โม่เอินหยาเมื่อก่อนเป็นทหารอากาศและมาเป็นพิธีกรที่สถานีโทรทัศน์ ฉินซุ่ยซานไม่ค่อยเข้าใจในฐานะของโม่เอินหยานัก
ไม่คิดว่าโม่เอินหยาก็เป็นคนของตระกูลโม่
แม่ว่าเธอจะเป็นคนในตระกูลโม่ แต่ทั้งตระกูลนอกจากครองครังของโม่ถิงเซียวแล้ว คนอื่นก็เป็นเพียงแค่นามสกุล
ฉินซุ่ยซานไม่สนใจในฐานะของโม่เอินหยา
“มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันหรอก แต่ตอนนี้เธอเป็นสาวใช้ ฉันขอสั่งเธอให้ไปรินน้ำให้ฉันตอนนี้” โม่เอินหยาพอใจมาก
ฉินซุ่ยหยาเธอไม่แคร์และไม่ทำตามคำสั่ง
ถึงอย่างไรเหตุผลที่เธอเข้ามาเป็นสาวใช้ที่บ้านนี้ก็คือเข้าใกล้โม่ถิงเซียว แม้บางครั้งจะได้รับใช้มู่นวลนวลอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่คิดว่าจะรับใช้คนที่เป็นคู่กัดกันมานาน
โม่เอินหยาเห็นเธอเช่นนั้นจึงหันหน้าไปอ้อนมู่นวลนวล: “พี่สะใภ้ หล่อนเป็นสาวใช้ที่เข้ามาใหม่หรอ? สั่งให้หล่อนรินน้ำมาให้ทำไมหล่อนไม่ทำ………”
“ใช่สาวใช้ที่เข้ามาใหม่” มู่นวลนวลยิ้ม: “แต่ว่าเป็นคนที่คุณปู่ส่งมา”
โม่เอินหยาแปลกใจ ไม่คิดว่าโม่อันหลิง(เจ้าสัวโม่)จะเอ็นดูมู่นวลนวลถึงขนาดส่งสาวใช้มาให้โดยเฉพาะ
“แม่ว่าจะเป็นคนที่คุณปู่ส่งมาแต่ก็ควรมีคุณสมบัติของการเป็นสาวใช้นะ” โม่เอินหยามองไปที่ฉินซุ่ยซานที่กำลังไม่พอใจอย่างมาก
ฉินซุ่ยซานเคยมีปัญหากับโม่เอินหยา และเธอรู้ดีว่าโม่เอินหยาไม่ใช่คนดีเท่าไหร่
เธอเห็นโม่เอินหยาที่แสดงท่าทีไม่ปกติเธอจึงถอยหลังไปหนึ่งก้าว
แต่เธอช้ากว่าโม่เอินหยาไปหนึ่งก้าว
เพียะ!
เสียงดังภายในห้องโถง ทำให้สาวใช้ต่างหันมามอง
แม้กระทั้งมู่นวลนวลก็ยังตกใจและอดไม่ได้ที่จะหั้นไปมองโม่เอินหยา
โม่เอินหยายิ้มอย่างพอใจ: “แค่คุณสมบัติการเป็นสาวใช่เธอยังไม่เข้าใจ วันนี้ฉันจะสั่งสอนเธอเอง”
การเปรียบเทียบระหว่างผู้หญิงทั้งสองที่มีพื้นฐานครอบครัวคล้ายคลึงกันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เห็นได้ชัดเจนว่าทั้งสองคนไม่ใครแย่ไปกว่าใคร แต่กลับมองกันสูงต่ำ แบบนี้ยิ่งทำให้แย่ไปกว่าเดิม
“โม่เอินหยาเธอคิดว่าเธอเป็นใครถึงกล้าตบฉัน!” ฉินชุ่ยซานจับหน้าตัวเองและโมโหมาก
ป้าหูโผล่มาดึงแขนมู่นวลนวลหลบไปข้างหลัง : “คุณผู้หญิงระวังตัวด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ” มู่นวลนวลไม่ใส่ใจ เธอคิดว่าทั้งสองคงไม่กล้ามีเรื่องตบตีกันจริงๆแน่นอน
แต่ความเป็นจริงกำลังจะเกิดขึ้น เธอประเมินประสิทธิภาพการต่อสู้ของผู้หญิงทั้งสองต่ำเกินไปและประเมินคุณสมบัติของพวกเธอมากเกินไป
“ฉินซุ่ยซาน ฉันให้โอกาสเธอพูดอีกครั้ง!” โม่เอินหยาทนฟังไม่ได้ที่มีคนใช้คำพูดและทำตัวสูงส่งต่อหน้าเธอ ยิ่งไปกว่านั้นคือฉินซุยซาน
ฉินซุ่ยซานยิ้มเยาะเย้ย : “ขอบใจมากนะ ฉันพูดอีกรอบแล้วกัน เธอที่อาศัยคนใหญ่คนโตเพื่อเข้ามาทำงานดีๆ กล้าดียังไงถึงตบฉัน!”
โม่เอินหยาหรี่ตาแล้วจ้องไปที่เธอ : “ดูถูกฉันหรอ?แล้วยังไง?สุดท้ายแล้วซู่มู่ฮันก็เลือกฉัน”
คำพูดของเธอทำให้ฉินซุ่ยหยาโมโหอย่างมาก
“เด็กเส้น!”
ฉินซุ่ยซานด่าเธอ แล้วกระโจนตรงเข้ามาหาเธอ
โม่เอินหยาไม่คาดคิดว่าฉินซุ่ยซานจะกระโจนเข้าหาเธอ เธอไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงกับพื้น
ฉินซุ่ยซานโมโหมาก เธอแสดงอาการออกมาว่าเธอโมโหสุดๆ
เธอขึ้นนั่งคล้อมตัวโม่เอินหยา แล้วกระชากคอเสื้อเธอ มืออีกข้างกระชากผมเธอ
“โอ้ย! ฉินซุ่ยหยาปล่อยมือนะ!” โม่เอินหยาทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงยกมือขึ้นมาปิดหน้าและจะเอามือไปกระชากผมฉินซุ่ยหยา
แต่สุดท้ายป้องกันตัวเองไม่ได้สักอย่างทำให้ฉินซุยหยาได้เปรียบ
ตอนที่มู่นวลนวลเรียนหนังสืออยู่เซินเหลียงชอบพาเธอไปมีเรื่องทะเลาะวิวาท ปกติแล้วจะยกเก้าอี้แล้วโยนใส่ฝ่ายตรงข้าม พอเรีอนมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้มีโอกาสทำเรื่องแบบเลย
เธอเห็นทั้งสองกำลังตบตีกันอยู่ทำให้มู่นวลนวลอยากจะเชียร์ทั้งสอง
แต่ตอนนี้เธอเป็นคุณผู้หญิงของบ้านการที่จะให้คนใช้ในบ้านตบกันกับแขกมันไม่เหมาะสม
“พวกเธอทำอะไรกันอยู่ เข้าไปแยกสิ!” มู่นวลนวลออกคำสั่งและเธอก็ถอยหลังออกไป
ตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องอยู่ ต้องออกห่างจากสถานการณ์แบบนี้
“เรื่องของฉันสองคน เธออย่ามายุ่ง!” ฉินซุ่ยซานดึกผมโม่เอินหยาอยู่แล้วหน้าขึ้นมองมู่นวลนวลก็เห็นว่าเธอถอยห่างออกไปไกลมาก
เธองงกับสิ่งที่เห็นเล็กน้อย
นี้คือท่าทางของมู่นวลนวลที่จะห้ามไม่ให้ทะเลาะกัน?
มู่นวลนวลไม่เข้ามายุ่งยิ่งดี เธอไม่ชอบโม่เอินหยามานาน วันนี้ต้องคิดบัญชีกับเธอ
สาวใช้ที่เจ้าสัวโม่ส่งมานอกจากฉินซุ่ยซานแล้ว ทุกคนได้รับการฝึกฝนและมีคุณสมบัติการเป็นสาวใช้อย่างดี
ทุกคนเห็นมู่นวลนวลสั้งให้เข้าไปห้ามแต่ตัวเธอเองถอยห่างไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจว่ามู่นวลนวลไม่อยากจะห้ามสักเท่าไหร่
ทำให้สาวใช้กลุ่มหนึ่งเข้ามาทำท่าทีเป็นห้ามปรามแยกพวกเธอออกจากกัน : “พวกคุณหยุดได้แล้ว”
“เธอปล่อยมือจากคุณโม่เดี๋ยวนี้นะ”
“ซุ่ยซาน ปล่อยมือ…………”
โม่เอินหยาโมโหมาก มีคนใช้หลายคนที่เข้ามาห้ามแต่ก็หยุดฉินซุ่ยซานไม่ได้ทำให้เธอหลุดปากด่าพวกเธอ : “พวกแกมัวยืนทำอะไรอยู่ ทำอะไรสักอย่างสิ มาดึงผู้หญิงคนนี้ออกไป!”
…………
ตอนบ่าย
โม่ถิงเซียวขับรถกลับมารับมู่นวลนวลไปศาล
แต่พอเดินเข้าบ้านไป ป้าหูก็เดินเข้ามาบอกกับเขา : “คุณผู้หญิงไปโรงพยาบาลค่ะ”
โม่ถิงเซียวตกใจอย่างมาก เสียงสั่น: “เธอเป็นอะไร?”
ป้าหูเห็นสีหน้าของเขาจึงรีบอธิบายไปว่า : “คุณผู้หญิงไม่ได้เป็นอะไรค่ะ วีนนี้คุณโม่มาที่นี้แล้วมีเรื่องทะเลาะกันกับฉินซุ่ยซาน”
“คุณโม่คนไหน?” โม่ถิงเซียวถามป้าหูพร้อมเดินหันหลังออกไป
“คุณโม่จากบ้านเล็กของตระกูลโม่ค่ะ” ป้าหูเคยทำงานอยู่ที่บ้านหลังเดิมมาก่อน เธอจึงเข้าใจเรื่องในบ้านไม่น้อย และยังพอจำโม่เอินหยาได้
โม่ถิงเซียวหยุดชะงัก : “โม่เอินหยา?”
“ใช่ใช่ใช่ คือเธอค่ะ” ป้าหูพยักหน้า
“โรงพยาบาลที่ไหน?”
บอดี้การ์ดส่งพวกเธอไป น่าจะเป็นโรงพยาบาลกลางในเครื่อของโม่กรุ๊ป
โม่ถิงเซียวขับรถตรงไปที่โรงพยาบาล
ในขณะที่ขับรถเขาก็โทรหามู่นวลนวลไปด้วย
รอเธอรับสายจนโทรศัพท์จะตัดสายไปเองจึงมีคนรับ
“โม่ถิงเซียว?”
เสียงของมู่นวนลนวลดังขึ้นจากโทรศัพท์
โม่ถิงเซียวโล่งอกแล้วถอนหายใจ : “รออยู่ที่รงพยาบาล ผมจะไปรับ”
แม้ว่าป้าหูจะอธิบายให้ฟังแล้วว่าเธอไม่เป็นอะไรแต่เขาก็ยังกังวลอยู่ดี พอเขาได้ยินเสียงมู่นวลนวลแล้วเขาถึงวางใจได้ว่าเธอไม่เป็นอะไรจริงๆ
“ทำไมคุณรู้ว่าฉันอยู่ที่โรพยาบาล? คุณกลับบ้านแล้วหรอ?”
“ใช่ รออยู่ตรงนั้นนะ”
เมื่อเธอว่าสายก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของโม่เอินหยาที่ดังมาจากห้องพยาบาล
“เบามือหน่อย!! โอ้ย!!”
เสียงของฉินซุ่ยหยาดังขึ้น : “เบาเกินไปมันจะฆ่าเชื้อไม่สะอาด มันจะติดเชื้อโรคอาจถึงตายได้”
“ฉินซุ่ยซานหุปปากเดี๋ยวนี้นะ! เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้แน่!”