มู่นวลนวลตะลึงไปชั่วขณะก่อนที่จะมีปฏิกิริยา บอดี้การ์ดปัดป้องผู้สื่อข่าวแทนเธอ:“พวกเราไม่ให้สัมภาษณ์”
ซือเย่ลงจากรถ และคุ้มกันมู่นวลนวลเข้าไปที่ประตูคฤหาสน์ตระกูลมู่
เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบกลับไปมอง
นักข่าวพวกนั้นถูกบอดี้การ์ดที่ตัวสูงใหญ่ขัดขวางไว้ แต่พวกเขาก็ยังจะเบียดเสียดเข้าไปข้างใน พวกเขาแบกกล้องไว้บนไหล่และหน้าผมยุ่งเหยิง
เมื่อไกลออกมาแล้ว มู่นวลนวลยังคงสัมผัสได้ถึงแสงแฟลชที่สะท้อนเข้าตา
แต่ไหนแต่ไรโลกนี้ก็ไม่เคยขาดแคลนคนที่ชอบเห็นความคึกคัก พวกเขาไม่สนว่าความจริงเป็นอย่างไร พวกเขาแค่อยากเห็นในสิ่งที่พวกเราอยากเห็น พวกเขาไม่สนใจว่าคุณจะได้รับผลกระทบจากสิ่งเหล่านั้นอย่างไร
เดิมทีฉันไม่เคยมีความรู้สึกซาบซึ้งและตื้นตันใจ บางอย่างในที่สุดแล้วก็ต้องทำด้วยตัวเองมันถึงจะดี
มู่นวลนวลคิดพลางเดินเข้าไปในห้องโถงของคฤหาสน์ตระกูลมู่
หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ คนในตระกูลมู่ก็ไม่กล้าออกจากบ้าน นอกจากมู่ลี่หยานที่ไปบริษัท ทุกคนล้วนอยู่แต่ในบ้าน
คนรับใช้เห็นมู่นวลนวลเดินเข้ามา ก็เดินตรงไปบอกคนอื่นๆในตระกูลมู่
เมื่อเสี่ยวชูเหอเห็นมู่นวลนวลก็ส่งเสียงเรียก:“นวลนวล”
“แม่” มู่นวลนวลลดสายตาลง หลังจากที่เรียกแล้วก็ไม่ได้มีท่าทีอะไร เธอมองไปที่มู่เจิ้งซิว “คุณปู่”
เสี่ยวชูเหอเดินตามหลังเจ้าสัวไปได้ครึ่งก้าวก็มาถึงที่ห้องโถง และพูดอย่างระมัดระวังว่า:“พวกเธอนั่งลงก่อน ฉันจะไปชงชาให้”
สัมผัสการถากถางได้ผ่านดวงตาของมู่นวลนวล เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นกับเธอ เสี่ยวชูเหอไม่เป็นห่วงเลยสักนิด รู้จักแต่จะเอาใจเจ้าสัวมู่
เสี่ยวชูเหอใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมาตลอดชีวิต ไม่เอาใจมู่ลี่หยาน ก็เอาใจมู่หวันฉีสองพี่น้องนั่น หรือไม่ก็มู่เจิ้งซิว
เธอยุ่งอยู่กับการเอาใจทุกคนในตระกูลมู่ แต่ไม่เคยคิดที่จะใส่ใจลูกสาวที่เธอมอบชีวิตให้
หลังจากที่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอก็ไม่เคยคิดที่จะถามด้วยความเป็นห่วงเลย
ดูเหมือนว่าเธอจะชินกับการที่ไม่ได้สนใจมู่นวลนวล
หลังจากที่เสี่ยวชูเหอเดินไป มู่เจิ้งซิวก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า:“ฉันรู้เรื่องในโซเชียลหมดแล้ว และฉันกักก็บริเวณพี่สาวของเธอ อายุก็มากยังจะทำเรื่องเลอะเทอะ!”
น้ำเสียงของเขาดูเข้มงวด แต่ก็อาจเป็นแค่การพูดต่อหน้าเธอ
“ฉันอยากเจอเธอ” จุดประสงค์ที่วันนี้มู่นวลนวลกลับมาที่บ้านตระกูลมู่ คือต้องการเจอมู่หวันฉี
มู่เจิ้งซิวไม่ได้ปฏิเสธ และให้คนรับใช้พาเธอไปเจอมู่หวันฉีที่ชั้นบน
เมื่อไปถึงหน้าห้องของมู่หวันฉี ก็ได้ยินเสียงมู่วันฉีกรีดร้องด้วยความโมโห
“ปล่อยฉันออกไป!”
“พวกแกมันเลว ค่อยดูนะถ้าออกไปได้ฉันจะจัดการกับพวกแก!ฉันจะไล่พวกแกออกให้หมด!”
ด่าไปได้สองสามประโยค ก็ดูเหมือนว่าจะด่าจนเหนื่อยแล้ว ข้างในห้องก็สงบลง
เมื่อคนใช้เห็นมู่นวลนวลเข้ามา ก็ก้มหัวลงด้วยความเคารพ:“คุณหนูสาม”
มู่นวลนวลพยักหน้า:“เปิดประตูเถอะ”
กักบริเวณที่มู่เจิ้งซิวบอกดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ประตูห้องของมู่หวันฉีล็อคไว้ และยังมีคนใช้เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูด้วย
คนรับใช้เปิดประตูแล้วมู่นวลนวลก็เดินเข้ามา
มู่หวันฉีถือโทรศัพท์และนั่งอยู่บนโซฟา ไม่รู้ว่ากำลังดูอะไรอยู่ เธอยิ้มหวานโดยที่ไม่สังเกตว่ามู่นวลนวลเดินเข้ามาด้วยซ้ำ
มู่นวลนวลหรี่ตาและพูดอย่างแผ่วเบา:“ดูอะไรทำไมมีความสุขจัง?”
มู่หวันฉีจดจ่อกับการดูมากเกินไป เมื่อได้ยินเสียงของมู่นวลนวลก็ตกใจจนตัวสั่น แล้วเธอก็มองไปที่มู่นวลนวลด้วยท่าทางที่ดุร้าย:“เธอเป็นผีหรอ?เข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียง?”
มู่นวลนวลไม่พูด และเดินตรงมาที่เธอ
มู่หวันฉีวางโทรศัพท์ลงใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความพึงพอใจ:“อุ๊ย เธอผ่านคนที่รอต่อว่ามาได้ไง เธอยังจะกล้าออกมาข้างนอก ไม่กลัวว่าคนอื่นจะปาไข่เน่าใส่หรอ?”
มู่หวันฉีพูดจบแล้วเธอก็เม้มริมฝีปากอย่างภาคภูมิใจ ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้มน่ากลัว
“กลัวหรอ นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาหาเธอ” มู่นวลนวลเม้มริมฝีปาก รอยยิ้มในดวงตานั้นเย็นชา ดูเหมือนว่าเธอจะไม่กลัวเลยสักนิด
สิ่งที่มู่หวันฉีเกลียดที่สุดก็คือเธอไม่สามารถทำอะไรมู่นวลนวลได้
และเธออยากเห็นมู่นวลนวลแพ้พ่ายแล้วก็อาละวาด
“เธอมันไร้ยางอาย ถูกคนด่าว่าเป็นมือที่สามแล้วยังจะทำว่าตัวเองไม่เป็นอะไร” มู่หวันฉีกัดฟันพูด
มุ่หวันฉีนั่งอยู่บนโซฟา และมู่นวลนวลยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เธอมองลงมากราดลงมาแล้วพูดว่า:“พูดมาเถอะ รูปทะเบียนสมรสนั่นมันยังไงกัน”
วันนี้มู่นวลนวลใส่เสื้อของเซินเหลียง เสื้อผ้าของเซินเหลียงเป็นชุดที่ใหญ่ ชุดที่เธอหยิบให้มู่นวลนวล ข้างใจเป็นเสื้อกันหนาวและข้างนอกเสื้อหนังเท่ๆ ทำให้ดูเหมือนว่าเธอเย็นชามากขึ้น
เมื่อเธอมองลงไปที่มู่หวันฉี ออร่าของเธอจึงดูน่ากลัว
มู่หวันฉีก็เผลอพูดความจริง:“เป็นซือ……”
เธอพูดออกมาสองคำ ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับมู่นวลนวล
ทำไมเธอต้องบอกความจริงกับมู่นวลนวลด้วย เธอบ้าไปแล้วหรอ?
“เธอรู้แค่ว่าทะเบียนสมรสนั่นเป็นของจริงก็พอแล้ว และเธอมู่นวลนวลก็เป็นมือที่สาม!” มู่หวันฉีจงใจที่จะเน้นเสียงในตอนท้ายประโยค
มู่นวลนวลสีหน้าเปลี่ยน และมือที่อยู่ข้างตัวเธอก็กำหมัดแน่น
“เธอไม่บอกฉันก็รู้” มู่นวลนวลหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก็สงบลง:“เป็นซือเฉิงยวี่ที่ให้เธอมา”
มู่หวันฉีรีบแก้ตัว:“ฉันไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไร ซือเฉิงยวี่อยู่ในวงการบันเทิง เขาจะมีรูปพวกนั้นได้ยังไง เธอคิดมากเกินไปแล้ว”
คนที่กำลังโกหกจะไม่กล้าสบตาคนอื่น
มู่หวันฉีก็เช่นเดียวกัน
มู่นวลนวลรู้สึกว่าเธอคิดผิด ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ในตอนแรกเธอรู้สึกว่าคนอย่างซือเฉิงยวี่ จะไม่มองคนอย่างมู่หวันฉีอย่างแน่นอน
แต่สุดท้ายซือเฉิงยวี่กับมู่หวันฉีก็ร่วมมือกัน จัดการเธอกับโม่ถิงเซียว
มู่นวลนวลมองเธอด้วยหางตา นั่งลงตรงหน้าเธอและพูดอย่างสะเปะสะปะว่า:“ดูท่าซือเฉิงยวี่ก็ไม่ได้อะไรกับเธอเท่าไหร่ แม้แต่ตัวตนจริงๆของเขาเธอก็ไม่รู้”
เธอสังเกตว่าถ้าเธอพูดถึงซือเฉิงยวี่ มู่หวันฉีก็จะตื่นตระหนก
ดูท่ามู่หวันฉีจะรักซือเฉิงยวี่จริงๆ
เมื่อก่อนซินชูฮันมั่วกับผู้ชายเจ็ดแปดคน ก็ไม่เห็นมู่หวันฉีจะตื่นตระหนกอย่างนี้
“นี่เป็นห้องของฉัน เธอออกไปจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้นะ” มู่หวันฉีชี้ไปที่ประตูและตะโกนใส่มู่นวลนวล
มู่นวลนวลไม่มีสีหน้าว่าจะโกรธ เธอยืนขึ้น:“งั้นฉันไปก่อนนะ”
วันนี้เธอมาที่นี่เพื่ออยากจะแน่ใจว่า เรื่องนี้เป็นซือเฉิงยวี่กับมู่หวันฉีร่วมมือกันหรือไม่เท่านั้น
ในเมื่อได้คำตอบแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะต้องอยู่ต่อ
รูปทะเบียนสมรสคงจะเป็นซือเฉิงยวี่ที่เอามาให้มู่หวันฉีแน่ๆ มู่หวันฉีถูกซือเฉิงยวี่หลอกใช้แล้ว