ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย – บทที่ 203 มีแต่เรื่องของมู่นวลนวล ที่จะทำให้นายร้อนรนได้ขนาดนี้

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

หลังจากที่เซินเหลียงพูดจบ เธอก็เดินไปจับแขนมู่นวลนวลแล้วพาเดินออกไปข้างนอก

โม่ถิงเซียวลุกขึ้นยืน เดินไปสองสามก็อยู่ตรงหน้ามู่นวลนวล และดึงเธอไว้:“กลับบ้านกับฉัน”

“ไม่อยากกลับ” มู่นวลนวลลดสายตาลงโดยไม่มองหน้าเขา แล้วปัดมือของเขาออกด้วยสีหน้าที่เย็นชา

ดวงตาสีดำของโม่ถิงเซิงก็เปลี่ยนเป็นสีเทาชั่วขณะ แต่ไม่นานก็หายไป เขากัดฟันแน่น สีหน้าของเขาดูอึดอัด มือของเขาที่อยู่ข้างตัวกำแน่นแล้วก็คลายออก และกำแน่นอีก……

สุดท้ายเขาก็เม้มรมฝีปาก และพูดด้วยเสียงที่เศร้าและเบาเหมือนเสียงเด็กว่า:“อีกสองสามวันฉันจะไปรับคุณ”

เสียงนั้นไม่ได้เป็นการซักถามมู่นวลนวล แต่เป็นการบอกให้เธอรู้

“เราไปกันเถอะ” มู่นวลนวลไม่ได้สนใจเขา ดึงเซินเหลียงและเดินออกไปข้างนอก

กูจื่อหยานมองไปที่โม่ถิงเซียว

“ฉันจะออกไปส่งพวกเธอ” กูจื่อหยานทิ้งคำพูดนี่ไว้และเดินออกไป

หลังจากที่ทั้งสามคนออกไป ในห้องก็เหลือเพียงโม่ถิงเซียวคนเดียว

เขายืนนิ่งอยู่นานก่อนจะค่อยๆงอเข่าแล้วนั่งลงบนโซฟา

เขางอแขนวางข้อศอกบนหัวเข่า มืออีกข้างหนึ่งก็จับหน้าผาก และเอนตัวไปข้างหน้า ท่าทางของเขาดูเหนื่อยล้ามาก

ดูเหมือนว่าเขาจะอ่อนแอ

……

ที่อยู่ของกูจื่อหยานค่อนข้างเป็นความลับ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีนักข่าวรู้

แต่เขาก็ยังไม่วางใจมองไปรอบๆสักพัก แล้วบอกให้เซินเหลียงกับมู่นวลนวลจากไป

เขาอยากจะไปส่งทั้งสองคนที่บ้านของเซินเหลียง แต่ในบ้านยังมีโม่ถิงเซียวอยู่อีกคน จึงทำได้ส่งเซินเหลียงขึ้นรถจากไป และมองดูรอบๆอีกสองสามนาทีเพื่อให้แน่ใจมาไม่มีนักข่าวตามไป จากนั้นก็หันเดินกลับไป

แต่เขาเจอกับโม่ถิงเซียวที่ประตูลิฟต์

โม่ถิงเซียวเดินออกจากลิฟต์ด้วยหน้าตาที่เยือกเย็น แล้วเงยหน้าขึ้นมองกูจื่อหยาน:“สองสามวันนี้คงต้องรบกวนนายแล้ว”

กูจื่อหยานเข้าใจว่าเขาหมายถึงเรื่องของมู่นวลนวล

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้มู่นวลนวลไม่อยากเจอโม่ถึงเซียว ดังนั้นจึงทำได้เพียงฝากให้กูจื่อหยานช่วยดูแลมู่นวลนวล

กูจื่อหยานพูดติดตลกว่า:“ที่ผ่านมา นายรบกวนฉันน้อยลงหรอ?ถ้าวันนั้นนายไม่รบกวนฉัน ฉันก็คงจะยังไม่ชิน”

โม่ถิงเซียวไม่ได้พูดอะไรและกำลังจะจากไป

แต่กูจื่อหยานก็รีบหยุดเขาไว้:“เรื่องครั้งนี้มันยังไงกันแน่ และมันเกี่ยวกับซุปตาร์ซือจริงๆหรอ?”

โมถิงเซียวหยุดชะงัก แต่ก็ไม่พูดอะไร และเดินจากไป

หลังจากออกไปแล้ว ขณะที่โม่ถิงเซียวกำลังขับรถ ก็โทรศัพท์หาซือเฉิงยวี่

โทรศัพท์โทรติด แต่ดูเหมือนเจ้าของโทรศัพท์จะไม่กระตือรือร้นที่จะรับสายของเขา

“ในที่สุดก็โทรหาฉัน?” เสียงของซือเฉิงยวี่พูดอย่างยิ้มๆ

เสียงของโม่ถิงเซียวเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง:“เจอกันที่ไหน”

“บ้านฉัน”

โม่ถิงเซียววางสาย แล้วขับรถตรงไปที่บ้านของซือเฉิงยวี่

เมือซือเฉิงยวี่เปิดประตู โม่ถิงเซียวก็กระชากคอเสื้อของเขาและผลักเขาเข้าไป จากนั้นก็ปิดประตูห้อง

“ทำไมต้องทำอย่างนี้?มีเรื่องอะไรก็มาลงที่ฉันสิ!” โม่ถิงเซียวขมวดคิ้วสีหน้าเข้ม

เขาจับคอเสื้อซือเฉิงยวี่ไว้แน่น แล้วคอเสื้อก็รัดคอของเขาแน่นจนหน้าของเขาแดงระเรื่อ แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงนิ่งสงบ

ในตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะเป็นพี่น้องที่ชักดาบใส่กัน ซึ่งก่อนหน้านี้ยังเป็นพี่น้องที่มีความรักใคร่กัน

“มุ่งเป้าไปที่นาย?มีประโยชน์อะไร?” ซือเฉิงยวี่ยิ้ม และพูดด้วยน้ำเสียกแปลกๆ:“ฉันมุ่งเป้าไปที่นาย นายก็ไม่เจ็บไม่ปวด มีแต่เรื่องที่เกี่ยวกับมู่นวลนวล ที่จะทำให้นายร้อนรนได้ขนาดนี้”

สีหน้าของโม่ถิงเซียวก็ยิ่งโมโหมากขึ้น และโยนเขาลงไปที่พื้น ราวกับว่ายังไม่พอที่จะระบายความโกรธ กำหมัดแน่นและไม่ได้ลงมืออีก

เขาไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆ ซือเฉิงยวี่ถูกโยนลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง ความเจ็บทำให้สีหน้าของเขาไปเปลี่ยนไป จนไม่สามรถจะรักษาสีหน้าที่นิ่งสงบไว้ได้

เขาไอสองสามครั้ง ก่อนที่จะพูดว่า:“ดูเหมือนว่าฉันจะพูดถูก”

“จะนับเป็นความสามารถอะไรได้กับการที่ลงมือกับผู้หญิงคนหนึ่ง?” โม่ถิงเซียวแทบจะกัดฟันพูดประโยคนี้

“มันได้ผลก็พอแล้วไม่ใช่หรอ?” ซือเฉิงยวี่ก็ยิ้มขึ้นมาอีกและสายตาก็แพรวพราวเป็นพิเศษ

โม่ถิงเซียวจ้องมองเขา:“วันนั้นที่ร้านน้ำชา วันนั้นนายได้ยินที่คุณปู่พูดกับโม่ชิงเฟิง?นั่นเป็นเหตุผลที่นายทำเรื่องทั้งหมดนี่?”

ไม่รู้ว่าคำพูดไหนในประโยคนี้ที่สะเทือนจิตใจของซือเฉิงยวี่ สีหน้าของเขาซีดลงเหมือนกับกระดาษแผ่นหนึ่ง

เขากำหน้าอกและไออย่างรุนแรง สีหน้าของเขาร้อนรน:“นายรู้อะไร?”

