มู่นวลนวลเริ่มใช้ชีวิตแบบไม่ต้องออกจากบ้าน
ทุกวันโม่ถิงเซียวจะไปที่โม่กรุ๊ป พอตอนบ่ายก็จะพกเอกสารกลับมาที่บ้าน เขาให้เหตุผลว่ากลัวเธอเบื่อ จึงกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ
เเต่ความเป็นจริง พอมู่นวลนวลเห็นเขาเธอก็ทำหน้าไม่ดีทันที ทั้งสองคนไม่เงียบใส่กัน ก็ทะเลาะกัน
เเต่ต่อให้ทะเลาะกันก็เป็นมู่นวลนวลฝ่ายเดียวที่ยุแหย่เขาอย่างเงียบๆ โม่ถิงเซียวกลับไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย
” ป้าหูบอกว่าตอนเที่ยงคุณไม่ได้ทานข้าว? ”
โม่ถิงเซียวเดินเข้ามาจากด้านนอก เขาเดินตรงไปนั่งลงข้างๆมู่นวลนวล
มู่นวลนวลกอดโน้ตบุ๊ค นิ้วเรียวเคาะลงไปบนแป้นพิมพ์ราวกับไม่ได้ยินที่โม่ถิงเซียวพูด เธอจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊คอย่างตั้งใจ
ไม่ใช่ครั้งเเรกที่สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
โม่ถิงเซียวทำหน้าขรึม หลังจากนั้นก็พับโน้ตบุ๊คของเธอลง
ในน้ำเสียงผสมไปด้วยการตักเตือน: ” มู่นวลนวล ”
มู่นวลนวลลองอยู่สักครู่ ก็ไม่สามารถเลื่อนมือของเขาออกไปได้ เธอจึงเอียงศีรษะจ้องเขาอย่างท้อใจ: ” เอามือออกไป ฉันยังเขียนไม่เสร็จ ”
มือของโม่ถิงเซียวยังคงกดทับอยู่บนโน้ตบุ๊คของเธอ สีหน้าของเขาเย็นชา: ” ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรอ? ”
” ไม่อยากอาหาร ไม่อยากทาน ” มู่นวลนวลลุกขึ้นเดินอ้อมโม่ถิงเซียวเเละเดินไปนั่งลงบนโชฟาที่อยู่ไกลออกไปจากเขา
โม่ถิงเซียวเม้มริมฝีปากบางเเน่น ดวงตาของเขาหดเกร็งราวกับกำลังอดทัน เเละเหมือนจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา
ช่วงนี้ทั้งสองคนไม่ได้ดีใส่กันสักเท่าไหร่ มู่นวลนวลทำสีหน้าไม่ดีใส่เขา เขาก็ไม่ยอมปล่อยมู่นวลนวลออกจากบ้าน ทั้งสองคนไม่ได้รับประโยชน์เเละไม่มีใครเป็นฝ่ายชนะ
ผ่านไปสักพัก ก็เป็นโม่ถิงเซียวที่ยอมประนีประนอม: ” ฉันจะพาคุณออกไปเดินข้างนอก ”
มู่นวลนวลปฏิเสธทันที: ” ไม่ไป ”
โม่ถิงเซียวหน้าตึงนิดหน่อย เขาสูดหายใจเข้าลึกๆเเละหายใจออกมาเเรงๆ: ” ไม่ไปก็ต้องไป! ”
น้ำเสียงของเขาค่อนข้างรุนเเรง ในกระดูกของมู่นวลนวลยังคงรู้สึกกลัวเขาอยู่เล็กน้อย เธอจึงตัวสั่นเพราะถูกเขาทำให้ตกใจ
โม่ถิงเซียวเห็นดังนั้น สีหน้าของเขาก็ยิ่งเเย่ลง เขาจึงลุกขึ้นเเละเดินออกไป
นอกประตู
ป้าหูถือถาดอาหารเดินมาพอดี ในถาดคือข้าวต้มพร้อมเครื่องเคียงที่ละเอียดเเละสวยงามสองสามอย่าง
เธอเห็นสีหน้าของโม่ถิงเซียวไม่ค่อยดีนัก จึงพูดถามขึ้น: ” ทะเลาะกันอีกเเล้วหรอคะ? ”
