“อืม” เสียงของโม่ถิงเซียวไม่ไยดี:“คุณโทรหาฉันเพื่อจะพูดเรื่องนี้?”
“ก็ไม่ใช่ทั้งหมด……”
“งั้นเธอยังมีเรื่องอะไรจะพูดกับฉัน?”
โม่ถิงเซียวพูดอย่างไม่สนใยไยดี แต่มู่นวลนวลได้ยินความผิดปกติที่ออกมาจากข้างใน
“ไม่มีแล้ว……” จู่ๆเธอก็ไม่กล้าที่จะพูดเรื่องของซือเฉิงยวี่
“อยู่ไหน ฉันจะไปหาคุณ” โม่ถิงเซียวพูดพลางหยิบกุญแจรถเตรียมจะออกไป
“นายจะไปไหน?” กูจื่อหยานเห็นโม่ถิงเซียวหยิบกุญแจรถเตรียมจะออกไป และพูด้วยสีหน้าตกใจ:“นายคงไม่ได้จะไปต่อยซือเฉิงยวี่หรอกนะ เขาไม่ได้อยู่ที่บริษัท……”
โม่ถิงเซียวไม่ได้สนใจคำพูดไร้สาระของเขา แล้วก็ออกไป
โม่ถิงเซียวบอกว่าจะไปหาเธอ มู่นวลนวลหาร้านอาหารที่ใกล้กับร้านน้ำชา แล้วนั่งรอโม่ถิงเซียว
เธอเลือกที่นั่งข้างหน้าต่าง และมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นครั้งคราว เมื่อโม่ถิงเซียวมาแล้ว เธอจะได้เห็นเขา
โม่ถิงเซียวมาอย่างรวดเร็ว มู่นวลนวลโทรศัพท์หาเขา เขาก็จอดรถและเดินมาที่ร้านอาหาร
มู่นวลนวลยิ้มเอาใจ:“คุณอยากดื่มอะไร?ฉันสั่งชามะนาวให้คุณ”
ชามะนาว?
เป็นสิ่งที่ผู้หญิงดื่ม
โม่ถิงเซียวเลิกคิ้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
เขานั่งลง และพูดตรงๆว่า:“ตอนนี้คุณควรจะอยู่ที่บริษัท”
อีกอย่างที่มู่นวลนวลมาปรากฏตัวที่นี่ ต้องเป็นเพราะมีอะไรเกิดขึ้นหรือมีคนนัดเธอมา
มู่นวลนวลรู้ว่าตัวเองเผยความลับออกมา โม่ถิงเซียวฉลาดเกินกว่าจะปิดบังเขาได้
เธอไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากบอกเรื่องทั้งหมดกับโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวจ้องมองมู่นวลนวลจนขนด้านหลังลุก และเขาก็ค่อยๆพูดว่า:“ดังนั้น หลังจากที่รู้ว่าคุณกับซือเฉิงยวี่ตกเป็นหัวข้อประเด็นร้อน คนที่คุณมาหาเป็นคนแรกคือซื่อเฉิงยวี่”
มู่นวลนวลได้ยินกลิ่นดินปืนจากคำพูดเหล่านี้
ดูเหมือนว่าเมื่อใดที่เธอพูดอะไรผิด ก็สามารถทำให้โม่ถิงเซียวจุดดินปืนบนตัวเขาได้
มู่นวลนวลไตร่ตรองดูแล้ว ก็คิดสิ่งที่จะทำให้กลิ่นดินปืนในตัวของมู่ถิงเซียวสงบลงได้ ถึงแม้ว่าจะเหลือบไปเห็นโม่ชิงเฟิงกับโม่อันหลิง
โม่อันหลิงเป็นชื่อของเจ้าสัวโม่
พวกเขาทั้งสองคนเดินตามกันออกมาจากร้านน้ำชา
ระยะที่ห่างกันค่อนข้างไกล ทำให้มู่นวลนวลเห็นการแสดงออกของทั้งสองคนไม่ค่อยชัด แต่รู้สึกได้ว่าบรรยากาศระหว่างทั้งสองดูไม่ค่อยดีนัก
มู่นวลนวลชี้ไปที่ทั้งสองคนและพูดกับมู่ถิงเซียว:“พ่อกับปู่ของคุณอยู่ที่นั่น?”
โม่ถิงเซียวหันไปมองก็เห็นโม่ชิงเฟิงกับโม่อันหลิง
เขาเขม่นตามอง โดยไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่และพูดเบาๆ:“ร้านน้ำชานี้อยู่ภายใต้การบริหารของโม่กรุ๊ป คนของตระกูลโม่มักจะมาดื่มน้ำชาและพูดคุยกันที่นี่”
มู่นวลนวลพยักหน้า:“วู้……”
เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ภายใต้การบริหารของโม่กรุ๊ป มากมายจนนับไม่ถ้วน
“หยิบบัตรสีดำที่คุณปู่ให้เธอมา โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าแบรนด์ สถานบันเทิงทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การบริหารของโม่กรุ๊ป สามารถใช้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด”
โม่ถิงเซียวกำลังพูดกับมู่นวลนวล แต่สายตาของเขายังมองออกไปนอกหน้าต่าง
ในตอนนี้โม่อันหลิงได้เดินไปที่หน้ารถ บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านข้างก็เปิดประตูให้เขา และเขาก็ก้มตัวลงเข้าไปในรถ
ก่อนที่รถจะขับออกไป เขากวักมือเรียกโม่ชิงเฟิงไปที่หน้าต่างรถ ไม่รู้ว่าพูดอะไรสองสามประโยค จากนั้นรถก็ออกไป
โม่ชิงเฟิงมองดูรถของโม่อันหลินจากไป จากนั้นก็หันกลับไปที่รถของเขา
เป็นเพียงการนัดกันมาดื่มน้ำชาของสองพ่อลูกเท่านั้น คงจะไม่มีอะไรพิเศษ แต่ว่า……
“คุณบอกว่าก่อนหน้านี้พี่ใหญ่เดินออกมาจากที่นั่น คนคนนั้นจิตก?” โม่ถิงเซียวหันมามองมู่นวลนวล
สิ่งที่มู่นวลนวลพูดก่อนหน้านี้ทำให้มู่ถิงเซียวตกใจ
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าที่โม่เอินหยาพูดว่าเธอปืนขึ้นไปบนปลายกิ่งไม้เหมือนหงส์ จริงๆแล้วไม่ได้ผิดไปจากที่เธอพูดเลย
ของขวัญที่เจ้าสัวโม่ให้มามีค่ามาก
“ใช่ หลังจากนั้นฉันก็ส่งวีแชทและโทรศัพท์ไป เขาก็ไม่สนใจฉัน” พูดถึงเรื่องของซือเฉิงยวี่ สีหน้าของมู่นวลนวลก็อดไม่ได้ที่จะจริงจัง
“ฉันรูสึกว่าคนที่อ่อนโยนอย่างพี่ใหญ่ เป็นเพียงเรื่องของหัวข้อประเด็นร้อน แน่นอนว่าจะไม่เปลี่ยนให้เขาเป็นอย่างนั้น บางทีอาจมีเรื่องอื่นเกิดขึ้น เรื่องนี้สำหรับเขา……”
มู่นวลนวนหยุดพูดชั่วคราวและพุดเสริมว่า:“กระทบอย่างรุนแรง”
ถ้าจิตตกขนาดนั้น คงไม่ใช่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงหรอ?
“ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้เขาบอกให้ฉันมาหา มันก็เป็นเรื่องปกติ มันต้องเกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่ฉันมาอย่างแน่นอน แต่ในเวลาสั้นๆนี้ เขาจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ล่ะ?”
มู่นวลนวลคิดวิเคราะห์ แต่ก็คิดหาเหตุผลไม่ได้
ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น และเห็นสายตาของโม่ถิงเซียวกำลังจ้องมองเธออย่างแน่นหนา
“เป็นอะไร?ฉันนพูดไม่ถูกหรอ?”
“มีเบอร์โทรศัพท์เขา และยังมีวีแชท ความสัมพันธ์ของพวกคุณไม่ผิด” โม่ถิงเซียวยิ้มและมองเธอ เสียงของเขาแผ่วเบาได้ยินแล้วก็รู้สึกเศร้าหมอง
มู่นวลนวล:“……”
เธอพูดเยอะขนาดนี้ และนี่คือสิ่งที่โม่ถิงเซียวให้ความสนใจ!
เธอกำลังจะอธิบายอะไรบางอย่างแต่โม่ถิงเซียวก็พูดเบาๆว่า:“คุณยังไม่ได้แอดวีแชทฉันเลย”
ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ทำให้รู้สึกว่าเขารู้สึกน้องใจ
มู่นวลนวลรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา:“ฉันแอดคุณ ตอนนี้ฉันก็แอดวีแชทคุณแล้วนะ”
ประเด็นหลักคือปกติแล้วโม่ถิงเซียวชอบส่งข้อความสั้นๆถึงเธอ จนเธอคิดว่าคุณชายใหญ่อย่างโม่ถิงเซียว อาจจะไม่ใช้วีแชท
“ไม่ต้อง” หลังจากน้ำเสียงเย็นชาของโม่ถิงเซียวจบลง เขาก็หันหน้าไปด้านข้าง
แต่โทรศัพท์ของเขายังคงวางอยู่บนโต๊ะอาหาร
ผู้ชายที่ปากไม่ตรงกับใจ!
มู่นวลนวลรีบหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมา และแอดเป็นเพื่อนกับเธอ
หลังจากนั้นก็พูดเอาใจและส่งโทรศัพท์กลับไปให้เขา:“แอดเรียบร้อยแล้ว”
โม่ถิงเซียวมองไปที่เธอและรับโทรศัพท์ภายในสองวินาที
เมื่อเห็นคำอธิบายประกอบด้านบน เขาก็ขมวดคิ้ว:“นี่มันคำอธิบายประกอบอะไร?”
มู่นวลนวลพูดว่า:“ชื่อไง”
โม่ถิงเซียวชำเลืองมองเธอ ขยับนิ้วยาวๆของเขาบนหน้าจอโทรศัพท์สองครั้ง และโยนโทรศัพท์ต่อหน้าเธอ จากนั้นก็จ้องมองเธอ
มู่นวลนวลชะโงกไปดู และพบว่าเขาเปลี่ยนคำอธิบายประกอบเป็น “เมียจ๋า”
เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจจะบอกให้เธอเปลี่ยนรายชื่อเพื่อนของเธอให้สอดคล้องกับคำอธิบายประกอบของเขา
เธอแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ แต่โม่ถิงเซียวก็ยังคงจ้องมองเธอ เธอจึงทำได้เพียงเปลี่ยนมันอย่างไม่เต็มใจ
เธอรู้สึงว่าโม่ถิงเซียวคนนี้จริงจัง และดื้อรั้นเหมือนเด็ก
“อ่ะ ตอนนี้เปลี่ยนแล้ว!” หลังจากเปลี่ยนแล้วเธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้โม่ถิงเซียวดู
สีหน้าของโม่ถิงเซียวพึงพอใจ แล้วก็ลุกขึ้นยืน:“ยังจะกลับบริษัทไหม?ฉันไปส่งคุณ”
“อืม”
มู่นวลนวลยืนขึ้นและกำลังจะยื่นมือออกไปหยิบกระเป๋า แต่โม่ถิงเซียวก็เดินนำหน้าเธอไปและหยิบกระเป๋าถือของเธอไปด้วย