“แล้วนายกลัวฉันจะรู้อะไร?” โม่ถิงเซียวเดินเข้ามาหาเขาทีละก้าวด้วนสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

ทั้งสองเผชิญหน้ากันสักพัก และจู่ๆซือเฉิงยวี่ก็หัวเราะเสียงดัง เขาดูเหมือนคนบ้าที่มีจิตใจฮึกเหิม

“จริงๆแล้วนายไม่รู้ และเรื่องที่นายอยากรู้ นายก็ไม่มีทางที่จะได้รู้ตลอดไป” น้ำเสียงของซือเฉิงยวี่เยือกเย็น หลังจากพูดจบ เขาก็เดินโซเซกลับไปที่ห้อง

……

มู่นวลนวลกับเซินเหลียงกลับถึงบ้านของเซินเหลียงอย่างปลอดภัย

“ดื่มอะไรหน่อยไหม?” เซินเหลียงถามมู่นวลนวลในขณะที่กำลังหยิบรองเท้าแตะ

มู่นวลนวลหยิบรองเท้าแตะ และส่ายหัว

หลังจากที่เข้ามาในห้อง มู่นวลนวลก็กอดหมอน และนอนนิ่งอยู่ที่โซฟา

เซินเหลียงรินน้ำร้อนให้เธอหนึ่งแก้ว หลังจากส่งให้เธอแล้วก็นั่งลงข้างๆเธอ:“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

มู่นวลนวลถือแก้วน้ำร้อนนอนขดตัวอยู่บนโซฟา และเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้จากการคาดเดาของตัวเองให้เซินเหลียงฟัง

“เป็นไปไม่ได้มั้ง……” เซินเหลียงเกาผมอย่างหงุดหงิด:“ความสัมพันธ์ของซุปตาร์ซือกับบอสใหญ่ก็ค่อนข้างดี เขาจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีเหตุผลเลย?”

“อืม” มู่นวลนวลพยักหน้าเห็นด้วย

แม้แต่คนนอกอย่างเซินเหลียงยังคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่ซือเฉิงยวี่จะทำเรื่องแบบนี้ แล้วนับประสาอะไรกับโม่ถิงเซียว

แต่เธอกับพวกเขาแต่งต่างกัน

ครอบครัวของเซินเหลียงรักใครปรองดองกัน แม้ว่าโม่ถิงเซียวจะโชคร้ายที่เคยถูกลักพาตัว แต่เขายังมีพ่อกับปู่ และญาติคนอื่นๆ

มีเพียงเธอที่ตั้งแต่เด็กก็เป็นเหมือนคนนอกของตระกูลมู่ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นคนในครอบครัว ไม่มีญาติ เพื่อนก็มีแค่เซินเซียงคนเดียว ตั้งแต่เด็กเธอต้องเข้มแข็งให้ได้ด้วยตัวเอง ทำให้เธอมีลักษณะนิสัยอ่อนไหว

เธอเชื่อในวิจารณญาณของตัวเอง

และโม่ถิงเซียวก็ไม่เคยปฏิเสธ ดังนั้นเรื่องนี้ซือเฉิงยวี่ต้องเป็นคนทำอย่างแน่นอน

เซินเหลียงเห็นมู่นวลนวลดูไม่มีชีวิตชีวาอย่างนั้น ก็กอดเธอด้วยความเป็นห่วง:“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น นวลนวล เธออย่าเป็นอย่างนี้สิ……”

“ฉันก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้น” มู่นวลนวลดึงมุมปากของเธอ และพบว่าตอนนี้เธอไม่สามารถยิ้มออกมาได้จริงๆ

ต่อให้แกล้งทำ เธอก็ยิ้มไม่ออก

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

ผู้อํานวยการที่รักใคร่เมีย

Status: Ongoing
พี่สาวลูกครึ่งของหมู่นวลนวลไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่น่าเกลียดและไร้มนุษยธรรม มารดาผู้ให้กำเนิดคุกเข่าขอร้องเธอ:“ พี่สาวของคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า คุณช่วยเธอได้” เขารู้สึกเศร้ามาก แทนพี่สาวแต่งงาน. ในคืนแต่งงาน ชายหนุ่มรูปงามขมวดคิ้วและมองมาที่เธอ: “มันน่าเกลียดเกินไป” เธอคิดว่าทั้งสองจะเคารพซึ่งกัน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะครอบงำเธอโดยตรง: “ไม่ว่าจะน่าเกลียดแค่ไหนเธอก็เป็นผู้หญิงของผมด้วย” เธอจ้องเขา : “คุณ…คุณทำไม่ได้ … ” ชายคนนั้นถอดชุดชั้นในของเธอปลอมตัวออก มองใบหน้าที่สวยงามเดิมของเธอ แล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ: “ดูเหมือนว่าเราทุกคนจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกันและกัน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท