เสี่ยวชูเหอหน้าเสีย ลุกขึ้นมาอธิบายกับพวกเขา: “ฉันเป็นแม่ของเธอ!ฉันเป็นแม่ของมู่นวลนวล!”
ถึงเสื้อผ้าที่เธอใส่จะแพงแต่ตอนนี้หน้าเธอที่โดนตบก็บวมขึ้นแล้วยังโดนบอดี้การ์ดโยนทิ้งข้างถนน ตอนนี้เธอราวกับคนเร่ร่อน
บอดี้การ์ดสงสัย: “คุณบอกว่าคุณเป็นแม่ของเธอ ทำไมคุณไม่โทรหาเธอก่อนละ?”
“ฉัน…….”
บอดี้การ์ดถามเธอแบบนั้นเธอถึงกับพูดไม่ออก
เธอเองก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอและมู่นวลนวลทำไมกลายมาเป็นแบบนี้
เมื่อก่อนเป็นมู่นวลนวลที่คอยเอาใจใส่คอยเข้าหาเธอตลอด
แต่ตอนนี้ โทรศัพท์ของเธอมู่นวลนวลก็ไม่รับ อยากจะเจอเธอก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“คุณรีบไปเถอะ” บอดี้การ์ดบอกกับเธอเช่นนั้นแล้วเดินจากไป
เสี่ยวชูเหอก็ไม่ได้ตามตอแยอีก
เธอนึกถึงเขาพูดว่ามูนวลนวลไม่อยู่บ้านจึงไม่ตามไปและนั่งรอที่ข้างถนน รอมู่นวลนวลกลับมา
มู่นวลนวลกลับมาคงผ่านถนนเส้นนี้ เธอจึงนั่งรออยู่ตรงนั้น
มู่นวลนวลมองเห็นเธอต้องรับเธอกลับบ้านด้วยแน่นอน
ถึงยังไงแล้วเธอก็ยังเป็นแม่ของมู่นวลนวล
พอคิดแบบนี้แล้วเสี่ยวชูเหอก็มั่นใจขึ้นมา และนั่งรอเธออย่างใจจดใจจ่อ
เธอรอจนถึง 5 โมงเย็นและเธอก็หนาวมาก ขณะนั้นเธอมองเห็นรถที่กำลังจะขึ้นเขามา
เสี่ยวชูเหอดีในมาก เธอวิ่งไปขวางรถไว้
ซือเย่เป็นคนขับรถ โม่ถิงเซียวนั่งอยู่ข้างหลัง กำลังใช้โทรศัพท์ดูโพสที่มู่นวลนวลโพสไว้ในเวยป๋อ
“คุณชายข้างหน้ามีคนยืนขวางรถอยู่”
ได้ยินซือเย่พูดเช่นนั้น เขาก็พูดแค่ว่า : “ดูสิว่าเป็นใคร”
ซือเย่ได้ยินเช่นนั้นก็จอดรถ
เสี่ยวชูเหอเห็นรถจอดเธอก็วิ่งเข้ามา
พร้อมเรียก : “นวลนวล นวลนวลอยู่ในรถไหม?”
ได้ยินเสียงเธอ โม่ถิงเซียวจึงเงยหน้าขึ้นมอง
โม่ถิงเซียวได้เห็นสีหน้าของเธอจึงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา แล้วเปิดประตูรถ
เสี่ยวชูเหอเห็นคนขับนถอยู่ข้างหน้าเธอจึงเดินมาประตูหลังเพราะคิดว่ามูนวลนวลอยู่ข้างหลังและประตูก็เปิดออก
โม่ถิงเซียวออกมาจากรถ เสี่ยวชูเหอเธอตกใจ พูดติดติดขัดขัด : “นวล….นวลนวลไม่อยู่ในรถหรอ?”
โม่ถิงเซียวปิดประตูรถ พูดอย่างเย็นชา : “มาหาเธอ?”
“ใช่……ฉันมาหาเธอ” แม้ว่าข้างหน้าเธอจะเป็นลูกเขย แต่เธอก็ไม่กล้าจะสบตาเขา
ลมหายใจของเขาแรงมาก แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดสลัวและเธอไม่สามารถมองเห็นการแสดงออกของเขาได้ชัดเจน เธอก้มศีรษะลงและรู้สึกได้ถึงความเย็นชาของ
“มาหาเธอทำไม?”
น้ำเสียงของเขาทำให้เสี่ยวชูเหอรู้สึกกลัว
“ฉันแค่มาเยี่ยมเธอ…….”
“คุณไม่คิดว่ามันสายเกินไปแล้วหรอ?” น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวเริ่มน่าฟังขึ้น
เธอได้ยินเช่นนั้นกลับไม่เข้าใจว่าเขาจะสื่ออะไร: “อะไรคือสายเกินไป?”
“คราวหลังไม่ต้องมาหามู่นวลนวลอีก”
ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากบ้านไม่ไกล และสามารถมองเห็นไฟจากที่บ้านได้
โม่ถิงเซียวมองไปที่บ้าน น้ำเสียงเย็นชา : “บนโลกนี้มีหลายวิธีที่ทำให้คนคนหนึ่งสามารถหายตัวไปตลอดกาล”
น้ำเสียงของโม่งถิงเซียวที่ขู่เธอทำให้เสี่ยวชูเหอกลัว
“ฉันแค่จะมาหาเธอฉันไม่ได้จะทำอะไร………….” เสียงของเธอสั่นรัว
“คุณคิดว่าคุณมีคุณสมบัติมากพอจะเจอเธอหรอ?” โม่ถิงเซียวเดินเข้าหาเธอ เสี่ยวชูเหอตกใจกลัวแล้วนั่งลงไปที่พื้น
โม่งถิงเซียวเห็นเช่นนั้นก็ไม่แยแสและเดินขึ้นรถไป
รถขับตรงไปที่บ้าน มองกลับหลังยังเห็นเงาของเสี่ยวชูเหอที่เดินลงไปจากเขา
เธอน่าสงสารมาก
อย่างไรก็ตามความน่าสงสารอาจหันกลับมาทำร้ายพวกเขาได้
รถจอดที่หน้าประตูบ้าน โม่งถิงเซียวเดินเข้าบ้านไปก็มีคนรับใช้ออกมาตอนรับอย่างดีใจ : “คุณชายกลับมาแล้ว”
เขาไม่มองเธอเลย และถอดเสื้อสูทให้ป้าหู
ป้าหูรับเสื้อ ไม่รอให้โม่งถิงเซียวเอ่ยปากถามและพูดขึ้น: “คุณผู้หญิงช่วงบ่ายทานอะไรเล็กน้อยแล้วก็ขึ้นไปนอนและเธอก็ยังไม่ตื่น กำลังว่าจะขึ้นไปปลุกค่ะ”
โม่ถิงเซียวพยักหน้า : “ผมไปปลุกเอง”
พอโม่งถิงเซียวขึ้นไปแล้ว ป้าหูหันกลับมามองเด็กคนรับใช้คนนั้น เธอไม่พอใจ: “ทำงานอยู่ที่นี้มีสติหน่อย อย่าคิดเอาคุณชายไปเปรียบเทียบกับคุณชายบ้านอื่น เขาต่างจากคนพวกนั้น”
เธอได้ยินเช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก พยักหน้าตอบรับ : “รับทราบค่ะ”
คุณผู้หญิงตอนนี้กำลังตั้งท้อง และคุณผู้ชายเป็นคนที่เลือดร้อน เธอไม่เชื่อว่าคุณผู้ชายจะทนไม่มีหญิงอื่นได้
คุณชายหน้าตาหล่อเหลาและรวย ถ้าเกิดเธอทำให้คุณชายถูกใจได้ เธอก็ไม่ต้องเป็นคนรับใช้อีกต่อไป
เมื่อก่อนเจ้าสัวโม่มองหาคนรับใช้ เขาสั่งให้หาคนที่คล่องแคล่ว ฉลาดและดูดี สุดท้ายจึงได้คนรับใช้ที่ทั้งเด็กแล้วก็ยังสาวอยู่เป็นจำนวลนวลมาก
ป้าหูแกอยู่ที่นี้มานาน และเธอก็รู้สึกได้ว่ามีคนรับใช้สาวๆที่คิดไม่ซื่ออยู่บ้าง
แต่คนพวกนี้เป็นเด็กของเจ้าสัวโม่ เธอจะไล่ออกก็ไม่ได้เพราะกลัวจะทำให้เจ้าสัวโม่ไม่พอใจ
ป้าหูถอนหายใจแล้วส่ายหัว
โม่งถิงเซียวเดินเบาๆเข้าไปในห้อง
มู่นวลนวลก็ตื่นพอดี นอนนานเกินไปทำให้เธอไม่มีแรงและนอนอยู่อย่างนั้น จะยืนมือไปเอาโทรศัพท์ที่วางไว้ตรงหัวเตียงแต่ก็หาไม่เจอ
มือที่ใหญ่และเรียวยื่นไปเอาโทรศัพท์ส่งให้เธอ
มู่นวลนวลมองมือและมองไปมี่เขาก็พบว่าเป็นโม่ถิงเซียว ที่สีหน้าให้ควมรู้สึกอบอุ่น
สองสามวันนี้เขาอารมณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ
โม่นวลนวลถือโทรศัพท์ไว้แล้วถามเขา : “พึ่งจะกลับมาหรอ?”
โม่ถิงเซียวพยักหน้าแล้วพยุงเธอลุกขึ้น: “ลุกขึ้นไปล้างหน้าแล้วลงไปทานข้าวกัน”
ทั้งสองกำลังทานข้าวอยู่ สาวรับใช้สองคนที่ยื่นอยู่ข้างหลังโม่ถิงเซียว สายตามองไปที่โม่ถิงเซียวตลอด
มู่นวลนวลยิ้มและมองไปที่สาวใช้ทั้งสอง และพูดออกมาว่า : “อยากกินกุ้งจากร้านจินติง”
โม่งถิงเซียวได้ยินเช่นนั้นก็ว่างตะเกียบลง : “ผมให้คนส่งมาให้”
“ไม่! คุณต้องไปเอามาเอง” มู่นวลนวลทำหน้างอเหมือนคนไม่มีเห็นผล
โม่ถิงเซียวรู้สึกแปลกใจ แต่ปากก็พูดไปว่า : “ได้”
“คุณต้องรีบกลับมานะ ถ้าเกิดว่าอาหารเย็นแล้วฉันไม่กินนะ” มู่นวลนวลกำลังแสดงละคร
โม่งถิงเซียวรู้สึกเช่นนั้นจึงหันกลับไปมองสาวใช้ที่ยื่นอยู่ข้างหลัง ทั้งสองเกิดอาการเขินอาย
โม่ถิงเซียวพูดอย่างเย็นชา : “พวกเธอทั้งสองกลับไปเก็บของออกไปจากที่นี้และตอนนี้”
สาวใช้ทั้งสองตกใจมาก : “คุณชาย!”
“ขี้เหร่เกินไป มองแล้วขวางหูขวางตา” โม่ถิงเซียวไม่มองพวกเธอ หันกลับมาถามมู่นวลนวล: “ยังอยากกินกุ้งจากร้านจินติงอยู่ไหม?”
มู่นวลนวลทำหน้าตาเฉย: “ไม่ค่อยอยากกินแล้ว”