ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 195 กลายเป็นหมูแล้ว

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ยิ่งมู่นวลนวลคิดเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองคิดถูก

ถ้าเป็นคนอื่นบอกว่าหาไม่เจอ มู่นวลนวลก็จะเชื่อตามนั้น แต่กับโม่ถิงเซียวแล้วไม่มีทางที่จะเป็นแบบนั้นแน่

ความเชื่อมั่นที่โม่ถิงเซียวมีอยู่ในตัว มันแผ่ออกมาจากในกระดูกแล้ว

เพียงแค่เขารู้สึกดังนั้นและปล่อยมันออกมา ก็ไม่มีอะไรมาฉุดรั้งได้

มู่นวลนวลคิดเรื่องนี้มาทั้งวันแล้ว

พอเลิกงาน เธอก็รีบนั่งรถกลับบ้าน อยากจะคุยเรื่องนี้กับโม่ถิงเซียว

แต่ว่า เมื่อเธอไปถึงบ้าน โม่ถิงเซียวก็ยังไม่กลับมา

ป้าหูทำข้าวเย็นเสร็จเมื่อตอนหนึ่งทุ่มพอดี แต่ว่าโม่ถิงเซียวก็ยังไม่กลับมา

ป้าหูดูเวลาพบว่าตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว จึงพูดโน้มน้าวมู่นวลนวล “คุณหญิงทานข้าวก่อนเถอะค่ะ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นายน้อยถึงจะกลับบ้าน”

“ไม่เป็นไร ฉันขอรอต่ออีกสักนิด”

โม่ถิงเซียวไปโม่กรุ๊ปวันแรก เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะต้องยุ่งมากอยู่แล้ว

รอต่อไปอีกสักพัก เมื่อเห็นว่าโม่ถิงเซียวยังไม่กลับมา มู่นวลนวลก็ทำท่าจะโทรหาโม่ถิงเซียว

แต่เพียงแค่เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเท่านั้น ก็มีสายเข้ามาพอดี

เธอหยุดสายตาดูไปที่หน้าจอ เป็นโม่ถิงเซียวเองที่โทรมา

มู่นวลนวลกดรับโทรศัพท์ เอ่ยปากถามเขา “คุณจะกลับมาเมื่อไหร่”

“พึ่งประชุมเสร็จไป คืนนี้อาจจะกลับดึกมาก เธอนอนไปก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอฉัน” โม่ถิงเซียวกดเสียงลงต่ำเล็กน้อย ฟังแล้วมีความอ่อนโยนที่แทบจะไม่อาจสังเกตุเห็นได้ผสมมาอยู่ด้วย แต่ก็มีความเหนื่อยล้าโผล่มาให้เห็นเช่นกัน

ประชุมครั้งนี้กินเวลานานมาก เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เป็นเวลาดึกขนาดนี้แล้ว

เมื่อประชุมเสร็จ เขาก็รีบโทรหามู่นวลนวลทันที

“ฉันเข้าใจแล้ว………”

แม้ว่าช่วงนี้มู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียวจะไม่ได้เข้าทำงานเลิกงานด้วยกัน แต่ก็จะเป็นตอนเช้าออกจากบ้านด้วยกัน และตอนเย็นก็กลับบ้านด้วยกันแทน

ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับห้องอันว่างเปล่าเพียงคนเดียว มู่นวลนวลรู้สึกไม่ชินอยู่ลึกๆ

เธอกินข้าวเสร็จแล้วจึงกลับห้อง นั่งจมอยู่กับคอมพิวเตอร์เขียนโครงเรื่อง

ใจหนึ่งเขียนโครงร่าง อีกใจหนึ่งก็จดจ่อฟังดูว่าข้างนอกมีเสียงรถยนต์ดังขึ้นมาหรือยัง

แต่ว่าวันนี้ทำงานจนเหนื่อยมาทั้งวัน ผ่านไปไม่นานเธอก็อิงกับหัวเตียงแล้วผล็อยหลับไป

เมื่อโม่ถิงเซียวกลับมาถึง ก็เห็นสภาพดังว่า

อากาศในห้องอบอุ่นกำลังพอดี โม่ถิงเซียวเดินเข้าห้องนอนไป เพียงแค่มองไปก็เห็นมู่นวลนวลกำลังนั่งหลับคอพับคอเอียงอยู่ที่บริเวณหัวเตียง

มือทั้งสองข้างของเธอยังคงวางค้างอยู่บนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ผมหน้าม้างอนกระดกขึ้น ผมยาวยุ่งดูไม่เป็นทรง

โม่ถิงเซียวเดินเข้าไปหาอย่างเงียบๆ ยื่นมือออกไปหยิบคอมพิวเตอร์ที่เธอวางมือกดเอาไว้อยู่

แม้ว่าโม่ถิงเซียวจะทำอย่างเบามือ แต่มู่นวลนวลก็ไม่ได้หลับลึกจึงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

มู่นวลนวลลืมตาที่หนักอึ้งเนื่องด้วยความง่วง เธอยังไม่ได้ตื่นเต็มที่นักและมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้า พูดอย่างสะลึมสะลือว่า “คุณกลับมาแล้วเหรอ”

ดวงตาทั้งคู่ยังคงพร่ามัว เนื่องจากนอนคอพับอิงหัวเตียงเป็นเวลานานเกินไป เพียงแค่เธอขยับตัวเล็กน้อย ทั้งร่างก็เอียงจะล้มลงไปบนเตียง

โม่ถิงเซียวที่คล่องแคล่วมือไวตาไวก็ยื่นมือไปรองหัวเธอเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ช้อนบริเวณเอวของเธอให้เธอล้มตัวนอนลงไปอย่างค่อยๆ พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “อือ หลับเถอะ”

มู่นวลนวลได้ยินดังว่า ก็สะลึมสะลือแล้วจึงหลับไปอีกรอบหนึ่ง

ตั้งแต่ที่เธอล้มลงนอนจนถึงหลับลงไป ทั้งหมดผ่านไปไม่ถึงสิบวินาที

โม่ถิงเซียวมองดูใบหน้าที่นิ่งสงบของเธอ แล้วนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะอดไม่ไหวที่จะยื่นมือไปบีบจมูกเธอ พูดพึมพำว่า “กลายเป็นหมูแล้ว?”

เขาเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ เมื่อออกมาก็ลงไปทอดกายนอนลงบนเตียง มู่นวลนวลที่หลับไปแล้วก็ขยับตัวเข้าไปซุกกับแผ่นอกของโม่ถิงเซียว ราวกับว่าตั้งใจวางแผนเอาไว้

โม่ถิงเซียวเห็นดังว่า หลุบตามองอย่างอ่อนโยน แล้วจึงกอดเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างกระชับ และเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว

………

วันรุ่งขึ้น

ขณะที่มู่นวลนวลลืมตาตื่นขึ้นมา ด้วยจิตใต้สำนึกก็ยื่นแขนออกไปคลำที่บริเวณข้างๆ กาย

ปรากฏว่าข้างกายเธอว่างเปล่า

เธอพลิกตัว ลุกขึ้นจากเตียงทันที

เมื่อวานโม่ถิงเซียวไม่ได้กลับมางั้นเหรอ

ไม่ใช่ เหมือนว่าจะกลับมาแล้ว……..

มู่นวลนวลหันหน้าไป แสงอาทิตย์สาดกระทบลงไปบนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่วางอยู่ตรงโซฟา

เธอนึกออกแล้ว เมื่อวานโม่ถิงเซียวกลับมา แล้วยังช่วยเธอเก็บคอมพิวเตอร์ด้วย

แล้วตัวเขาล่ะอยู่ที่ไหน คงไม่ใช่ว่าออกไปแล้วอีกนะ

มู่นวลนวลพลิกตัวลงจากเตียง คว้าเสื้อคลุมมาสวมไว้ สวมรองเท้าเดินในบ้านก่อนจะเปิดประตูวิ่งลงไปชั้นล่าง

เธอวิ่งลงมาถึงตีนบันได ก็เห็นโม่ถิงเซียวในชุดทางการเต็มตัวกำลังจะเดินออกประตูบ้านไป

เธอส่งเสียงเรียกออกมา “โม่ถิงเซียว? ”

โม่ถิงเซียวได้ยินเสียงเรียกจึงหันหน้ากลับมา เพียงแค่เห็นเธอเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันไปบริษัทก่อนนะ”

“อื้อ” มู่นวลนวลตอบกลับไปอย่างไม่รู้ตัว และก็เห็นโม่ถิงเซียวหันหลังกำลังจะเดินออกไปข้างนอกแล้ว

เธออ้าปากขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เปล่งเสียงเอ่ยอะไรออกมา

จนเงาของโม่ถิงเซียวลับหายไป เธอจึงพึ่งกระชับเสื้อคลุมตัวที่เธอสวมอยู่ขึ้น แล้วกลับห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

………..

โม่ถิงเซียวเริ่มที่จะกลายเป็นยุ่งมากแล้วจริงๆ

ยุ่งเสียจนไม่มีเวลาแม้แต่จะมานั่งทานข้าวกับมู่นวลนวล บ่อยครั้งที่เธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาก็ออกไปแล้ว หรือไม่ก็กำลังจะออกจากบ้านไป

ตอนเย็นพอเธอกลับมาถึงบ้าน โม่ถิงเซียวก็ยังทำงานอยู่ต่อที่บริษัท ตอนที่เขากลับมา มู่นวลนวลไม่หลับไปแล้วก็ตื่นขึ้นมาแล้วแทน

เป็นแบบนี้อยู่หนึ่งอาทิตย์

มู่นวลนวลนึกว่าวันสุดสัปดาห์โม่ถิงเซียวจะต้องได้หยุดหนึ่งวัน ผลปรากฏว่า เมื่อถึงวันสุดสัปดาห์ก็ได้ตื่นแต่เช้าตรู่ และเห็นโม่ถิงเซียวเปลี่ยนชุดเป็นสูทเรียบร้อยแล้ว ท่วงท่าสง่างามตรึงใจ เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นมีชีวิตชีวา

ราวกับว่าโม่ถิงเซียวมีพลังงานที่ไม่มีวันจะใช้ให้หมดได้ ยุ่งติดต่อกันตลอดทั้งอาทิตย์ แต่ดูแล้วกลับยังมีชีวิตชีวา มีพลังอยู่ล้นปรี่

มู่นวลนวลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มองไปที่เงาสะท้อนบนหน้าจอโทรศัพท์ บนหน้าจอสะท้อนใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

เวลาเข้างานเธอสายกว่าโม่ถิงเซียว เลิกงานก็เร็วกว่าโม่ถิงเซียว พอดูแล้วไม่รู้ทำไมกลายเป็นว่าดูเหนื่อยกว่าโม่ถิงเซียว

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอยู่กับโม่ถิงเซียวมาเป็นเวลานานแล้ว เธอก็จะต้องสงสัยแล้วว่าโม่ถิงเซียวเป็นมนุษย์หรือเปล่า

“ฉันจะไปทำงานแล้ว เธอนอนต่ออีกหน่อยเถอะ” โม่ถิงเซียวได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็หันตัวกลับมาดูเธอ ขณะก้มหน้าจัดการข้อมือเสื้อเชิ้ตตน

ดูเหมือนว่าวันนี้กระดุมข้อมือเสื้อจะเป็นปฏิปักษ์กับเขา ทำอย่างไรก็ไม่สามารถกลัดกระดุมได้

มู่นวลนวลสลัดผ้าห่มออก ลุกขึ้นนั่งส่งเสียงงัวเงียเนื่องจากพึ่งตื่นนอน “คุณมานี่สิ”

โม่ถิงเซียวเดินเข้าไปหา นั่งลงที่ข้างเตียง ยื่นข้อมือไปอยู่หน้ามู่นวลนวล พร้อมกับเอากระดุมข้อมือเสื้อยื่นให้เธอเช่นกัน

เขาหลุบตาลงมองนิ้วมือที่ขาวกระจ่างใสของมู่นวลนวล ที่กำลังยุ่งอยู่กับข้อมือเสื้อเชิ้ตสีเข้มของเขา หลังจากช่วยเขากลัดกระดุมข้อมือเสื้อเสร็จ ก็ยังช่วยจัดระเบียบชุดสูททั้งชุดแทนตัวเขาอีก

เขาก้มหัวลงประทับรอยจูบลงบนหน้าผากเธอหนึ่งที “จะปีใหม่แล้ว ยุ่งต่อไปอีกสักพัก เดี๋ยวก็น่าจะสบายขึ้นอีกนิด”

มู่นวลนวลนิ่งไปสักพัก แล้วจึงค่อยเอ่ยถามเขา “โม่กรุ๊ปมีเรื่องให้ต้องยุ่งขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ใช่ มีหลายเรื่องเลย” เสียงของโม่ถิงเซียวมีความอ่อนเพลียที่ยากจะพบเห็นได้จากเขาเจือมาด้วย

เมื่อสิ้นเสียงลง ทั้งคู่ก็ตกอยู่ในความเงียบ

มู่นวลนวลเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยขึ้นมาว่า “พี่ใหญ่กลับมาแล้ว คุณรู้ไหม”

โม่ถิงเซียวมีท่าทีชะงักเล็กน้อย พร้อมทั้งค่อยๆ หรี่ตาลง “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“กลับมาหลายวันแล้ว เขายังพูดว่าอยากจะนัดพวกเรากินข้าวด้วยกันอยู่เลย” ความจริงแล้ว นี่เป็นสิ่งที่มู่นวลนวลอยากบอกกับโม่ถิงเซียวเสียมากกว่า

โม่ถิงเซียงส่งเสียงครุ่นคิดในลำคอ “นัดพี่ใหญ่ไปกินข้าวที่จินติ่ง พรุ่งนี้ฉันจะเลิกงานให้เร็วหน่อย”

“อื้ม” มู่นวลนวลพยักหน้า ในดวงตามีประกายแห่งความดีใจ

ในที่สุดก็ได้กินข้าวกับโม่ถิงเซียวแล้ว!

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท