หลังจากที่มู่ซือเหยี่ยนพูดจบ เขาก็มองไปที่มู่นวลนวลและบ่นกับมู่ลี่หยานว่า:“ตอนมู่นวลนวลอายุสิบแปดก็ไม่น่าจะโตเป็นผู้หญิงสวยอย่างนี้ได้ คุณว่ามันตลกไหม ฮาฮาฮา!”
มู่ลี่หยานหันไปมองมู่ซือเหยี่ยนด้วยสีหน้าบึ้งตึง แล้วก็หันกลับมามองมู่นวลนวล:“แกมาทำอะไร?”
“คุณบอกว่าแม่ฉันหายไปหลายวันแล้วไม่ใช่หรอ?ฉันมาถามเกี่ยวกับสถาณการณ์” แม้ว่ามู่นวลนวลจะผิดหวังกับเสี่ยวชูเหอ แต่ก็ยังไม่สามารถเพิกเฉยต่อเธอได้
“ไม่มีอะไรต้องถาม ก็แค่หายไป” เพราะเรื่องของมู่หวันฉี มู่ลี่หยานจึงรู้สึกรำคาญมู่นวลนวล
มู่นวลนวลไม่คิดว่ามู่ลี่หยานจะมีท่าทีอย่างนี้ เธอไม่อยากจะพูดมาก:“ฉันแจ้งตำรวจแล้ว ถ้ามีข่าวอะไร ตำรวจคงจะแจ้งให้คุณทราบ”
เธอหันไปมองมู่ซือเหยี่ยน จากนั้นก็หันกลับเข้าไปในรถ
มู่ซือเหยี่ยนได้ยินที่มู่นวลนวลกับมู่ลี่หยานคุยกัน แล้วก็ต้องเชื่อว่าผู้หญิงที่สวยคนนี้คือมู่นวลนวล
เมื่อลี่หยานได้ยินที่มู่นวลนวลพูดก็ตะคอก แล้วหันไปมองมู่ซือเหยี่ยนที่ยังคงมองมู่นวลนวลอยู่ จึงดุเสียงดังว่า:“มองอะไร ยังไม่เข้าไปอีก!เพิ่งกลับมาจากไปแข่งรถกับพวกเพื่อนเลวๆล่ะสิ แก……”
มู่ซือเหยี่ยนไม่อยากจะฟังที่มู่ลี่หยานบ่น จึงวิ่งเข้าไปหามู่นวลนวล:“นวลนวล อย่าเพิ่งรีบกลับสิ อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน”
มู่ลี่หยานถลึงตาใส่ และตะคอก:“ซือเหยี่ยน กลับมา!”
มู่ซือเหยี่ยนไม่สนใจว่าเขาจะโกรธ โบกมือและพูดอย่างไม่สนใจว่า:“หลายปีแล้วที่ไม่ได้เจอนวลนวล จะกินข้าวกับเธอหน่อยก็ไม่ได้รึไง คุณกลับไปก่อนเถอะ อายุมากแล้วอะไรๆก็โกรธ”
มู่นวลนวลขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว
เมื่อกดหน้าต่างลงมา เธอก็ได้ยินที่มู่ซือเหยี่ยนพูด
ในตระกูลมู่ ถ้าพูดถึงคนที่ดีกับมู่นวลนวล คนคนนั้นคือมู่ซือเหยี่ยน
มู่ซือเหยี่ยนเป็นเด็กผู้ชายที่ต่อไปจะต้องเป็นผู้สืบทอดตระกูลมู่ แน่นอนว่าเขาเป็นที่รักของคนในครอบครัว แม้แต่คนรับใช้ก็เคารพเขามาก
มู่ซือเหยี่ยนซุกซนมาตั้งแต่เด็ก และชอบก่อเรื่องวุ่นวาย
ตอนที่เรียนมัธยมปลายก็เริ่มรวบรวมพรรคพวกและเพื่อนฝูงเพื่อแข่งรถ เที่ยวคลับเที่ยวบาร์ ทุกวันจะไปเที่ยวสนุกอยู่ข้างนอก
เขาชอบเที่ยวสนุก ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่จิตใจดี
อย่างน้อยเวลาเขาเห็นมู่นวลนวลถูกเพื่อนร่วมชั้นรังแกระหว่างเดินทางกลับบ้าน เขาจะช่วยไล่คนที่รังแกเธอออกไป
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มู่นวลนวลนึกถึงเขาไปอีกนาน
เพียงแต่ทั้งสองคนอายุห่างกันสี่ปี ตอนที่มู่นวลนวลอยู่ชั้นมัธยมต้นมู่ซือเหยี่ยนก็ถูกส่งตัวไปอยู่ต่างประเทศแล้ว
มู่ลี่หยานโกรธมากจนมีควันออกหู แต่ก็ทำอะไรมู่ซือเหยี่ยนไม่ได้
ลูกชายคนนี้รู้จักแต่จะกินเที่ยวสนุกไปวันๆ ไม่รู้ว่าเขาเหมือนใคร
เขาไม่สามารถควบคุมลูกชายคนนี้ได้!
เมื่อมู่นวลนวลเห็นว่ามู่ลี่หยานโกรธมู่ซือเหยี่ยนมากจนเดินเข้าคฤหาสน์ไป เธอก็ได้ยินมู่ซือเหยี่ยนพูดข้างหูเธอว่า:“ไปหาที่กินข้าวกันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง”
“ฉันเลี้ยงพี่เอง” มู่นวลนวลหันกลับไปยิ้มให้มู่ซือเหยี่ยน
มู่ซือเหยี่ยนตะลึงกับรอยยิ้มของเธอ แต่เพียงไม่กี่วินาทีก็ตอบกลับ:“โอเค พวกเธอนำหน้าไปก่อน ฉันขับรถตาม”
มู่นวลนวลนึกถึงความเร็วที่มู่ซือเหยี่ยนขับรถตาม ก็รู้สึกตึงหนังศีรษะ:“พี่ไปข้างหน้าเถอะ เราไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารจินติ่ง”
เธอกลัวความสามารถในการขับรถของมู่ซือเหยี่ยน
……
ร้านอาหารจินติ่ง
มู่นวลนวลกับมู่ซือเหยี่ยนนั่งตรงข้ามกันในห้องรับรองพิเศษ
มู่ซือเหยี่ยนอยู่ข้างๆบริกร เขาดูเมนูและสั่งอาหาร:“อันนี้ อันนี้ อันนี้ด้วย……”
มู่นวนวลยิ้มเยาะ มู่ซือเหยี่ยนอยู่ต่างประเทศมาหลายปี ลักษณะนิสัยของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
ชอบดื่มกินชอบสนุก ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย
สุดท้ายอาหารที่สั่งมาก็แทบจะวางบนโต๊ะไม่หมด
“ได้ยินมาว่าเธอแต่งงานเขาตระกูลโม่แทนมู่หวันฉี?เป็นยังไงบ้าง เข้ากับโม่ถิงเซียวได้ไหม?” น้ำเสียงของมู่ซือเหยี่ยนเหมือนคุยกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี
มู่นวลนวลทอดถอนใจ แต่ก็ไม่ได้ลำบากใจที่จะบอกมู่ซือเหยี่ยน
“พี่กลับมาเพราะเรื่องของมู่หวันฉี”
น้ำเสียงของมู่นวลนวลสงบสุขุมจนทำให้มู่ซือเหยี่ยนอึ้ง
เขาว่างตะเกียบและยิ้มให้มู่นวลนวล:“ตอนเด็กๆเธอฉลาดมากว่ามู่หวันฉี และพอโตขึ้นก็โชคดีกว่า”
แม้ว่ามู่ซือเหยี่ยนจะเคยยื่นมือช่วยเธอก็ตาม แต่เขาก็เป็นพี่ชายแท้ๆของมู่หวันฉี
ในใจของมู่นวลนวลรู้เรื่องนี้ดี
“ฉันไม่ได้โชคดีกว่าเธอ เพียงแต่ไม่ได้มีความคิดที่ไม่ดีอย่างเธอ” รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่นวลนวลค่อยๆจางลง:“พี่รู้ไหมว่าเธอพยายามจะฆ่าฉันหลายครั้งหลายคราว?ฉันให้ความเคารพและรักษาสัจจะต่อตระกูลมู่อย่างถึงที่สุดแล้ว เธอกับพ่อหลอกใช้ฉันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ฉันก็ตัดสินใจที่จะไม่ทนอีกต่อไป”
มู่ซือเหยี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ และถามว่า:“แม่เธอล่ะ?เธอก็ไม่สนใจหรอ?”
มู่นวลนวลไม่พูดอะไร มู่ซือเหยี่ยนเม้มปากและถามว่า:“ฉันกลับมาครั้งนี้เพราะเรื่องของมู่หวันฉี ไม่สนว่าเธอจะทำผิดพลาดมากี่ครั้ง เธอก็เป้นน้องสาวแท้ของฉัน ฉันไม่สามารถมองดูเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอได้”
“พี่กำลังโทษฉัน?” มู่นวลนวลถามเขากลับ
ทั้งสองมองหน้ากันและนิ่งเงียบไปชั่วขณะ มู่นวลนวลยิ้มเยาะ:“ในความคิดของพวกคุณ แม้ว่าฉันจะเกือบถูกมู่หวันฉีฆ่าถึงสองครั้ง แล้วสุดท้ายฉันควรจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่คิดเล็กคิดน้อยกับมู่หวันฉี ใช่ไหม?”
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันแค่……” มู่ซือเหยี่ยนอึ้ง ดูเหมือนไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และในที่สุดก็เงียบลง
“ฉันเหนื่อยนิดหน่อย กลับก่อนนะ พี่ใหญ่กินให้อร่อยนะ”
มู่ซือเหยี่ยนเงยหน้ามองเธอ ท่าทางดูลังเล
หลังจากมู่นวลนวลเช็คบิลแล้ว เธอก็ออกจากร้านอาหารจินติ่ง
ในรถ คนขับรถถามเธอว่า:“คุณหญิง กลับบ้านเลยไหมครับ?”
หมู่นวลนวลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า:“ไปโม่กรุ๊ป”
ตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน ถ้าเธอไปหาโม่ถิงเซียวที่โม่กรุ๊ป เธอควรจะทานอาหารกลางวันกับเขา
ไม่นานก็มาถึงโม่กรุ๊ป
มู่นวลนวลไม่ได้ลงจากรถ เธอเหลือบมองไปที่หน้าต่าง จากนั้นก็ก้มลงหยิบโทรศัพท์ และกำลังจะโทรหาโม่ถิงเซียว
แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก้เห็นโม่ถิงเซียวเดินออกมาจากโม่กรุ๊ป
คนที่อยู่ข้างๆเขาคือโม่ชิงเฟิง และด้านหลังมีกลุ่มผู้ชายและผู้หญิงในชุดสูท ทุกคนต่างดูรีบร้อน
มู่ถิงนวลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กดโทรหาโม่ถิงเซียว
โม่ถิงเซียวเดินไปที่ลานจอดรถแล้วกำลังเปิดประตูจะเข้าไปในรถ อาจเป็นเพราะเสียงโทรศัพท์ เขาจึงยังไม่ได้ขึ้นรถ และก้มหยิบโทรศัพท์ออกมา
ทันทีที่เขาหยิบโทรศัพท์ เสียงของโม่ถิงเซียวก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์:“มีอะไรหรอ?”
มู่นวลนวลตอบเขากลับ:“ยุ่งอยู่ไหม?”
โม่ถิงเซียวพูดอย่างถนุถนอม:“อึ้ม”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่โทรมาถาม”
“งั้นแค่นี้ก่อนนะ”
หลังจากวางสายมู่นวลนวลก็เห็นโม่ถิงเซียวขึ้นรถไป
เมื่อเห็นว่ารถของโม่ถิงเซียวและของพวกเขาออกไปแล้ว มู่นวลนวลจึงบอกคนขับว่า:“กลับเถอะ”
คนขับสตาร์ทรถและกำลังจะขับออกไป แต่มีรถขับเข้ามาในถนนที่แคบนี้ คนขับจึงชะลอความเร็วและปล่อยให้รถผ่านไป
รถคันนั้นจอดข้างๆรถของมู่นวลนวล
และต่อมาร่างที่สูงโปร่งของโม่ถิงเซียวก็เดินออกมาจากรถ