จนกระทั่งมู่นวลนวลวางสายโทรศัพท์ โม่ถิงเซียวที่อยู่ด้านข้างถึงจะพูดขึ้นมา: ” ยังจะไปที่ร้านอาหารจินติ่งอีกหรอ? ”
สีหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาราวกับกำลังไม่พอใจอยู่เล็กน้อย
ตอนนี้เธอท้องตามที่เขาต้องการเเล้วหนิ จะมาทำหน้าตาอะไรอีก?
” ไปสิ ” มู่นวลนวลเอียงศีรษะพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน
เธอบอกกับเซินเหลียงเเล้วว่าจะไปเจอกันที่ร้านอาหารจินติ่ง นี่ก็ออกมาเเล้ว ยังไงก็ต้องเจอกันให้ได้
……
ที่ทางเข้าร้านอาหารจินติ่ง
พอมู่นวลนวลลงจากรถก็เห็นรถของเซินเหลียง
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเซินเหลียง: ” ลงจากรถเเล้วเข้าไปด้านในกันเถอะ ฉันเห็นเธอเเล้ว ”
วินาทีต่อมา เซินเหลียงก็เดินลงมาจากบนรถ เธอใส่เเว่นกันแดดเเละผ้าปิดปากด้วยท่าทีที่ปกปิดมิดชิด
มู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียวเดินตามเธอเข้าไปในร้านอาหารจินติ่ง
พอเซินเหลียงเข้ามาในร้านอาหารจินติ่ง เธอก็ถอดผ้าปิดปากกับแว่นกันแดดออก ตอนเธอหันไปเห็นมู่นวลนวล สายตาของเธอก็เป็นประกายทันที หลังจากนั้นก็วิ่งมาหามู่นวลนวล
” นวลนวล เธอ…… ” พูดได้ครึ่งเดียว เธอถึงจะสังเกตเห็นโม่ถิงเซียวที่ยืนอยู่ด้านหลังมู่นวลนวล
เสียงของเธอหยุดชะงักไป หลังจากนั้นเธอก็เรียกเขาด้วยความแค้นใจ: ” บอสใหญ่ ”
” อืม ” โม่ถิงเซียวขานรับนิ่งๆ สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่
เขาหันไปมองมู่นวลนวล: ” พวกคุณไปที่ห้องรับรองพิเศษก่อน ”
เขาไม่รอให้มู่นวลนวลตอบอะไร เเละหมุนตัวเดินออกไปทันที
พอเขาออกไป เซินเหลียงก็โล่งใจขึ้นนิดหน่อย หลังจากนั้นเธอก็พูดถามมู่นวลนวล: ” เกิดอะไรขึ้น? ก่อนหน้านี้บอสใหญ่ต้องการให้เธอท้องให้ได้ไม่ใช่หรอ? ทำไมตอนนี้พอยเธอท้องเเล้ว เขากลับดูเหมือนไม่ดีใจเลยล่ะ? ”
” ไม่รู้สิ เขาเป็นผู้ชายที่เดาความคิดได้ยากกว่าพวกผู้หญิงสะอีก ” มู่นวลนวลโบกมือไปมา: ” ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ”
พอเซินเหลียงได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย เธอสังเกตสายตาของมู่นวลนวลอย่างละเอียด เเละพูดถามมู่นวลนวลอย่างลองเชิง: ” เธอยังไม่คืนดีกับบอสใหญ่อีกหรอ? ”
มู่นวลนวลถามเซินเหลียงกลับ: ” เรามีปัญหาอะไรกันอย่างนั้นหรอ? ”
ก่อนหน้านี้เธอกับโม่ถิงเซียวมีปัญหากันจริงๆ เดิมทีมันเกี่ยวข้องกับซือเฉิงยวี่ เเละก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เเต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะซับซ้อนกว่านั้นเเล้ว
เซินเหลียงส่ายหน้าเเละพูดขึ้น: ” บอกไม่ถูก ก็เเค่รู้สึกว่าพวกเธอดูเเปลกๆไป ”
มู่นวลนวลยกยิ้ม เธอก้มหน้าเพื่อปกปิดอารมณ์ที่อยู่ในดวงตาของตัวเอง
……
หลังจากที่โม่ถิงเซียวแยกกับมู่นวลนวล เขาก็ตรงมาที่ห้องที่เหลือไว้ในร้านอาหารจินติ่ง
ด้านหน้าประตูมีบอดี้การ์ดเฝ้าไว้อยู่ เเละเป็นซือเย่ที่พามา
พอบอดี้การ์ดเห็นโม่ถิงเซียว เขาก็โค้งตัวเเละพูดขึ้นอย่างเคารพนอบนบ: ” คุณชาย ”
เเละบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างประตูก็เปิดประตูให้เขาทันที
โม่ถิงเซียวเดินเข้าไปในห้อง
พอซือเย่เห็นโม่ถิงเซียวก็รีบพยักหน้าให้เขาอย่างเคารพทันที
” คนล่ะ? ” โม่ถิงเซียวมองไปรอบๆ เเต่กลับไม่เห็นคนอื่น
ซือเย่เดินไปที่มุมกำเเพงสองก้าว หลังจากนั้นเขาก็ดึงผู้หญิงที่หดตัวอยู่ใต้โต๊ะออกมาแล้วโยนเธอไปตรงหน้าโม่ถิงเซียว
ก่อนหน้านี้โม่ถิงเซียวได้สั่งให้พวกเขาไปลักพาตัวคนก่อเรื่องมาที่นี่ เเละรอให้เขากลับมาจัดการด้วยตัวเอง
รถคันนั้นไม่ได้ชนมู่นวลนวลกับโม่ถิงเซียว สุดท้ายก็ไปชนกับรั้วกั้นที่ลานจอดรถ ด้านหน้าของรถถูกชนจนผิดรูป คนบนรถจึงบาดเจ็บหนักอยู่พอสมควร
ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นเต็มไปด้วยเลือด เเถมยังมีเลือดจำนวนมากที่ติดอยู่บนเส้นผม ซึ่งตอนนี้ได้แห้งและแข็งตัวอยู่บนเส้นผมเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว และผมก็ติดกันทีละเส้นเหมือนกับเชือกป่าน
ถึงเเม้ว่าจะเป็นแบบนั้น เเต่โม่ถิงเซียวก็ยังจำผู้หญิงตรงหน้าได้อย่างชัดเจน
โม่ถิงเซียวเดินไปด้านหน้านิดหน่อย สายตามืดมนของเขาไปหยุดอยู่บนตัวเธอ เเละเสียงนั้นก็น่ากลัวราวกับพญายมที่คลานออกมาจากนรก: ” มู่หวันฉี ไม่เจอกันนานเลยนะ ”
มู่หวันฉีตัวสั่นเหมือนกำลังหนาวเหน็บ เธอพูดอย่างไม่เป็นประโยค: ” ขอ……ขอ……โทษ……ฉัน……คุณ……มู่…… ”
เธอพูดไปด้วยเเละเงยหน้ามองโม่ถิงเซียวด้วยตัวที่สั่นเทาไปด้วย สายตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอพยายามขอให้เขายกโทษให้อย่างสุดชีวิต เเต่เป็นเพราะรู้สึกกลัวเกินไป เธอจึงพูดไม่รู้เรื่อง
น้อยครั้งมากที่โม่ถิงเซียวจะเเสดงความอดทนแบบนี้ออกมากับคนอื่นที่ไม่ใช่มู่นวลนวล เขาไม่พูดอะไร เอาเเต่มองมู่หวันฉีที่พูดออกมาไม่เป็นประโยคด้วยตัวที่สั่นเทา
สีหน้าของเขาเย็นชาเเละไม่แยเเส
ผ่านไปสองวินาที โม่ถิงเซียวก็รู้สึกไม่สนุก เขาจึงโบกมือเรียกบอดี้การ์ด: ” เอามีดมา ”
พอมู่หวันฉีได้ยินที่เขาพูด เธอก็ยิ่งตัวสั่นเเละกลับมาพูดได้เป็นปกติอย่างน่าอัศจรรย์
” ขอโทษ……จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว……เเละฉันจะไม่เป็นศัตรูกับมู่นวลนวลเเล้วด้วย……คุณปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันขอร้องล่ะ…… ”
มู่หวันฉีเสียเลือดไปเยอะ เมื่อสักครู่ก็ยังรู้สึกเวียนหัว เเต่พอมาตอนนี้เธอกลับตื่นเต็มตาเเล้ว
” ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอก ” โม่ถิงเซียวนั่งยองๆ ในตาของเขามืดมิดราวกับน้ำหมึก เเละเขาก็พูดขึ้นเสียงเบา: ” เธอต้องการชนมู่นวลนวลให้ตาย เเต่ฉันไม่โหดเหี้ยมเหมือนเธอ เเละฉันจะไม่ฆ่าเธอ ”
” ไม่! ” มู่หวันฉีตกใจจนกรีดร้องออกมา
โม่ถิงเซียวจะไม่ฆ่าเธอ เเต่เขาจะทำให้เธอเจ็บปวดมากกว่าสิ่งที่เธอได้ทำไว้
” นี่ไม่ใช่ครั้งเเรก เธอต้องชินกับมันถึงจะดี ” โม่ถิงเซียวลุกขึ้นยืนช้าๆ หลังจากนั้นก็มีบอดี้การ์ดถือเก้าอี้มาวางไว้ข้างหลังเขา
โม่ถิงเซียวนั่งลง
มู่หวันฉีใส่กระโปรงกับถุงน่องตาข่ายเหมือนเดิม บอดี้การ์ดถือมีดมากรีดเบาๆเเละได้กรีดถุงน่องตาข่ายของเธอให้ขาดออกจากกัน
มู่หวันฉีเบิกตาโต เธอกระตุกไปทั้งตัว: ” ไม่นะ! อย่าทำกับฉันแบบนี้!! อ๊ะ!! ”
มีดที่บอดี้การ์ดกำลังถืออยู่ได้เริ่มกรีดลงไปบนขาของมู่หวันฉี เเละเเล่เนื้อของเธอออกมาทีละชั้น
มู่หวันฉีใช้อำนาจบาตรใหญ่มาตั้งเเต่เด็ก และเป็นที่รักมากในตระกูลมู่ เธอจะทนกับความทรมานแบบนี้ได้ยังไง
ครั้งที่เเล้วที่เธอจะโกหกสื่อเพื่อชี้แจงเรื่องทะเบียนสมรส ก็เป็นโม่ถิงเซียวที่ใช้วิธีแบบนี้บังคับให้เธอกระทำความผิด
ง่ายเกินไปที่จะรับมือกับผู้หญิงที่ไร้สมองอย่างมู่หวันฉี
มู่หวันฉีตะโกนร้องอยู่ตลอด โม่ถิงเซียวจึงพูดขึ้นนิ่งๆ: ” หนวกหูชะมัด ”
ทันใดนั้น มู่หวันฉีก็ถูกปิดปากทันที เธอจึงทำได้เพียงส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างคลุมเครือ
ซือเย่ที่ยืนอยู่ข้างๆมองจนกล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุก สุดท้ายเขาก็เม้มริมฝีปากเเละมองไปทางอื่น
เเละตอนที่มู่หวันฉีใกล้จะหมดสติ อยู่ๆประตูก็ถูกเปิดออก
ซือเย่ขมวดคิ้วทันที ใครที่กล้าผลักประตูเข้ามาในเวลานี้?
” โม่ถิงเซียว! ”
พอซือเย่ได้ยินเสียง เขาก็แอบสบถว่าเเย่เเล้ว
นอกจากมู่นวลนวลเเล้วยังมีใครที่กล้าเรียกชื่อโม่ถิงเซียวแบบนี้ได้อีก
มู่นวลนวลพุ่งเข้ามา เเละวิ่งตรงไปในทิศทางที่โม่ถิงเซียวอยู่
ตรงหน้าโม่ถิงเซียวคือมู่หวันฉีที่ใกล้จะสลบไม่ได้สติ มู่นวลนวลจึงเห็นสภาพของมู่หวันฉีในตอนนี้
มู่หวันฉีเพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากนั้นเธอก็ถูกโม่ถิงเซียวทำให้ตกใจจนวิญญาณไม่อยู่กับตัว ตอนนี้เธอจึงรู้สึกทรมานจนไม่เหลือสภาพเดิมเเล้ว
มู่นวลนวลก็ตกใจสภาพของมู่หวันฉีด้วยเช่นกัน ผ่านไปสักครู่เธอถึงจะตอบสนองกลับมาเเละถามบอดี้การ์ดข้างๆ: ” เธอยัง……มีชีวิตอยู่ไหม? ”
บอดี้การ์ดพยักหน้าเหมือนเครื่องจักร: ” ยังมีชีวิตอยู่ครับ ”
พูดจบ บอดี้การ์ดคนนั้นก็เงยหน้ามองโม่ถิงเซียวอย่างระมัดระวัง
หลังจากที่มู่นวลนวลเข้ามา โม่ถิงเซียวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก