มู่นวลนวลไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองสักพัก
คุณอาของโม่ถิงเซียว?
เธอสงสัยอยู่พักหนึ่ง แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าคุณอาของโม่ถิงเซียว ไม่ใช่แม่แท้ๆที่เป็นผู้ให้กำเนิดซือเฉิงยวี่หรอ?
แม้ว่าเธอจะไม่เคยเจอคุณอาของโม่ถิงเซียว และโม่ถิงเซียวก็ไม่เคยพูดถึงคุณอาของเขากับเธอโดยตรง แต่จากความสัมพันธ์พี่ชายน้องชายของเขากับซือเฉิงยวี่ จะเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างโม่ถิงเซียวกับคุณอาของเขาก็ค่อนข้างดี
ถึงแม้ว่าโม่ถิงเซียวจะพูดเบาๆ แต่มู่นวลนวลฟังน้ำเสียงของเขาออก
แต่เนื่องจากความสัมพันธ์ที่แตกหักของเขากับซือเฉิงยวี่ เมื่อเขาเจอกับคุณอาไม่รู้ว่าเขาจะทำตัวอย่างไร และเขาก็ไม่สามารถใช้อารมณ์ได้……
มู่นวลนวลเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วถามเบาๆว่า:“เธอกลับมามีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
ครั้งนี้โม่เจิ้งซิวพูดอะไรกับโม่ถิงเซียว มู่นวลนวลก็ไม่รู้
โม่ถิงเซียวจ้องมองเธออย่างนิ่งๆอยู่สองวินาที แล้วยื่นมือไปแตะผมหน้าม้าบนหน้าผากของเธอ สีหน้าและน้ำเสียงของเขากลับมาเป็นปกติ เขาพูดด้วยน้ำเสียงสงบ:“ไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้เราอาจจะต้องกลับไปที่บ้านเก่า”
แม้ว่ามู่นวลนวลจะเคยบอกว่าจะช่วยเขา แต่เรื่องพวกนี้ก็หนักเกินไป และเขาไม่อยากให้เธอต้องวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้
เมื่ออยู่ด้วยกันกับเขา เขาก็ต้องการให้เธอผ่อนคลายและมีความสุข
มู่นวลนวลไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับคดีลักพาตัวในปีนั้น ยิ่งเวลาผ่านไปโม่ถิงเซียวก็ยิ่งลังเลที่จะให้เธอรับรู้เกี่ยวกับคดีลักพาตัวในปีนั้น
มู่นวลนวลเตรียมที่จะกลับบ้านเก่ามานานแล้ว เธอพยักหน้า:“โอเค”
สิ่งนี้ทำให้โม่ถิงเซียวประหลาดใจเล็กน้อย
และเช้าวันต่อมา เมื่อเขาเห็นมู่นวลนวลหยิบกระเป๋าเดินทางที่จัดระเบียบเรียบร้อยแล้ว เขาก็รู้ว่ามู่นวลนวลเตรียมพร้อมที่จะกลับไปบ้านตระกูลโม่ตั้งนานแล้ว
โม่ถิงเซียวเผลอหัวเราะ แล้วเธอวางกระเป๋าเดินทางลง:“ไม่ต้องเอาของไป แค่จะไปทานอาหารเท่านั้น”
“ใกล้จะปีใหม่แล้ว ปีนี้คุณควรจะกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้าน?” มู่นวลนวลเหลือบมองกระเป๋าเดินทาง และอยากที่จะไปหยิบมันมา
โม่ถิงเซียวหยุดมือของเธอด้วยสายตาของเขา:“หลายปีแล้วที่ฉันไม่ได้กลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้าน ปีนี้ไม่กลับไปก็คงไม่เป็นไร”
มู่นวลนวลอ้าปากอยากจะพูด แต่ถูกโม่ถิงเซียวขัดจังหวะ:“เอาล่ะ ไปกันเถอะ อย่าคิดเรื่องน่าเบื่อพวกนี้เลย”
กลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเป็นเรื่องน่าเบื่อ……
……
ทั้งสองกลับไปบ้านเก่าด้วยกัน
ที่ประตูยังคงมีกลุ่มคนรับใช้และบอดี้การ์ดรอต้อนรับพวกเขากลับไป แต่ความเอิกเกริกจะน้อยกว่าตอนที่พวกเขากลับมาครั้งแรก
มู่นวลนวลเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้จึงไม่รู้สึกอะไรมาก
อาจเป็นไปได้ว่าช่วงนี้จำนวนคนรับใช้ในบ้านและบอดี้การ์ดเพิ่มขึ้น เธอเลยเริ่มคุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว เธอก็รู้สึกว่าโม่ถิงเซียวมีน้ำใจกับเธอมากจริงๆ
หลายๆคนมักบอกว่าคนรวยลึกล้ำดั่งทะเล อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้ แต่เธอก็ยังไม่เคยได้สัมผัสกับมันมากนัก
ประเด็นหลักๆคือช่วงนี้โม่ถิงเซียวอารมณ์ไม่ค่อยดีเอามากๆ เกือบทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอ
“คุณชาย คุณหญิง”
ระหว่างทางคนรับใช้และบอดี้การ์ดเรียกพวกเขาด้วยความเคารพ
เมื่อมาถึงห้องโถง มู่นวลนวลยังไม่ทันเห็นคนที่อยู่ข้างในก็ได้ยินเสียงตื่นเต้นของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“ถิงเซียว”
มู่นวลนวลมองไปรอบๆ และเห็นผู้หญิงวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีแดงเข้ม กำลังเดินมาทางด้านนี้
เธอไม่ได้แต่งหน้า และเธอก็ไม่ได้สวมเครื่องประดับหรูหรา เธอดูเรียบง่ายและสง่างามมาก
เธอเดินเข้าไปหาโม่ถิงเซียว และยื่นมือไปจับแขนของเขา
มู่นวลนวลก็เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้คือโม่เหลียนเป็นคุณอาของโม่ถิงเซียว
“คุณอา” โม่ถิงเซียวเรียกด้วยท่าทางที่นิ่งเฉย แต่เมื่อเธอจะสวมกอดมู่นวลนวลก็ถอยหลังไปครึ่งก้าว เพื่อจะหลบหลีกมือของโม่เหลียน
สีหน้าของโม่เหลียนเต็มไปด้วยความงงงัน
มือของเธอยังคงยกค้างไว้ เหมือนกับถูกแช่แข็งในอากาศ
และบรรยากาศก็กลายเป็นอึดอัดขึ้นมาทันที
มู่นวลนวลหันไปมองโม่ถิงเซียว โม่ถิงเซียวไม่ได้มองเธอ แต่มือของเขาจับที่ไหล่ของเธอบีบเบาๆ เป็นการบอกใบ้ให้เธอสบายใจ
“พวกเราไม่ได้เจอกันมาเกือบสองปีแล้ว” สีหน้าของโม่เหลียนกลับมาเป็นปกติ เธอหันไปมองโม่ถิงเซียว:“ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวเฉินแอบหนีกลับมาหาเธอที่ประเทศจีน ทำให้เธอต้องยุ่งยาก”
โม่ถิงเซียวพยักหน้าอย่างเฉยเมย:“อืม”
“……” คิดไม่ถึงว่าเขาจะพยักหน้า??
“พี่ชาย พี่บอกว่าผมวุ่นวาย ผมยังไม่ได้ทำให้พี่ยุ่งยากเลยนะ!”
ทันใดนั้นเสียงของโม่เจียเฉินก็ดังขึ้นข้างหลังเขา
เมื่อมู่นวลนวลได้ยินก็หันไปมองด้วยความประหลาดใจ เธอเห็นโม่เจียเฉินสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงินเดินมาทางด้านนี้
“เสี่ยวเฉิน!” เธอไม่ได้เจอโม่เจียเฉินมาสักพักแล้ว เธอจึงคิดถึงเขา
โม่เจียเฉินยิ้ม และวิ่งเข้ามาหาเธอ:“พี่นวลนวล!”
“ดูเหมือนว่าจะสูงขึ้นนะ” มู่นวลนวลยื่นมือออกไปเพื่อเปรียบเทียบศีรษะของเธอกับเขา และรู้สึกว่าโม่เจียเฉินสูงขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย
“ใช่ไหม?ผมก็รู้สึกว่าผมสูงขึ้นนิดหน่อย แต่พี่ผม……” จู่ๆโม่เจียเฉินก็หยุดพูด และพูดด้วยน้ำเสียงอึดอัดใจ:“พวกเขาล้วนบอกว่าผมไม่ได้สูงขึ้น
แน่นอนว่าเมื่อตะกี้มู่นวลนวลได้ยินว่าที่เขาพูดสองคำ “พี่ผม”
ดูเหมือนว่าโม่เจียเฉินจะรู้เรื่องของโม่ถิงเซียวกับซือเฉิงยวี่แล้ว
มู่นวลนวลยิ้มและยื่นมือไปตบไหล่ของเขาเบาๆ
โม่เจียเฉินเกาหัวเหมือนเกรงใจ และถามด้วยความเป็นห่วงว่า:“ได้ข่าวว่าพี่ท้องแล้ว?”
เขามองไปที่มู่นวลนวล:“แต่ดูไม่เหมือนท้องเลย”
“เจ้าโง่ ตอนนี้เขายังเล็กอยู่ อีกสองเดือนถึงจะโตขึ้น” มู่นวลนวลอดไม่ได้ที่จะเคาะหัวเขาอีกครั้ง
“นี่คือนวลนวลเหรอ”
เสียงของโม่เหลียนดังขึ้น มู่นวลนวลและโม่เจียเฉินต่างก็หันมามองเธอ
มู่นวลนวลก็ตระหนักได้ว่าตอนที่เธอคุยกับโม่เจียเฉิน ดูเหมือนว่าโม่ถิงเซียวกับโม่เหลียนจะไม่ได้พูดอะไรเลย
เมื่อกี้ที่เธอคุยกับโม่เจียเฉิน เธอไม่ได้อยู่ใกล้กับโม่ถิงเซียว เขาจึงดึงเธอมาข้างๆ และแนะนำอย่างสั้นๆว่า:“นี่มู่นวลนวล เป็นภรรยาของผม ”
จากนั้นเขาก็มองไปที่โม่เหลียนและพูดกับมู่นวลนวลว่า:“นี่คุณอา”
เมื่อโม่ถิงเซียวแนะนำโม่เหลียนแล้ว มู่ถิงนวลก็เรียกอย่างเชื่อฟัง:“คุณอา ฉันคือนวลนวล”
“สวยจริงๆ” โม่เหลียนยิ้มอย่างอ่อนโยน
หลังจากที่เธอพูดจบก็พูดเสริมว่า:“สวยกว่าในรูปอีก”
มู่นวลนวลประหลาดใจ:“รูปอะไรคะ?”
“ผมถ่ายส่งให้แม่ของผม” โม่เจียเฉินเดินไปข้างๆโม่เหลียน แล้วยื่นมือไปโอบไหล่โม่เหลียน:“ผมบอกแล้วว่าพี่นวลนวลเป็นคนที่สวยมาก”
มู่นวลนวลยิ้ม
ไม่รู้ว่าโม่ชิงเฟิงเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่:“อยู่กันที่นี่เอง เข้าไปนั่งสิ ”
มู่นวลนวลสับสนนิดหน่อย ความสัมพันธ์ของโม่ถิงเซียวกับโม่ชิงเฟิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าอย่างนั้นเธอควรเรียกว่าโม่ชิงเฟิงงั้นหรอ?
โม่ถิงเซียวไม่ให้เวลาเธอได้สับสน เขาโอบเธอเดินเข้าไปข้างใน:“เข้าไปนั่งกัน”
ทันทีที่มู่นวลนวลนั่งลง โม่เจียเฉินก็เดินเข้ามาหาเธอ และถามด้วนความอยากรู้อยากเห็น
ไม่มีใครพูดถึงเรื่องของซือเฉิงยวี่
ในขณะนั้นซือเฉิงยวี่กับโม่เอินเหยาก็เดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยกัน