คิ้วของโม่ถิงเซียวขมวดน้อยลง และสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลง
เขากวักมือเรียกมู่นวลนวล:“มานี่”
มู่นวลนวลเดินเข้ามาหา แต่พบว่าเขาถือโทรศัพท์ของเธอ
เมื่อเจ้าสัวโม่เห็นมู่นวลนวลในวิดีโอเขาก็ยิ้มและเรียกเธอ:“เป็นนวลนวลนี่เอง”
“คุณปู่” มู่นวลเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้เจ้าสัวโม่ในวิดีโอ
โม่ถิงเซียวเอาโทรศัพท์มาถือไว้ข้างหน้าตัวเอง:“เอาล่ะ คณปู่อายุมากแล้วรีบเข้านอนเถอะครับ ดื่มชาเยอะๆเพื่อเป็นการถนอนรักษาสุขภาพ”
น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา ไม่ต่างจากปกติ
มู่นวลนวลไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาคุยอะไรกัน และพยักหน้าเห็นด้วย:“หนูคิดว่าโม่ถิงเซียวพูดถูก คุณปู่รีบเข้านอนเถอะค่ะ พักผ่อนเยอะๆ”
เจ้าสัวโม่สำลักและจำใจโบกมือ:“โอเคๆ ฉันไปนอนแล้ว”
ก่อนที่เสียงสิ้นสุดจะหายไป โม่ถิงเซียวก็วางสายวิดีโอคอล
ความเร็วนี้เร็วมากจนทำให้รู้สึกว่าไม่ได้ใส่ใจ
มู่นวลนวลรู้สึกว่าเธอต้องปก้ไขข้อผิดพลาดของเขา:“คุณควรจะรอให้คุณปู่วางสายก่อน”
“อายุมากแล้วมือไม้ก็ช้า รอให้เขาว่างสายจะเสียเวลา” ท่าทางและน้ำเสียงของโม่ถิงเซียวไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
เมื่อมู่นวลนวลคิดถึงเรื่องของฉินซุ่ยซานแล้วก็ไม่ได้ชักชวนอีก
เรื่องของโม่ถิงเซียว เขารู้แก่ใจตัวเองดี
……
เช้าวันต่อมา
มู่นวลนวนตื่นสายตามเคย
เธอเดินเข้าไปที่ห้องอาหารก็เห็นฉินซุ่ยซานกำลังเสิร์ฟอาหารอย่างเงียบๆ หน้าผากที่หัวโนก็ยุบลงแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่น่ากลัวเท่าเมื่อวาน
ฉินซุ่ยซานไม่มี่ไม่มีการแสดงออกใดๆ และนำอาหารมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ
ในขณะที่รับประทานอาหารเช้า มู่นวลนวลก็คอยมองไปที่ฉินซุ่ยซานอย่างสงบ
เธอรู้สึกว่าเมื่อวานหลังจากกลับมาจากโรงพาบาล ฉินซุ่นซานก็ดูแปลกๆไป
ถึงจะรู้สึกว่าแปลกๆแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือเธอพูดน้อยลง และยังคงทำงานอย่างจริงจัง
กลัวว่าที่เธอถูกกระทบกระเทือนเมื่อวานจะทำให้เซ่อๆ หรือฉินซุ่ยซานคิดว่าเป็นคนรับใช้ก็ดี?
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ จู่ๆฉินซุ่ยซานก็เดินเข้ามาหาเธอ ราวกับว่ามีอะไรจะพูโ
มู่นวลนวลโบกมือบอกใบ้ให้คนรับใช้ออกไป
เมื่อคนรับใช้ออกไปหมดแล้ว มู่นวลนวลก็หันไปมองฉินซุ่ยซาน:“มีอะไรก็พูดมา”
ฉินซุ่ยซานเดินตรงเข้ามา:“ฉันอยากกลับแล้ว”
“หึ้ม?” หรือเป็นเพราะทะเลาะกับโม่เอินหยา สมองถูกทุบจนมีสติแล้ว?
สีหน้าของฉินซุ่ยซานดูไม่ค่อยเต็มใจ เธอหาใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า:“ถึงแม้ว่าไม่อยากจะยอมรับ แต่ฉันดูออกว่าคุณกับโม่ถิงเซียวมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก”
เมื่อวานตอนที่อยู่โรงพยาบาล เธอยืนดูอยู่ข้างๆนาจะเห็นได้ชัดเจน
หลังจากที่โม่ถิงเซียวมา ในสายตาของเขาก็มีแต่มู่นวลนวลคนเดียว
อย่าว่าแต่เธอเลย แม้แต่โม่เอินหยา ผู้ชายคนนั้นก็ไม่หันไปมอง
เธอมีความทะเยอทะยาน และบางครั้งก็เชื่อมั่นในความคิดตัวเอง อาจเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
เธอเป็นลูกคนเดียวจากตระกูลที่มีความภาคภูมิในตัวเอง ความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของเธอ บางครั้งอาจจะดูเซ่อๆ แต่ก็ไม่ได้โง่
มู่นวลนวลหันไปหยิบแก้วน้ำ เธอก็ตะลึงและไม่คิดว่าฉินซินซ่ายจะพูดแบบนี้
เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่ฉินซุ่ยซาน
ฉินซุ่ยซานดูเหมือนไม่ชินกับการที่ถูกจ้องมองอย่างนี้ เธอดูอึดอัดและหันหน้าไปมองทางอื่น:“ก็แค่รู้สึกว่าโม่ถิงเซียวรักคุณมาก แล้วก็ตามใจคุณ”
“อ่อ นี่ก็ดูออกหรอ” มู่นวลนวลกะพริบตา และท่าทางของเธอก็ดูเป็นปกติ
ฉินซุ่ยซานรู้สึกว่ามู่นวลนวลเป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์มาก มองแวบแรกก็เห็นว่าหน้าตาดี และท่าทางเอื่อยเฉื่อยอย่างนี้จะไปทำอะไรใครได้
แต่เธอมักจะทิ่มแทงคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ
เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีพื้นฐานครอบครัวไม่ค่อยดีนัก แต่เธอก็ดูเข้มแข็ง เมื่อเธอกับโม่ถิงเซียวยืนอยู่ด้วยกัน เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเข้ากันได้ดี
เมื่อวานตอนที่ฉินซุ่ยซานเห็นโม่ถิงเซียวยืนอยู่ด้วยกันกับมู่นวลนวล เธอก็รู้สึกเช่นนี้
เธอรู้สึกว่าพวกเขาเหมาะสมกัน จนไม่มีใครสามารถเข้าไปได้
“มู่นวลนวล วันนี้ฉันพูดกับคุณยาวไปหน่อย ช่วงนี้คุณเขียนบทอยู่ใช่ไหม?อยากขายบทละครหรอ?ฉันเป็นผู้อำนวยการสร้างหนัง ฉันอาจจะเป็นคนกลางคอยชักนำคุณ และคุณต้องเซ็นสัญญาจ้างงานกับฉันแ”
ฉินซุ่ยซานรู้สึกว่าขณะที่เธอยืนอยู่และมู่นวลนวลนั่งอยู่ ดูเหมือนว่าเธอจะเตี้ยกว่า ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามกับมู่นวลนวล
มู่นวลนวลประหลาดใจ
ฉินซุ่ยซานสามารถปะปนไปกับคนรับใช้เพื่อเข้าไปหาโม่ถิงเซียวในคฤหาสน์ ก็สามารถพูดได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความใจหล้า
อย่างไรก็ตามเธอนำความใจกล้านี้ไปใช้ในที่ที่ไม่ถูกไม่ควร
ไม่ใช่ว่ามู่นวลนวลไม่ไว้ใจฉินซุ่ยซาน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
“ฉันสามารถเซ็นสัญญาจ้างงานกับคุณได้ วันนี้คุณสามารถไปได้เลย เรื่องที่ฉันจะช่วยเป็นคนกลางชักนำคุณ อาจจะไม่จำเป็น”
ไม่ใช่ความคิดด้านมืดของมู่นวลนวล และในทางธุรกิจมีบทละครไม่น้อยที่ถูกขโมย
แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่เป็นที่รู้จัก แต่บทละครของเธอก็ต้องใช้ความคิดมากมายในการเขียนออกมา
ถ้าฉินซุ่ยซานต้องการที่จะทำร้ายเธอจริงๆ จึงสามารถเริ่มได้จากตรงนี้
ฉินซุ่ยซานไม่แปลกใจเลยที่มู่นวลนวลจะทำตัวเรียบง่าย:“โอเค ถึงตอนนั้นถ้าคุณต้องการก็สามารถโทรมาหาฉันได้เลย”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็หยิบเบอร์โทรศัพท์ที่เขียนไว้เมื่อตอนเช้าออกจากกระเป๋าของเธอ
มู่นวลนวลก็รับไว้
ฉินซุ่ยซานเปลี่ยนใส่ชุดสาวใช้ และมู่นวลนวลให้คนขับรถส่งเธอกลับไป
เมื่อเห็นรถของฉินซุ่ยซานออกไป มู่นวลนวลก็รู้สึกเบื่อหน่าย
โชคดีที่เธอมีอินเตอร์เน็ต
อาจจะเป็นเพราะเธอตกเป็นหัวข้อประเด็นร้อนหลายครั้ง ก่อนหน้านี้เธอไม่ชอบเข้าเวยป๋อ แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะมีเรื่องหรือไม่มีเรื่อง เธอก็จะเข้าเวยป่อไปค้นหาหัวข้อประเด็นร้อน
เธอโพสต์เวยป๋อ ประเด็นร้อนยอดนิยมสำหรับเธอก็คือข่าวที่เป็นที่นิยม
“ซือเฉิงยวี่ยกเลิกสัญญากับ Shengding” แค่คำไม่กี่ก็เป็นหัวข้อข่าว
มู่นวลนวลคลิกเข้าไปดู ก็พบว่าชาวเน็ตให้ความสนใจมาก
“จริงหรือปลอม?ก่อนหน้านี้แอคเคาท์เวยป๋อที่บอกว่าเป็นผู้ก่อตั้ง Shengding Media เมื่อไม่นานมานี้บอกว่า ซือเฉิงยวี่ยกเลิกสัญญากับ Shengding Media แล้ว?”
“ฉันคิดว่าอาจเป็นไปไดที่ซือเฉิงยวี่ต้องการให้ตัวเองเป็นเจ้านาย”
“พูดตามตรง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาซือเฉิงยวี่แหล่งทรัพยากรที่ดีที่สุดของ Shengding Media และเป็นทรัพยากรที่ลาดเอียงมาก เมื่อพิจารณาจากบทละครที่ซือเฉิงยวี่ได้รับ มีความแต่งต่างหรอ?ถ้าไม่ใช่เพราะทุ่มเทเต็มที่ให้ซือเฉิงยวี่ Shengding Media ก็สามารถสร้างนักแสดงได้อีกมากมาย และสุดท้านก็โกรธกันจนมองหน้าไม่ติด!”
กระทู้นี้ในเวยป๋อมีผู้กดไลค์และแสดงความคิดเห็นเป็นพัน ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก
มีคนที่โต้แย้งกับบล็อกเกอร์ และมีคนที่เห็นด้วยกับพวกเขา
แม้แต่มู่นวลนวลที่อ่านกระทู้นี้ในเวยป๋อก็รู้สึกว่าที่บล็อกเกอร์พูดก็มีเหตุผล
ซือเฉิงยวี่ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในประเด็นนี้ Shengding Media ได้ใช้กำลังทุ่มเทอย่างมากเช่นกัน
การยกเลิกสัญญาของซือเฉิงยวี่ ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างมากกับ Shengding Media
และมู่นวลนวลก็คิดพิจารณา
เป็นซือเฉิงยวี่ที่ยกเลิกสัญญา หรือว่าโม่ถิงเซียวที่ต้องการยกเลิกสัญญา?