โม่ถิงเซียวเอื้อมมือมาบีบหัวคิ้ว ในน้ำเสียงของเขามีความโมโหแฝงอยู่ในนั้น: ” เธออยากทำให้ผมโมโหจนอกแตกตาย! ”
น้อยครั้งมากที่ป้าหูจะเห็นโม่ถิงเซียวแสดงอารมณ์ออกมาแบบนี้ เธอชะงักไปเล็กน้อย พอตั้งสติได้ก็อยากขำอยู่เหมือนกัน
ตอนสาวๆ เธอเข้าไปในตระกูลโม่ในฐานะคนรับใช้เเละคอยรับใช้เเม่ของโม่ถิงเซียว เเละถือว่าได้เห็นโม่ถิงเซียวเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ต่อมาพอเกิดเรื่องคดีลักพาตัวขึ้น โม่ถิงเซียวก็ถูกส่งไปต่างประเทศ เเละเธอก็ลาออกเเละออกมาจากตระกูลโม่
เเต่เธอยังคงคิดถึงโม่ถิงเซียวอยู่ตลอด
โม่ถิงเซียวตอนเด็กๆนิสัยอ่อนโยน พอเห็นคนก็มีมารยาทเเถมยังรูปร่างดี ผู้ใหญ่เห็นก็ชอบเขากันทั้งนั้น
ก่อนหน้านี้ ตอนที่โม่ถิงเซียวไปหาเธอ เธอยากที่จะเชื่อว่าคนตรงหน้าที่มีกลิ่นอายที่ไม่แยแสและดุร้ายคนนั้นจะเป็นนายน้อยของตระกูลโม่
ป้าหูส่ายหน้าไปมาเเละพูดกล่อมเขา: ” คุณหญิงเป็นเด็กที่มีความคิดเป็นของตัวเอง นิสัยของเธอจึงค่อนข้างดื้อรั้น คุณไม่ให้เธอออกจากบ้านเเละบังคับเธอแบบนี้ เธอจะไปมีความสุขได้ยังไงล่ะคะ? ”
ตอนป้าหูพูด เธอก็ได้สังเกตปฏิกิริยาของโม่ถิงเซียวไปด้วย แต่เธอไม่สามารถบอกได้จากการแสดงออกของเขาว่าเขากำลังฟังเธออยู่หรือเปล่า
เด็กคนนี้ความคิดลึกซึ้งเกินไป
ตอนที่เธอกำลังคิดว่าโม่ถิงเซียวไม่ได้ฟังคำพูดของเธอเลย อยู่ๆโม่ถิงเซียวก็พูดขึ้น: ” ป้าหู ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ เธอก็จะหนีไปนะครับ ”
” เกิดอะไรขึ้น? เเล้วหนีไปไหนคะ? ” ป้าหูรู้สึกสับสน
ถึงเเม้ว่าทั้งสองคนจะมีความขัดแย้งกันนิดหน่อย เเต่เธอที่เป็นคนนอกก็ยังรู้สึกได้ว่าต่างคนต่างยังคงเป็นห่วงซึ่งกันเเละกัน
โม่ถิงเซียวกลับไม่พูดอะไรเยอะ
มู่นวลนวลเป็นคนดื้อรั้นคนหนึ่ง เธอรักความสมบูรณ์แบบเเละมีทัศนคติที่ชัดเจนต่อความรู้สึกของตัวเอง
เรื่องซือเฉิงยวี่ เขาไม่สนใจซือเฉิงยวี่เกินไป สุดท้ายจึงทำให้มู่นวลนวลถูกเกี่ยวข้องอย่างรุนเเรงแบบนั้น
เเต่มู่นวลนวลกลับคิดว่าเขาหลอกใช้เธอ เเละปล่อยให้เธอติดอยู่ในวังวนของเรื่องอื้อฉาวและข่าวลือ
เเต่ความเป็นจริง……
โม่ถิงเซียวกลับปฏิเสธไม่ได้
การกระทำของซือเฉิงยวี่ผิดปกติมาก เเละรวมกับสิ่งที่มู่เจิ้งซิวเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้
ถ้าคดีของแม่ในตอนนั้นเกี่ยวข้องกับป้าโม่เหลียน ซือเฉิงยวี่ที่เป็นลูกชายของโม่เหลียน พฤติกรรมที่ผิดปกติของเขาก็อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในตอนนั้นด้วยใช่ไหม?
เขาคิดว่าถ้าเรื่องนี้ดำเนินต่อไปก็จะส่งผลกระทบต่อมู่นวลนวล
เเต่ถ้ายับยั้งทันทีก็อาจพลาดข้อมูลที่สำคัญไป
สุดท้าย ความหวังที่จะสืบเรื่องคดีของเเม่ให้กระจ่างก็มีชัยจนได้
บางครั้งเขาก็หวังว่ามู่นวลนวลจะซื่อบื้อสักเล็กน้อย แบบนั้นเธอจะได้ไม่ไปจากเขา
ต่อให้เขาทำเรื่องที่ผิด เขาก็ยังสามารถแก้ไขได้ก่อนที่เธอจะพบ
ช่วงนี้พฤติกรรมที่ผิดปกติของเธอพิสูจน์ให้เห็นเเล้วว่าเธอมีความคิดที่จะไปจากเขาได้ตลอดเวลา
ถึงเเม้ว่าจะเป็นเพียงความคิด เขาก็ไม่อนุญาตเหมือนกัน
พอคิดว่าเขาอาจจะไม่เห็นเงาของมู่นวลนวลเมื่อเขากลับบ้านในวันหนึ่ง เขาก็รู้สึกเหมือนอยู่ในอุโมงค์น้ำเเข็งเเละรู้สึกหนาวไปทั้งตัว
เขาคิดอยู่สักพักก็ยังคิดวิธีที่เป็นไปได้ไม่ออก
เเต่ข้างนอกยังมีผู้ชายที่กำลังสนใจมู่นวลนวลอยู่
เเละเขาก็ไม่มีวิธีอื่นอีกเเล้ว
ราวกับความตายที่สิ้นหวังของนักเดินทางที่มาถึงจุดสิ้นสุดของถนน เพียงเเค่มู่นวลนวลท้องลูกของเขา เธอก็จะไม่ไปจากเขาอีก
มู่นวลนวลไม่เคยได้รับความรักจากญาติพี่น้องมาตั้งเเต่เด็ก ถ้าเป็นลูกของเธอเอง ก็คงจะไม่ยอมให้เขาไม่มีพ่อด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เพียงเเค่มีลูก เธอก็จะไม่ไปจากเขา
ทุกครั้งที่เขาเห็นสายตาที่เย็นชาขึ้นเรื่อยๆของมู่นวลนวล หัวใจของเขาก็จะสั่นไหว
เเต่พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ ความคิดของเขาก็เด็ดเดี่ยวขึ้นมาทันที
” โม่ถิงเซียว ”
ด้านหลังมีเสียงของมู่นวลนวลดังขึ้น โม่ถิงเซียวเเข็งทื่อไปทันที เขาคิดว่าตัวเองอาจจะมีอาการหลอนทางหูก็เป็นได้
ช่วงนี้มู่นวลนวลเเทบจะไม่เป็นฝ่ายเข้ามาพูดกับเขาก่อนเลย
เขาไม่ได้หันกลับไป ก็ได้ยินเสียงที่อยู่ทางด้านหลังดังขึ้นมาอีกครั้ง: ” เมื่อสักครู่คุณบอกว่าตอนบ่ายจะพาฉันออกไปเดินเล่นข้างนอกไม่ใช่หรอ? ยังนับอยู่ไหมล่ะ? ”
โม่ถิงเซียวหันกลับไป ก็เห็นมู่นวลนวลยืนมองเขาอยู่ที่ข้างประตู
สายตาของเขามองเธออย่างอ้อยอิ่งเเละพยักหน้าขานรับทันที: ” อืม ”
” งั้นรอฉันสักครู่ ฉันขอเปลี่ยนชุดก่อน ” มู่นวลนวลพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ
เธอหมุนตัวเข้าห้อง พอประตูห้องปิดลง ใบหน้าของมู่นวลนวลก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเซินเหลียง: ” เมื่อสักครู่ฉันพูดกับโม่ถิงเซียวเเล้ว ตอนบ่ายเราไปเจอกันที่ไหนดีล่ะ? ”
เซินเหลียงเงียบไปสักครู่ หลังจากนั้นก็พูดขึ้น: ” ไปซุปเปอร์มาเก็ต ห้างสรรพสินค้า ไม่ก็โรงหนัง เเล้วเเกล้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญก็ได้ ”
” ได้ ” ช่วงนี้มู่นวลนวลอยู่เเต่ในบ้านจนรู้สึกอึดอัดไปหมดเเล้ว ไม่ให้เธอออกจากบ้านทีนึงเเล้ว เซินเหลียงมาหาเธอ โม่ถิงเซียวก็ยังไม่ให้เซินเหลียงเข้ามาในบ้านอีกด้วย
ไม่รู้ว่าเธอควรตบมือให้กับความรอบคอบของโม่ถิงเซียว หรือสงสารตัวเองดี
สิ่งเดียวที่เป็นข้อดี คงเป็นที่โม่ถิงเซียวตอบตกลงคำเรียกร้องของเธอ