที่จะอยู่ก่อน
คิดไม่ถึงว่าเดินไปได้แค่สองก้าว เธอก็ถูกโม่ถิงเซียวรั้งไว้
แล้วสีหน้าของเจ้าสัวโม่ก็เปลี่ยน มู่นวลนวลรีบขยิบตาใส่โม่ถิงเซียว แล้วทำปากบอกเขาว่า:“รีบปล่อยฉัน”
เจ้าสัวโม่ถอนหายใจแกมบังคับ:“ฉันแค่จะพูดกับเธอสักสองประโยค ฉันจะกินเธอได้ยังไง?”
“อ่า” โม่ถิงเซียวตอบและปล่อยมู่นวลนวล
เจ้าสัวโม่จ้องมองเขา เหมือนกับต้องการให้เขารีบออกไป
มู่นวลนวลรีบเดินไปช่วยพยุงเจ้าสัวโม่เข้าไปในห้อง
หลังจากเข้าไปแล้วท่าทางหงุดหงินของเจ้าสัวโม่ก็เปลี่ยนไป สีหน้าของเขาสงบบิ่ง
“ฉันรู้ว่าในตอนแรกเธอไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับถิงเซียว” เมื่อเขาพูดอย่างนั้น มู่นวลนวลก็รู้สึกหวาดกลัว
เธอไม่ได้ตอบกลับในทันที และรอให้เจ้าสัวโม่พูดต่อ
“เธอเป็นเด็กที่ฉลาด คงจะดูออกมาถิงเซียวเอาใจใส่เธอ ในเมื่อเธอแต่งงานกับเขาแล้ว ก็สงบจิตสงบใจเป็นคุณหญิงของตระกูลโม่ ตระกูลโม่ของเราจะไม่ปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมต่อครอบครัว”
แม้ว่าเจ้าสัวโม่จะแสดงจุดยืนของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็ยังข่มขู่มู่นวลนวลด้วย
ถ้าเธอนอกใจโม่ถิงเซียว ไม่ต้องรอให้โม่ถิงเซียวลงมือ เจ้าสัวโม่ก็จะไม่ปล่อยเธอไปแน่
เห็นได้ชัดว่าเจ้าสัวโม่รักใคร่เอ็นดูโม่ถิงเซียวมาก
แต่ก็แปลกที่โม่ถิงเซียวไม่ชอบตระกูลโม่ แต่พอเจ้าสัวโม่โทรบอกให้เขากลับมาที่บ้านตระกูลโม่ เขาก็ยอมกลับมา
แม้ว่าเจ้าสัวโม่จะข่มขู่เธอ แต่เธอก็ไม่ได้ไม่ชอบ เธอยิ้มและพูดว่า:“คุณปู่ เราต่างก็เป็นหนึ่งเดียวกัน ระหว่างฉันกับโม่ถิงเซียว และโม่ถิงเซียวกับคุณ ก็เหมือนกัน”
เจ้าสัวโม่ดีกับโม่ถิงเซียว และโม่ถิงเซียวก็รับฟังที่เขาพูด
โม่ถิงเซียวดีกับเธอ ในใจเธอก็จะไม่มีคนอื่น
เมื่อเจ้าสัวโม่ได้ยินอย่างนั้นก็ตะลึงไปชั่วขณะ แล้วก็หัวเราะออกมา:“นังหนูนี้รู้จักพูดเกทับคนอื่น เอาล่ะ รีบไปเถอะ อย่าให้เจ้าหมอนั้นรอนาน ไม่อย่างนั้นจะมาเป็นเดือนเป็นร้อนกับฉัน”
“งั้นฉันไปก่อนนะคะ ถ้ามีเวลาจะมาเยี่ยมคุณอีก”
เมื่อมู่นวลนวลออกไปก็ไม่เจอโม่ถิงเซียว
พอออกมานอกประตูก็เห็นโม่ถิงเซียวกับโม่เอินหยายืนคุยกันอยู่
ต้องบอกว่ากรรมพันธุ์ของตระกูลโม่นั้นดีจริงๆ โม่เอินหยาหน้าตาสะสวย และโม่ถิงเซียวก็เป็นผู้ชายที่งานดีมาก ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันช่างเป็นทิวทัศน์งดงาม ทำให้เป็นที่ถูกตาสบายใจ
มู่นวลนวลรอให้ทั้งสองคนคุยกันจบแล้วค่อยเดินเข้าไป แต่ดูเหมือนโม่ถิงเซียวจะมีตาหลัง จู่ๆเขาก็หันมามองที่เธอ
มู่นวลนวลจึงทำได้แค่เดินไป
โม่เอินหยาก็มองตามโม่ถิงเซียว พอเธอเห็นมู่นวลนวลก็ขมวดคิ้ว แววตาของเธอมีความประหลาดใจ:“เธอ……”
โม่ถิงเซียวไม่ต้องการจะแนะนำมู่นวลนวลกับโม่เอินหยา เขาจับไหล่ของเธอแล้วก็เดินไปข้างนอก:“ไปกันเถอะ”
โม่เอินหยาได้สติแล้วก็เรียกเขา:“พี่สาม”
ในบรรดาคนรุ่นหลังของตระกูลโม่ ซือเฉิงยวี่เป็นพี่ใหญ่สุด ตามด้วยพี่สาวฝาแฝดของโม่ถิงเซียว ตามการจัดลำดับแล้ว โม่ถิงเซียวจะอยู่ลำดับที่สาม
ในครอบครัวคนที่อายุน้อยกว่าโม่ถิงเซียวก็จะเรียกเขาว่าพี่สาม
โม่ถิงเซียวจากไปโดยไม่หันกลับมามอง มีแต่มู่นวลนวลที่หันกลับมายิ้มให้โม่เอินหยา
โม่เอินหยานึงถึงสิ่งที่เธอเคยพูดกับมู่นวลนวลก่อนหน้านี้ ใบหน้าและหูของเธอก็แดงก่ำ
ตอนเด็กเธอกับโม่ถิงเซียวเล่นกันสนุก ต่อมาเกิดเรื่องขึ้นกับแม่ของโม่ถิงเซียว เขาก็ไปจากบ้านเก่า จากนั้นทั้งสองก็กลายเป็นคนแปลกหน้า ต่อมาได้ยินว่าโม่ถิงเซียวเสียโฉมและร่างกายมีปัญหา เธอก็ไม่ได้ต่อกับโม่ถิงเซียวอีกเลย
แม้ว่าเธอจะไปเป็นพิธีกรที่สถานีโทรทัศน์ แต่เธอก็ไม่ได้เปิดเผยว่าเธอเป็นคนของตระกูลโม่ กลัวว่าคนอื่นรู้แล้วจะถามเธอถึงเรื่องของโม่ถิงเซียว เธอก็รู้สึกอับอาย
หลายวันก่อนหลังจากที่ใบหน้าของโม่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ความคิดของเธอก็สับสนขึ้นมา โดยคิดว่าจะหาเวลาพบกับโม่ถิงเซียว
ถึงอย่างไรโม่ถิงเซียวก็เป็นทายาทเพียงคนเดียวของโม่กรุ๊ป ต่อไปทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา พวกเขาเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องห่างๆ จึงต้องอยู่ภายใต้บารมีของเขา
เธอยังไม่ทันจะได้เคลื่อนไหว ก็ได้ยินว่าโม่ถิงเซียวพาภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกลับมาที่บ้านเก่า เธอจึงตั้งใจที่จะกลับมาเจอโดยเฉพาะ
และคิดว่าเธอเป็นพวกผู้หญิงที่ลูกพี่ลูกน้องผู้ชายพากลับมาค้างคืน แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นภรรยาที่เพิ่งแต่งงานของโม่ถิงเซียว!
และก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะนินทาเธอต่อหน้าโม่ถิงเซียวไหม……
โม่เอินหยาคิดว่าเธอต้องหาโอกาสไปหาโม่ถิงเซียวอีกสักครั้ง และจะพยายามติดต่อกับโม่ถิงเซียว……
……
ในรถ มู่นวลนวลนั่งที่เบาะหลังและพิงพนักพิง เธอจ้องมองไปที่เพดานของรถด้วยสายตาที่วางเปล่า
โม่ถิงเซียวยื่นมือไปลูบหัวเธอ:“เหนื่อยหรอ?”
“นิดหน่อย”
อันที่จริงไม่ใช่แค่นิดหน่อย แต่เธอรู้สึกเหนื่อยมาก
แม้ว่าโม่ถิงเซียวจะบอกเธอว่าไม่ต้องคิดอะไร ให้เธอเป็นตัวของตัวเอง แต่เธอจะไม่คิดอะไรได้ยังไง
โม่ถิงเซียวไม่ชอบตระกูลโม่ แต่เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตัดขาดจากตระกูลโม่ ถึงแม้ว่าเธอกับโม่ถิงเซียวจะใช้ชีวิตด้วยกัน แต่เธอก็ยังอยากจะทำตัวดีกับตระกูลโม่ และไจะไม่ทำให้เขายุ่งยาก
ต้องระมัดระวังความผิดพลาด กลัวว่าถ้าเกิดความผิดพลาด เธอก็ต้องรับมือกับคำถามของเจ้าสัวโม่
โม่ถิงเซียวจับเธอไว้ในอ้อมแขน และพูดเสียงเบาว่า:“ต่อไปถ้าไม่มีอะไรก็จะไม่กลับไปที่บ้านเก่าอีก”
“คุณจะไม่กลับไปเยี่ยมคุณปู่หรอ?ฉันคิดว่าเขาอยากให้คุณกลับไปเยี่ยมเขา” มู่นวลนวลพิงอยู่บนอกของเขา เสียงเธอดูกลุ้มอกกลุ้มใจ
จู่ๆเสียงของโม่ถิงเซียวก็เย็นชาขึ้น:“แม้ว่าฉันจะไม่กลับไปเยี่ยมเขา เขาก็ยังกินอิ่มนอนหลับได้ตามปกติ”
มู่นวลนวลยืดตัวขึ้นและพบว่าสีหน้าของโม่ถิงเซียวเปลี่ยนไป
“เป็นอะไร?” ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ยังดีดีอยู่หรอ?
โม่ถิงเซียวไม่พูดอะไร และกันมาจูบเธอ
มู่นวลนวลผลักเขา ด้านหน้ายังมีซือเย่ที่ขับรถอยู่!
แต่โม่ถิงเซียวไม่สนใจ และจับหัวของเธอมาจูบ
ซือเย่นั่งสงบเสงี่ยมโดยไม่เหล่ตามอง
หนุ่มสาวที่ไม่ได้แต่งงาน คงไม่เข้าใจความรู้สึกในตอนนี้?
หลังจากจูบจบลง ทั้งสองคนก็หอบ
โม่ถิงเซียวกอดเธอและไม่พูด เขาใจลอย
เมื่อตอนเช้าที่เขาไปหาคุณปู่ก่อน ก็เพื่อหาเบาะแสคดีของเม่เขาในปีนั้น
ตอนนั้นคุณปู่พูดอะไร?
“มันผ่านไปแล้ว คนเราต้องมองไปข้างหน้า ถ้าแม่คุณที่อยู่บนฟ้ารับรู้ คงอยากให้คุณจะมีชีวิตที่ดีและมองไปข้างหน้า”
ความหมายของเจ้าสัวโม่พูดไปพูดมาแล้ว ก็คือไม่ต้องการให้เขาสืบคดีของแม่เขาในปีนั้นอีก
ทำไมถึงไม่ให้เขาสืบ?
กลัวว่าเขาจะสืบเจอเรื่องที่น่ากลัวหรอ?
อย่างไรก็ตาม เขาก็จะสืบหาต่อไป