มู่นวลนวลยืนอยู่หน้าประตูแล้วมองเข้าไปก็เห็นทั้งสองคนสภาพเละเทะที่มีเตียงคนป่วยกั้นอยู่พูดจาถากถางกัน
เธอไม่คิดว่าทั้งสองคนจะตบกันรุ่นแรงขนาดนี้
คิดว่าทั้งสองคนจะกระชากผมกันบ้างเล็กน้อย แต่กลับตบกันอย่างรุนแรงจึงจำเป็นต้องเรียกบอดี้การ์ดเข้ามาแยกพวกเธอ
เธอไม่อยากเข้าไปวุ่นวายอีกจึงหันกลับมาพูดกับบอดี้การ์ด : “ดูพวกเธอหน่อยนะ”
แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้รอโม่ถิงเซียวมารับ
สักพักก็มีพยาบาลเดินเข้ามาถามเธออย่างสุภาพ : “คุณผู้หญิงพวกเรามีห้องพัก คุณจะเข้าไปนั่งพักที่นั้นไหม?”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณนะคะ” มู่นวลนวลปฏิเสธ
…………
ตอนที่โม่ถิงเซียวมาถึง ฉินซุ่ยซานและโม่เอินหยาก็ทำแผลเสร็จแล้ว
แม้ว่าทั้วสองลงไม้ลงมือกัน แต่พวกเธอไม่ได้มือหนักขนาดนั้น จึงทำให้พวกเธอมีแค่แผลถลอกนิดหน่อย
แต่หน้าที่บวมเป่งของพวกเธอทำให้ไม่น่ามองเลยทีเดียว
โม่ถิงเซียวพอมองเห็นมู่นวลนวลก็เดินตรงมาหาเธออย่างเร็ว สายตาที่ดูกังวลสำรวจตัวเธออยู่หลายรอบจึงใจเย็นลง
แล้วจึงถามเธอ : “พวกหล่อนเป็นอย่างไรบ้าง?”
ตอนนี้ฉินซุ่ยซานและโม่เอินหยาเดินออกมาพอดี โม่เอินหยามองไปที่พวกเธอ : “คุณดูเองเถอะ”
“พี่สาม พี่ดูหล่อนตบฉันสิ…………”
โม่ถิงเซียวหันมามองก็ตกใจกับสภาพของเธอที่หน้าบวมเป่ง
เขาใจเย็นลง ขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นด้วยความไม่มั่นใจ : “โม่เอินหยา?”
“ใช่ค่ะ ฉันเอินหยาเองพี่สาม” โม่เอินหยาได้ยินโม่ถิงเซียวถามชื่อเธอ ก็รู้สึกตื่นเต้น
โม่ถิงเซียวไม่พูดอะไร แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อมองฉินซุ่ยซานที่อยู่ข้างหลังโม่เอินหยา
สภาพของฉินซุ่ยซานก็ไม่ต่างไปจากโม่เอินหยา แต่พอโม่ถิงเซียวมองไปที่เธอเธอกลับยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้วหันหน้าไปอีกด้าน เพราะกลัวเข้าเห็นสภาะเธอที่ไม่น่ามอง
มู่นวลนวลเห็นเช่นนั้นจึกนึกตลกขึ้นมา
โม่ถิงเซียวเป็นคนฉลาด เพียงแค่นี้ก็ทำให้เขารู้ว่าทำไมเธอทั้งสองถึงทะเลาะกัน
เรื่องของผู้หญิงมันไม่มีอะไรมาก ถ้าเกิดมู่นวลนวลห้ามพวกหล่อนไว้ ทั้งสองก็คงไม่ตบกัน
ฉินซุ่ยซานและโม่เอินหยาต้องมีสภาพแบบนี้ แน่นอนว่ามู่นวลนวลก็มีความผิดด้วย
ผู้หญิงที่ชื่อมู่นวลนวลคนนี้ ภายนอกอาจจะดูเป็นคนจิตใจดี แต่จริงๆแล้วเธอยังชอบเรื่องแบบนี้และยังมีนิสัยเด็กๆอยู่
โม่ถิงเซียวพูดอย่างเย็นชา : “ไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ”
โม่เอินหยาไม่คิดว่าโม่ถิงเซียวจะไล่เธอกลับไปเลย จะไม่ปกป้องเธอเลยหรอ?
แม้ว่าเธอและโม่ถิงเซียวจะไม่สนิทกัน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องกัน อย่างน้อยก็นามสกุลเดียวกัน
เธอถูกฉินซุ่ยซานทำร้าย โม่ถิงเซียวควรจะช่วยปกป้องเธอถึงจะถูก!
“พี่สาม ฉินซุ่ยซานหล่อน……………”
โม่ถิงเซียวเข้าใจความรู้สึกเธอดี แต่เรื่องนี้คนต้นเรื่องคือมู่นวลนวล เขาจะไม่ออกตัวปกป้องใครเด็ดขาด
เขามองไปที่โม่เอินหยาอย่างเย็นชา : “ใครเป็นคนเริ่มก่อน?”
โม่เอินหยากลัวเขาเพราะสายตาที่เย็นชาของเขากำลังจ้องมาที่เธอ เธอพูดเสียงเบา: “ฉินซุ่ยซาน”
เธอพูดจบก็มองไปที่มู่นวลนวลและยังขู่เธอด้วยสายตา ไม่ให้พูดความจริง
มู่นวลนวลรู้สึกขำที่เห็นแบบนั้น
เธอกลั้นยิ้มแล้วจ้องไปที่โม่เอินหยา คิดในใจผู้หญิงคนนี้แค่ตัวโตท่านั้น สมองไม่ได้โตตามตัวเลย
เธอนึกถึงฉินซุ่ยซานและคิดว่าฉินซุ่นซานฉลาดกว่าโม่เอินหยามาก
แน่นอนว่าโม่ถิงเซียวก็สังเกตุเห็นสายตาที่เธอขู่มู่นวลนวล เขานึกขำ : “กลับบ้านเอง วันหลังหากไม่มีธุระอะไรไม่ต้องมาที่บ้านนี้อีก”
โม่เอินหยาไม่พอใจในสิงที่โม่ถิงเซียวพูด : “พี่สาม!”
“ยังไม่ไปอีก? หรือจะให้ฉันบอกคุณปู่ให้ส่งคนมารับเธอ?” โม่ถิงเซียวหมดความอดทนกับเธอและพูดกับเธอเป็นประโยคสุดท้าย
น้ำเสียงของโม่ถิงเซียวทำให้โม่เอินหยาไม่กล้าที่จะพูดต่อ จึงหันไปมองฉินซุยซานด้วยความไม่พอใจแล้วก็เดินจากไป
โม่ถิงเซียวหันกลับไปจับมือมู่นวลนวล : “ไปเถอะ”
ทั้งสองเดินนำหน้าไป และฉินซุ่ยซานเดินกับบอดี้การ์อยู่ข้างหลัง
ออกมาจากโรงพยาบาล มู่นวลนวลนึกแปลงใจว่าทำไมตอนที่โม่ถิงเซียวไปถึงโรงพยาบาลฉินซุ่ยซานถึงไม่พูดอะไรเลย
เธอรู้สึกสงสัยจึงหันกลับไปมองฉินซุ่ยซาน ก็เห็นสีหน้าของหล่อนที่กำลังจ้องเธอด้วยสายตาแปลกๆ
มองเธอทำไม?
เป้าหมายของหล่อนคือโม่ถิงเซียวไม่ใช่หรอ? เวลานี้เธอควรจะเข้าหาโม่ถิงเซียวสิ?
มู่นวลนวลเพ่งมองไปที่หล่อน หล่อนจึงหลบสายตาไม่มองเธอแล้วขึ้นรถไปกับบอดี้การ์ด
มู่นวลนวลขมวดคิ้วแล้วเดินขึ้นรถ โม่ถิงเซียวคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอแล้วถาม: “มีอะไรหรอ?”
มู่นวลนวลอ้าปากจะพูดถึงแต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร เธอจึงสายหัว
โม่ถิงเซียวคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอเสร็จแล้วมืออีกข้างอยู่ที่เบาะข้างหลังเธอ สีหน้าเย็ยชามองไปที่เธอ : “ทำตัวเป็นเด็ก!”
มู่นวลนวลเถียงกลับ : “พวกเธอก่อเรื่องกันเอง”
แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองก็ทำไม่ถูก ไม่หนักแน่นพอ
แต่จะให้เธอยอมรับว่าตัวเองทำตัวเป็นเด็ก?
ไม่มีทาง
ชีวิตนี้ไม่มีทางยอมรับแน่นอน
เธอแค่ไม่อยากจะเข้าไปแยก ก็ไม่ได้แปลว่าเธอปล่อยให้พวกเขาทะเลาะตบตีกัน
เธอคิดว่าโม่ถิงเซียวจะบ่นเธอต่อ
แต่โม่ถิงเซียวกลับโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากแล้วลูบหัวเธอ น้ำเสียงที่กำลังจะปลอมเธอ : “เพียงแค่คุณปลอกภัย จะทำตัวเป็นเด็กอย่างไรก็ได้”
“หา?” มู่นวลนวลเงยหน้ามองเขา
โม่ถิงเซียวใช้มือขยี่หัวเธอเบาๆ : “เราไปศาลกัน”
“อือ” มู่นวลนวลใช้มือลูบหัวตัวเอง
สักพักเธอหันกลับไปถามโม่ถิงเซียว : “คุณหมายความว่า แค่ฉันชอบหรืออยากทำ ฉันจะทำอะไรก็ได้ใช่ไหม”
โม่ถิงเซียวไม่ได้หันกลับไปตอบเธอ : “แน่นอนอยู่แล้ว”
เหมือนว่าคุยกันไม่จริงจังเท่าไหร่ แต่กลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่จริงจังมาก
มู่นวลนวลถามต่ออีก : “อยากทำอะไรก็ทำใช่ไหม?”
โม่ถิงเซียวไม่ตอบคำถามเธอ
พอรถถึงหน้าศาลแล้วจอดลง เขาจึงพูดกับเธอ : “เมื่อก่อนคือผมที่ทำไม่ถูกต้อง”
มู่นวลนวลคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
“คุณพูดอีกรอบสิ!”
“ลงรถ”
โม่ถิงเซียวไม่พูดต่อ ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงจากรถ
มู่นวลนวลเดินตามลงไป เว้าวอนให้เขาพูดอีกรอบ
ถ้าเกิดเขาพูดอีกรอบเธอจะอัดเสียงไว้ เพราะเธอไม่อยากจะเชื่อว่าโม่ถิงเซียวจะบอกขอโทษเธอแบบนี้